เขาสังเกตทัศนียภาพโดยรอบ อาณาเขตแถบนี้เป็นต้นไม้เก่าแก่ลายพร้อย ดูแข็งแกร่งเปี่ยมพลังหาใดเปรียบ แต่ละต้นล้วนต้องใช้เจ็ดแปดคนโอบจึงสามารถล้อมได้หมด เปลือกแก่แตกแยกออกประหนึ่งเกล็ดมังกร
บนผืนดินใบไม้ร่วงหล่นหนาแน่น เห็นชัดว่ากองสะสมนานหลายปี กรุ่นกลิ่นอายกัดกร่อน
ที่นี่คือแดนลับอสูรมารอริยะ?
เดิมหลินสวินคิดว่า ในเมื่อแดนลับอสูรมารอริยะอยู่ภายใต้แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จะต้องเป็นโลกใต้บาดาลอย่างแน่นอน ใครเล่าจะคิดว่ากลับกลายเป็นแผ่นดินที่ต้นไม้เขียวชอุ่มผืนหนึ่ง!
แน่นอน สิ่งที่ทำให้หลินสวินผิดคาดที่สุดคือ เขากับจ้าวจิ่งเซวียนแยกจากกันแล้ว!
ไม่เพียงแต่จ้าวจิ่งเซวียนเท่านั้น แม้แต่คนอื่นจากแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณต่างก็หาไม่เจอ…
สถานการณ์ท่าจะไม่ดีแล้ว!
หลินสวินขมวดคิ้วมุ่น เดิมทีเขาเคยปรึกษากับจ้าวจิ่งเซวียนว่าจะดำเนินการด้วยกัน
แต่ใครจะไปคาดคิด ทันทีที่เข้าสู่แดนลึกลับแปลกหน้าแห่งนี้ พวกเขากลับถูกพลังที่มองไม่เห็นจับแยกกันไปคนละทาง กระจัดกระจายกันออกไป
“ให้ตาย นี่มันเรื่องอะไรกัน”
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ เหตุใดถึงไม่เห็นพวกคุณชายแล้ว”
ที่ไกลออกไปจู่ๆ เกิดเสียงวุ่นวายขึ้น
หลินสวินพลันมองเห็นว่าในสถานที่ห่างออกไปมีเงาร่างสิบกว่าร่าง ทั้งชายและหญิง มาจากกลุ่มเผ่าแตกต่างกันไป
เห็นชัดว่าพวกเขาต่างก็คาดไม่ถึงเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าหลังจากเข้ามายังแดนลึกลับจะถูกแยกกระจายกันออกไป ชั่วขณะเดียวก็ทำให้สิ่งที่พวกเขาตระเตรียมไว้ก่อนหน้าเสียแผนไปหมด
ไม่นานนักพวกเขาก็สังเกตเห็นหลินสวิน พลันสงบปากลงทันที ไม่พูดมากความอีก ทั้งยังกระจายกันออกไปอย่างรวดเร็ว ต่างฝ่ายต่างป้องกันตนเอง
เพราะหลังจากเข้ามายังแดนลับอสูรมารอริยะนี้แล้ว พวกเขาก็คือคู่แข่ง ขณะที่เสาะหาวาสนา ต่างฝ่ายต่างเต็มไปด้วยการแก่งแย่งแข่งขันอย่างเปี่ยมล้น
หลินสวินเริ่มก้าวเท้า คิดอยากจะออกไปจากตรงนี้ให้ไว
อันที่จริงขณะที่เขาเคลื่อนไหว คนอื่นต่างก็กระจายกันออกไป มุ่งหน้ากันไปคนละทาง ไม่ว่าใครก็ไม่อยากถูกคนอื่นจับจ้องระแวดระวัง เกรงจะนำมาซึ่งสิ่งที่ไม่อาจคาดคะเน
“หืม? หลินจือหิมะเถาวัลย์ม่วง!”
แว่วเสียงประหลาดใจหนึ่งดังมาแต่ไกล
ก็เห็นผู้ฝึกปราณจากเผ่าวิญญาณอมตะคนหนึ่งอยู่ที่รากต้นไม้เก่าแก่ต้นหนึ่ง ค้นพบเถาวัลย์ม่วงท่อนหนึ่ง บนเถาวัลย์ม่วงมีเห็ดหลินจือขาวบริสุทธิ์ดุจหิมะเกิดขึ้นมาดอกหนึ่ง อบอวลไปด้วยแสงประกาย โชยกลิ่นหอมต้องจมูก
หลินจือหิมะดอกนี้แค่มองก็รู้ว่าไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง ราวเจียระไนจากหยกขาว แวววาวเปล่งประกาย แสงกระจ่างไหลบ่าเอ่อล้น
ผู้ฝึกปราณคนนี้ย่อตัวลง หยิบกริชออกมาเล่มหนึ่ง ก่อนลงมือขุดอย่างระมัดระวัง หมายขุดเถาวัลย์ม่วงท่อนนั้นออกมาอย่างสมบูรณ์
ปึง!
