“ไม่คัดค้าน” หลินสวินสูดหายใจลึก สะกดกลั้นความไอสังหารภายในใจ
“ถึงยังไงเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์คัดค้าน!” สือจวิ้นยิ้มเย็น สะบัดแขนเสื้อทีหนึ่ง ก่อนดึงหญ้าแสงจันทร์ต้นนั้นจากไป
“เอ๋ ธนูคันนี้ของเจ้าไม่เลวนี่ เอามาให้ข้าดูหน่อยซิ” ทันใดนั้นนัยน์ตาสือจวิ้นฉายแวววาบ มองมายัง ‘ธนูวิญญาณไร้แก่นสาร’ ข้างหลังหลินสวิน
“สหายยุทธ์ เจ้าทำเช่นนี้ออกจะเกินไปหน่อยกระมัง” หลินสวินสีหน้าสงบนิ่ง แท้จริงเตรียมพร้อมจะลงมือไว้แล้ว ธนูวิญญาณไร้แก่นสารเองก็เป็นของล้ำค่าหายากชิ้นหนึ่ง ใช้ลอบสังหารศัตรู ที่ลี้ลับเกิดคาดเดาที่สุดคือไม่อาจปัดป้องได้
ขณะเดียวกันธนูคันนี้มีพลานุภาพอัศจรรย์สองอย่างคือ ‘หยั่งรู้ทัศนวิสัย’ และ ‘สงบนิ่งสิ้นเชิง’ เพียงแค่จุดนี้ก็ใช่ว่าสมบัติทั่วไปจะสามารถเทียบเคียงได้
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หลินสวินไม่มีทางมอบธนูนี้ให้แน่
“สือจวิ้น เวลาเหลือไม่มากแล้ว ธิดาเทพกำลังรอพวกเราอยู่” ผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตคนหนึ่งที่อยู่ไกลออกไปเอ่ยปาก เตือนสือจวิ้นว่าไม่อาจล่าช้าอีกต่อไป
สือจวิ้นมุ่นคิ้ว ยอมปล่อยไปชั่วคราว กล่าวว่า “มาเถอะ มากับพวกเรา”
“มีอะไรรึ” หลินสวินถาม ตีหน้าซื่อเก็บดาบหักและธนูวิญญาณไร้แก่นสาร
“อย่าพูดมาก ให้เจ้าไปก็รีบไป!” สือจวิ้นหมดความอดทนอยู่บ้าง สีหน้าท่าทางข่มขู่สุดกำลัง ไม่เห็นหลินสวินอยู่ในสายตาสักนิด
ในขณะเดียวกันหลินสวินก็ตระหนักว่าในทิศทางอื่นมีผู้ฝึกปราณไม่น้อยที่เหมือนกับเขา ถูกผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตบีบบังคับคุมตัวประหนึ่งนักโทษมารวมกันอยู่ตรงนี้
หลินสวินหรี่นัยน์ตาลง เหลือบมองสือจวิ้นเล็กน้อย ท้ายที่สุดก็ข่มกลั้นเอาไว้ ไม่ได้ลงมือทันที
สือจวิ้นรู้สึกหนาวเยือกอย่างไม่มีสาเหตุ เพียงแต่ความรู้สึกนี้พริบตาเดียวก็หายไป ทำให้เขาแทบจะนึกว่าคิดไปเอง
“รีบไป เวลาเหลือไม่มากแล้ว ธิดาเทพกำลังเรียกหาพวกเรา ตำหนักที่ซ่อนโอสถเทพนั่นใกล้ปรากฏขึ้นแล้ว” ผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตคนหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปตะโกนลั่น
นั่นเป็นชายวัยกลางคนที่อาจหาญแข็งแกร่งคนหนึ่ง นัยน์ตาดุจอสนีบาต ฉายแววเย็นเยือกน่าตระหนก ท่วงทำนองมรรคแผ่กระจายทั่วร่าง เห็นชัดว่าเป็นผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะรุ่นอาวุโสคนหนึ่ง ศักยภาพทรงพลังน่าหวาดกลัว
เขามีนามว่าเป้าหยา เป็นหัวหน้าคนหนึ่งของผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิต
“ทุกท่าน เดินทางไปด้วยกันเถอะ” เป้าหยาเปิดปากพูดคุย
หลินสวินได้แต่ข่มกลั้นอดทน เดินทางไปพร้อมกับผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิต
มีผู้ฝึกปราณจำนวนมากถูกจับกุมมาเหมือนกับเขา
ภายหลังหลินสวินจึงรู้ว่าเผ่าสิงห์โลหิตต้องการใช้พวกเขาเป็นเบี้ย มุ่งหน้าไปยังสถานที่ล่อแหลมอันตรายเกินคาดเดาแห่งหนึ่งเพื่อแสวงหาวาสนา
หลังผ่านไปหนึ่งก้านธูป
พวกเขาทั้งกลุ่มปรากฏตัวอยู่กลางทะเลทรายผืนหนึ่ง
ทะเลทรายเสมือนไร้ขอบเขต ไม่มีต้นหญ้าเจริญเติบโต ปกคลุมไปด้วยกรวดทรายสีทองอร่าม
ไม่เหมือนทะเลทรายของโลกภายนอก ท้องฟ้าและผืนดินที่นี่เย็นเยียบเสียดกระดูกถึงที่สุด แม้ว่าเป็นเวลากลางวันก็เต็มไปด้วยอากาศหนาวเย็นอันน่าประหวั่น ทำให้รู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว
เมื่อพวกหลินสวินมาถึงที่แห่งนี้ พบว่ายังมีผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตอีกกลุ่มหนึ่งมาถึงก่อนแล้ว รอคอยอยู่ตรงนั้น
ผู้นำคือหญิงสาวงามงดสีหน้าท่าทางหยิ่งทะนงเย็นชาคนหนึ่ง ผมสีโลหิตนุ่มสลวยทั้งศีรษะ รูปร่างสูงโปร่งเพรียวบาง สวมเสื้อคลุมสีดำ ยืนอยู่ตรงนั้นตามอารมณ์ ให้ความรู้สึกงดงาม เย็นชา แปลกแตกต่างไม่เหมือนใคร
“คำนับธิดาเทพ!”
