Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 552

สรุปบท ตอนที่ 552: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สรุปตอน ตอนที่ 552 – จากเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

ตอน ตอนที่ 552 ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 552 ต้นไม้น้อยสีทอง
ตอนที่ 552 ต้นไม้น้อยสีทอง
โดย
ProjectZyphon
หลินสวินตะลึงงันอยู่บ้าง

เขาสังเกตทัศนียภาพโดยรอบ อาณาเขตแถบนี้เป็นต้นไม้เก่าแก่ลายพร้อย ดูแข็งแกร่งเปี่ยมพลังหาใดเปรียบ แต่ละต้นล้วนต้องใช้เจ็ดแปดคนโอบจึงสามารถล้อมได้หมด เปลือกแก่แตกแยกออกประหนึ่งเกล็ดมังกร

บนผืนดินใบไม้ร่วงหล่นหนาแน่น เห็นชัดว่ากองสะสมนานหลายปี กรุ่นกลิ่นอายกัดกร่อน

ที่นี่คือแดนลับอสูรมารอริยะ?

เดิมหลินสวินคิดว่า ในเมื่อแดนลับอสูรมารอริยะอยู่ภายใต้แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จะต้องเป็นโลกใต้บาดาลอย่างแน่นอน ใครเล่าจะคิดว่ากลับกลายเป็นแผ่นดินที่ต้นไม้เขียวชอุ่มผืนหนึ่ง!

แน่นอน สิ่งที่ทำให้หลินสวินผิดคาดที่สุดคือ เขากับจ้าวจิ่งเซวียนแยกจากกันแล้ว!

ไม่เพียงแต่จ้าวจิ่งเซวียนเท่านั้น แม้แต่คนอื่นจากแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณต่างก็หาไม่เจอ…

สถานการณ์ท่าจะไม่ดีแล้ว!

หลินสวินขมวดคิ้วมุ่น เดิมทีเขาเคยปรึกษากับจ้าวจิ่งเซวียนว่าจะดำเนินการด้วยกัน

แต่ใครจะไปคาดคิด ทันทีที่เข้าสู่แดนลึกลับแปลกหน้าแห่งนี้ พวกเขากลับถูกพลังที่มองไม่เห็นจับแยกกันไปคนละทาง กระจัดกระจายกันออกไป

“ให้ตาย นี่มันเรื่องอะไรกัน”

“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ เหตุใดถึงไม่เห็นพวกคุณชายแล้ว”

ที่ไกลออกไปจู่ๆ เกิดเสียงวุ่นวายขึ้น

หลินสวินพลันมองเห็นว่าในสถานที่ห่างออกไปมีเงาร่างสิบกว่าร่าง ทั้งชายและหญิง มาจากกลุ่มเผ่าแตกต่างกันไป

เห็นชัดว่าพวกเขาต่างก็คาดไม่ถึงเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าหลังจากเข้ามายังแดนลึกลับจะถูกแยกกระจายกันออกไป ชั่วขณะเดียวก็ทำให้สิ่งที่พวกเขาตระเตรียมไว้ก่อนหน้าเสียแผนไปหมด

ไม่นานนักพวกเขาก็สังเกตเห็นหลินสวิน พลันสงบปากลงทันที ไม่พูดมากความอีก ทั้งยังกระจายกันออกไปอย่างรวดเร็ว ต่างฝ่ายต่างป้องกันตนเอง

เพราะหลังจากเข้ามายังแดนลับอสูรมารอริยะนี้แล้ว พวกเขาก็คือคู่แข่ง ขณะที่เสาะหาวาสนา ต่างฝ่ายต่างเต็มไปด้วยการแก่งแย่งแข่งขันอย่างเปี่ยมล้น

หลินสวินเริ่มก้าวเท้า คิดอยากจะออกไปจากตรงนี้ให้ไว

อันที่จริงขณะที่เขาเคลื่อนไหว คนอื่นต่างก็กระจายกันออกไป มุ่งหน้ากันไปคนละทาง ไม่ว่าใครก็ไม่อยากถูกคนอื่นจับจ้องระแวดระวัง เกรงจะนำมาซึ่งสิ่งที่ไม่อาจคาดคะเน

“หืม? หลินจือหิมะเถาวัลย์ม่วง!”