ทันใดนั้นเองเสียงแหวกอากาศดังก้องขึ้น แสงทมิฬสายหนึ่งพุ่งมาอย่างรวดเร็วราวอสนีบาต ทะลุผ่านศีรษะของผู้ฝึกปราณคนนั้น เปิดฉากฝนโลหิตแถบหนึ่ง
ผู้ฝึกปราณคนนั้นดวงตาเบิกกว้างฉายแววคับแค้นไม่พอใจ ลงไปนอนกองท่ามกลางบ่อโลหิต
นั่นเป็นลูกศรสีดำดอกหนึ่ง แม่นยำรวดเร็ว เหี้ยมโหดหาใดเปรียบ ปลิดชีพในดอกเดียว จู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว ทำให้ผู้ฝึกปราณนั่นไม่ทันได้ตอบสนองก็จบชีวิตลงตรงนั้น
นี่ทำให้ผู้ฝึกปราณจำนวนหนึ่งที่อยู่ใกล้เคียงใจสั่นสะท้าน อำมหิตเกินไปแล้ว! เพิ่งจะเข้ามายังแดนลับอสูรมารอริยะ ก็ถูกคนยิงสังหารอย่างไร้เยื่อใย
“สมบัติล้ำค่าเช่นนี้ใช่ของที่เจ้าแตะต้องได้รึ” เงาร่างแข็งแรงกำยำหนึ่งก้าวเข้ามา ก่อนช่วงชิงหลินจือหิมะเถาวัลย์ม่วงไป
นั่นคือชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ล่ำสันคนหนึ่ง ผมสีโลหิตหนาทึบทั้งศีรษะ นัยน์ตาดุจคมดาบน่าพรั่นพรึง มือถือเกาทัณฑ์ยักษ์คันหนึ่ง พละกำลังสะกดผู้คน
“พวกเจ้าจงดูให้ดี เขตหวงห้ามนี้ถูกข้า ‘เผ่าสิงห์โลหิต’ ยึดครองไว้แล้ว วาสนาทั้งหมดในนี้ล้วนเป็นของพวกข้า ใครกล้าแตะต้อง มันผู้นั้นต้องตาย!”
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ล่ำสันกวาดสายตามองทั่วทิศ ตวาดเสียงกร้าวราวราชสีห์แผดเสียงคำราม น้ำเสียงเจือไอสังหารเข้มข้นแผ่ซ่านออกมา
พูดจบ เงาร่างเขาก็วูบหายไปยังส่วนลึกของผืนป่า
ผู้คนมากมายต่างโกรธแค้น แต่พวกเขาต่างคนต่างแยกย้ายกันไป เมื่อสูญเสียการปกป้องดูแลจากผู้แข็งแกร่งของเผ่าตน ยามพบเจอการข่มขู่กดดันเช่นนี้ก็ได้แต่หักห้ามใจเอาไว้
“เจ้าหมอนั่นดูเหมือนจะเป็นสือจวิ้นอัจฉริยะรุ่นเยาว์แห่งเผ่าสิงห์โลหิต นิสัยโอหังแข็งกร้าว บ้าเลือดหาใครเสมอเหมือน”
มีคนพูดเสียงเบา
“ระวังหน่อย ไม่ได้ยินรึไง ในป่าที่อยู่ไกลออกไปนั่นยังมีผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตอีกมาก!”
ผู้คนไม่น้อยต่างพบว่าในผืนป่าอันห่างไกลตะคุ่มมัว ผู้แข็งแกร่งของเผ่าสิงห์โลหิตกลับไม่ได้แยกย้ายกันออกไป
หลินสวินเองก็สังเกตเห็นทั้งหมด อดขมวดคิ้วไม่ได้ ผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตนั่นเผด็จการเกินไปแล้ว วิธีการก็เหี้ยมโหดถึงขีดสุด
ผู้ฝึกปราณจำนวนมากต่างเริ่มถอยร่นออกห่างจากบริเวณนี้ ไม่ยอมปะทะเผ่าสิงห์โลหิตซึ่งหน้า
และมีอีกหลายคนยังอยู่ต่อ เพราะพวกเขารู้สึกว่าผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตรวมตัวกันเช่นนี้ เกรงว่าจะค้นพบวาสนาอะไรบางอย่างจึงต้องการปิดล้อมที่นี่ ไม่ยอมให้ผู้อื่นมาแตะต้อง
ท้ายที่สุดหลินสวินก็ตัดสินใจซ่อนคมในฝัก เขาตัวคนเดียว ยังไม่รู้ถึงเบื้องลึกของแดนลับอสูรมารอริยะอย่างละเอียดถี่ถ้วน ไม่อยากให้มีปัญหาแทรกซ้อนมาเพิ่มอีก
ผืนป่ารกชัฏ หลินสวินก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง เขาในเวลานี้แบกธนูวิญญาณไร้แก่นสาร มือถือดาบหักมั่น ตื่นตัวและรอบคอบ
เขาย่อมไม่กล้าประมาทเป็นธรรมดา ที่นี่คือแดนลับอสูรมารอริยะ ทั้งยังมีผู้แข็งแกร่งแฝงตัวอยู่มากมาย ใครจะรู้ว่าเก็บซ่อนอันตรายและการดักปล้นสังหารมากเท่าไหร่
หลังจากนั้นครึ่งเค่อ
เสียงกัมปนาทแปลกประหลาดราวมังกรคำรามพลันก้องดังขึ้นจากด้านหลัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์