เมื่อเห็นหญิงสาวคนนี้ พวกเป้าหยาสือจวิ้นต่างเปลี่ยนเป็นเคารพนอบน้อมขึ้นมา เห็นชัดว่าหญิงสาวคนนี้สถานะสูงส่งในเผ่าสิงห์โลหิต ต้องเป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญยิ่งคนหนึ่งแน่นอน
“นั่นคือธิดาเทพหลินหลางเผ่าสิงห์โลหิตรึ”
“น่าจะเป็นนาง ได้ยินว่าผู้หญิงคนนี้จิตใจอำมหิต ฝีมือโหดเหี้ยม พลังปราณทั่วร่างลึกล้ำยากหยั่งถึง พวกเราตกอยู่ในเงื้อมมือนาง ผลที่ตามช่างน่าหนักใจเหลือเกิน”
บรรดาผู้ฝึกปราณที่ถูกจับกุมมาพวกนั้นส่งเสียงกระซิบกระซาบ สีหน้าเต็มไปด้วยความท้อแท้สิ้นหวังและกลัดกลุ้มใจ
หลินสวินกลับสีหน้าท่าทางนิ่งสงบ พิจารณาทุกสิ่งรอบด้านอย่างไม่เป็นที่สังเกต
“ธิดาเทพ อาการบาดเจ็บของท่านเป็นอย่างไรบ้าง” เป้าหยาก้าวไปข้างหน้าก่อนถามเสียงเบา
“ไม่สาหัสนัก” หลินหลางส่ายศีรษะ
“น่าแค้นใจนัก บุตรเทพอวี่เซียวเซิงเผ่าวาฬมังกรนั่น ถึงขั้นกล้าอาศัยช่วงชุลมุนดักซุ่มโจมตี แค้นนี้ต้องชำระ!” สือจวิ้นกัดฟันกรอด ส่งเสียงออกมาด้วยความโกรธ
“ไม่เพียงแต่ชำระแค้น ยังต้องชิงต้นกล้า ‘รุกขทรัพย์วิญญาณทอง’ ที่อริยะเพาะปลูกนั่นกลับมา! บนนั้นสลักความลับแห่งมหามรรคธาตุทอง คือสมบัติล้ำค่าแห่งฟ้าดิน ไม่อาจตกอยู่ในเงื้อมมือเผ่าวาฬมังกรเด็ดขาด!” เป้าหยากล่าวอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ
“พอได้แล้ว เรื่องนี้ไม่ช้าก็เร็วย่อมมีโอกาสให้สะสาง เรื่องเร่งด่วนตอนนี้คือเข้าไปยังตำหนักหลังนั้นโดยเร็วที่สุด ภายในนั้นซ่อนโอสถเทพซึ่งครอบครองความอัศจรรย์ของศุภโชค มิอาจสูญเสียไปได้”
ธิดาเทพหลินหลางโบกมือ นำทุกคนเริ่มดำเนินการ มุ่งหน้าเข้าสู่ส่วนลึกของทะเลทราย
‘ต้นกล้ารุกขทรัพย์วิญญาณทอง…’
หลินสวินตะลึงงัน ในที่สุดก็รู้ว่าต้นไม้น้อยสีทองที่เห็นในป่าก่อนหน้านี้ ถึงกับเป็นต้นไม้ล้ำค่าซึ่งให้กำเนิดความลี้ลับแห่งมหามรรคธาตุทอง!
นี่ช่างหาได้ยากยิ่งนัก เรียกได้ว่าเป็นสิ่งไร้เทียมทาน เพียงแค่เพาะปลูกลงไป ชั่วขณะเดียวก็สามารถหยั่งถึงความเร้นลับของมหามรรคธาตุทอง
สมบัติล้ำค่าเช่นนี้เรียกได้ว่ามิอาจประเมินค่าได้ แม้อยู่ในดินแดนโบราณก็ยากจะพบเห็นอย่างยิ่ง
เห็นชัดว่ากล้าไม้ล้ำค่าต้นนี้เดิมถูกเผ่าสิงห์โลหิตหมายตาไว้ แต่ผลระหว่างต่อสู้แย่งชิงกัน กลับถูกบุตรเทพเผ่าวาฬมังกรอวี่เซียวเซิงซุ่มโจมตีช่วงชิงไป
และธิดาเทพเผ่าสิงห์โลหิตหลินหลางนี่ ก็ได้รับบาดเจ็บจากการลอบโจมตีครั้งนั้น
ไม่นานหลินสวินก็ไม่อาจคิดมากความ ด้วยพวกเขาถูกพามายังส่วนลึกของทะเลทราย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์