แว่วเสียงประหลาดใจหนึ่งดังมาแต่ไกล

ก็เห็นผู้ฝึกปราณจากเผ่าวิญญาณอมตะคนหนึ่งอยู่ที่รากต้นไม้เก่าแก่ต้นหนึ่ง ค้นพบเถาวัลย์ม่วงท่อนหนึ่ง บนเถาวัลย์ม่วงมีเห็ดหลินจือขาวบริสุทธิ์ดุจหิมะเกิดขึ้นมาดอกหนึ่ง อบอวลไปด้วยแสงประกาย โชยกลิ่นหอมต้องจมูก

หลินจือหิมะดอกนี้แค่มองก็รู้ว่าไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง ราวเจียระไนจากหยกขาว แวววาวเปล่งประกาย แสงกระจ่างไหลบ่าเอ่อล้น

ผู้ฝึกปราณคนนี้ย่อตัวลง หยิบกริชออกมาเล่มหนึ่ง ก่อนลงมือขุดอย่างระมัดระวัง หมายขุดเถาวัลย์ม่วงท่อนนั้นออกมาอย่างสมบูรณ์

ปึง!

ทันใดนั้นเองเสียงแหวกอากาศดังก้องขึ้น แสงทมิฬสายหนึ่งพุ่งมาอย่างรวดเร็วราวอสนีบาต ทะลุผ่านศีรษะของผู้ฝึกปราณคนนั้น เปิดฉากฝนโลหิตแถบหนึ่ง

ผู้ฝึกปราณคนนั้นดวงตาเบิกกว้างฉายแววคับแค้นไม่พอใจ ลงไปนอนกองท่ามกลางบ่อโลหิต

นั่นเป็นลูกศรสีดำดอกหนึ่ง แม่นยำรวดเร็ว เหี้ยมโหดหาใดเปรียบ ปลิดชีพในดอกเดียว จู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว ทำให้ผู้ฝึกปราณนั่นไม่ทันได้ตอบสนองก็จบชีวิตลงตรงนั้น

นี่ทำให้ผู้ฝึกปราณจำนวนหนึ่งที่อยู่ใกล้เคียงใจสั่นสะท้าน อำมหิตเกินไปแล้ว! เพิ่งจะเข้ามายังแดนลับอสูรมารอริยะ ก็ถูกคนยิงสังหารอย่างไร้เยื่อใย

“สมบัติล้ำค่าเช่นนี้ใช่ของที่เจ้าแตะต้องได้รึ” เงาร่างแข็งแรงกำยำหนึ่งก้าวเข้ามา ก่อนช่วงชิงหลินจือหิมะเถาวัลย์ม่วงไป

นั่นคือชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ล่ำสันคนหนึ่ง ผมสีโลหิตหนาทึบทั้งศีรษะ นัยน์ตาดุจคมดาบน่าพรั่นพรึง มือถือเกาทัณฑ์ยักษ์คันหนึ่ง พละกำลังสะกดผู้คน

“พวกเจ้าจงดูให้ดี เขตหวงห้ามนี้ถูกข้า ‘เผ่าสิงห์โลหิต’ ยึดครองไว้แล้ว วาสนาทั้งหมดในนี้ล้วนเป็นของพวกข้า ใครกล้าแตะต้อง มันผู้นั้นต้องตาย!”

ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ล่ำสันกวาดสายตามองทั่วทิศ ตวาดเสียงกร้าวราวราชสีห์แผดเสียงคำราม น้ำเสียงเจือไอสังหารเข้มข้นแผ่ซ่านออกมา

พูดจบ เงาร่างเขาก็วูบหายไปยังส่วนลึกของผืนป่า

ผู้คนมากมายต่างโกรธแค้น แต่พวกเขาต่างคนต่างแยกย้ายกันไป เมื่อสูญเสียการปกป้องดูแลจากผู้แข็งแกร่งของเผ่าตน ยามพบเจอการข่มขู่กดดันเช่นนี้ก็ได้แต่หักห้ามใจเอาไว้

“เจ้าหมอนั่นดูเหมือนจะเป็นสือจวิ้นอัจฉริยะรุ่นเยาว์แห่งเผ่าสิงห์โลหิต นิสัยโอหังแข็งกร้าว บ้าเลือดหาใครเสมอเหมือน”

มีคนพูดเสียงเบา

“ระวังหน่อย ไม่ได้ยินรึไง ในป่าที่อยู่ไกลออกไปนั่นยังมีผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตอีกมาก!”

ผู้คนไม่น้อยต่างพบว่าในผืนป่าอันห่างไกลตะคุ่มมัว ผู้แข็งแกร่งของเผ่าสิงห์โลหิตกลับไม่ได้แยกย้ายกันออกไป

หลินสวินเองก็สังเกตเห็นทั้งหมด อดขมวดคิ้วไม่ได้ ผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตนั่นเผด็จการเกินไปแล้ว วิธีการก็เหี้ยมโหดถึงขีดสุด

ผู้ฝึกปราณจำนวนมากต่างเริ่มถอยร่นออกห่างจากบริเวณนี้ ไม่ยอมปะทะเผ่าสิงห์โลหิตซึ่งหน้า

และมีอีกหลายคนยังอยู่ต่อ เพราะพวกเขารู้สึกว่าผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตรวมตัวกันเช่นนี้ เกรงว่าจะค้นพบวาสนาอะไรบางอย่างจึงต้องการปิดล้อมที่นี่ ไม่ยอมให้ผู้อื่นมาแตะต้อง

ท้ายที่สุดหลินสวินก็ตัดสินใจซ่อนคมในฝัก เขาตัวคนเดียว ยังไม่รู้ถึงเบื้องลึกของแดนลับอสูรมารอริยะอย่างละเอียดถี่ถ้วน ไม่อยากให้มีปัญหาแทรกซ้อนมาเพิ่มอีก

ผืนป่ารกชัฏ หลินสวินก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง เขาในเวลานี้แบกธนูวิญญาณไร้แก่นสาร มือถือดาบหักมั่น ตื่นตัวและรอบคอบ

เขาย่อมไม่กล้าประมาทเป็นธรรมดา ที่นี่คือแดนลับอสูรมารอริยะ ทั้งยังมีผู้แข็งแกร่งแฝงตัวอยู่มากมาย ใครจะรู้ว่าเก็บซ่อนอันตรายและการดักปล้นสังหารมากเท่าไหร่

หลังจากนั้นครึ่งเค่อ

เสียงกัมปนาทแปลกประหลาดราวมังกรคำรามพลันก้องดังขึ้นจากด้านหลัง

จินตู๋อีดูเหมือนจะเข้าใจแล้ว ก่อนจะกล่าวอย่างเร่าร้อน ‘เยี่ยมยอดจริงๆ สามารถก่อสร้างทางลึกลับอัศจรรย์เช่นนี้เหนือแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ได้ ฝีมือเช่นนี้จะต้องเป็นอัครอริยมรรคเท่านั้นจึงจะสำแดงออกมาได้!’

ยังไม่รอให้หลินสวินได้เอ่ยปาก เขาก็พูดน้ำลายแตกฟองต่อ ‘เจ้าคนข้างนอกนั่น ครั้งนี้เจ้าได้พัฒนาแล้ว! ข้ากล้ายืนยันได้เลยว่าในดินแดนลึกลับนี่ต้องมีวาสนายิ่งใหญ่ยากจินตนาการแน่นอน!’

‘ข้ารู้อยู่แล้ว’

หลินสวินแทบจะกลอกตาใส่ ในที่สุดเขาก็แน่ใจว่าเจ้าคางคกเรื้อนจินตู๋อีนี่ ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับแดนลับอสูรมารอริยะสักนิด

‘เจ้ารอก่อนสิ ถึงแม้ข้าไม่รู้ที่มาของแดนลี้ลับนี้ แต่ก็มองมูลค่าของวาสนาและสมบัติลึกลับส่วนหนึ่งออก มิสู้… เจ้าปล่อยข้าออกไป พวกเราร่วมมือกันเสาะหาวาสนาเป็นอย่างไร’

จินตู๋อีใช้วิธีพูดหว่านล้อม ‘เจ้าลองคิดดู มีข้าคอยชี้แนะ วาสนาที่ไหนจะหลุดหนีจากมือเจ้า นี่คือโอกาสที่หาได้ยาก ตามปกติแล้วข้าจะไม่ตกปากรับคำใครง่ายๆ นะ’

‘ช่างมันเถอะ วาสนาก็คือวาสนา สิ่งที่ทดสอบก็คือโชควาสนาของแต่ละคน ไหนเลยจะสามารถให้เจ้าได้มาครองโดยง่าย เจ้าคางคก เจ้าน่ะอยู่นิ่งๆ ไปเถอะ!’

หลินสวินปฏิเสธอย่างเด็ดขาด ไม่พูดไร้สาระกับจินตู๋อีอีก ทันทีที่เจ้าคางคกเรื้อนนี่ออกมา จะต้องไม่ให้ความร่วมมือดีๆ แน่ ไม่แน่ว่าอาจจะหลบหนีไปด้วย

ไม่นานนักหลินสวินก็ออกมาจากป่าผืนนั้น มาถึงหน้าผาแห่งหนึ่ง

ทอดสายตามองจากจุดนี้ไปก็สามารถมองเห็นอย่างชัดเจน การต่อสู้ในส่วนลึกของผืนป่าได้ปิดฉากลงแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าต้นไม้น้อยสีทองอันวิเศษมหัศจรรย์ต้นนั้น ท้ายที่สุดตกอยู่ในมือผู้ใด

หืม?

ทันใดนั้นหลินสวินก็สังเกตเห็นว่า บนหน้าผาสูงชันอีกฟากหนึ่งมีโอสถวิญญาณต้นหนึ่งขึ้นอยู่ ฝนแสงลอยละล่องซ้อนสลับ โชยกลิ่นหอมกำจร แสงมันวาวนั่นประดุจดั่งแสงจันทร์พร่าเลือนบริสุทธิ์

สมบัติชั้นดี!

หลินสวินนัยน์ตาฉายแวววาบ เพียงแค่สูดกลิ่นหอมโอสถเพียงครั้งก็ทำให้เขาปลอดโปร่งโล่งสบายไปทั้งตัว เลือดลมไหลเวียน รู้สึกกะปรี้กะเปร่า

ไม่ต้องสงสัยเลย โอสถวิญญาณต้นนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน ถึงขั้นเหนือกว่าหลินจือหิมะเถาวัลย์ม่วงต้นที่เห็นก่อนหน้าหนึ่งขั้น

เพียงแต่เมื่อหลินสวินคิดจะเก็บมัน ลูกศรวิญญาณสีดำดอกหนึ่งก็ยิงออกมา เสียงดีดผึงพุ่งตรงไปยังหน้าผา ทำให้หินผาพังทลายสั่นสะเทือนไม่หยุด

หลินสวินเบี่ยงตัวหลบ แม้ดูตระหนกแต่ไม่ได้รับอันตราย ก่อนมองไปยังที่ห่างไกล

ก็เห็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ล่ำสันคนหนึ่งยืนอยู่ไกลออกไป มือถือเกาทัณฑ์ยักษ์ ผมสีโลหิตทั้งศีรษะประดุจเปลวเพลิง กลิ่นอายสะกดข่มผู้คน แววตาดุดัน

สือจวิ้น!

หลินสวินคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะพบเจ้าหมอนี่อีก เขาไม่ได้ไปแย่งชิงต้นไม้น้อยสีทองนั่นหรอกรึ ทำไมถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่

“หญ้าแสงจันทร์ต้นนี้ข้าจองไว้แล้ว เจ้ามีความเห็นอะไรไหม”

สายตาสือจวิ้นเคร่งขรึมเย็นชา กวาดมองหลินสวินราวใบมีดคมกริบ คำพูดแฝงการข่มขู่อย่างไม่ปิดบังแม้แต่น้อย

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์