เส้นทางที่นำไปสู่เกาะกลางทะเลสาบกว้างเพียงสี่ฉื่อ ยาวร้อยจั้ง ตรงเหมือนไม้บรรทัด ไม่กลัวหินหนืดหลอมละลาย
ฮูม!
ทันทีที่เขาก้าวเท้าไปบนทางสายนี้ อากาศพลันแผ่คลื่นผนึกต้องห้ามอันน่าพรั่นพรึงออกมาทันที ภาพรอยสลักวิญญาณแน่นขนัดบินว่อน แสงประกายวาบวาวน่ากลัว
“อ๊าก…”
ผู้ฝึกปราณที่เป็นผู้นำเพิ่งก้าวขึ้นไปบนทางเส้นนี้ ร่างกายของเขาก็เหมือนถูกคมดาบตัดขาด จู่ๆ ก็ระเบิดแตกเป็นชิ้นๆ กลายเป็นฝนเลือดร่วงลงสู่พื้น
นี่ทำให้สีหน้าทุกคนเปลี่ยนไปฉับพลัน ความหนาวเย็นพวยพุ่งในใจ สั่นเทิ้มไปทั้งตัว
เพิ่งจะก้าวไปได้ก้าวเดียว ก็มีคนประสบเคราะห์แล้ว น่าสะพรึงกลัวเกินไปแล้ว!
“ผู้อาวุโส ที่แห่งนี้คือสถานที่มรณะ ไปแล้วไม่สามารถกลับมาได้อีกนะ!” มีคนเว้าวอนสีหน้าขาวซีด คำนับคารวะไม่หยุด ขอร้องให้ปล่อยเขาไป
ในเวลานี้เหล่าผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตอย่างพวกสือจวิ้น เป้าหยาและธิดาเทพหลินหลางต่างมีสีหน้าเคร่งขรึม ตกใจกับผนึกต้องห้ามของสถานที่แห่งนี้
เพียงก้าวเดียวเท่านั้นก็สังหารไปหนึ่งคนแล้ว ใครจะกล้าจินตนาการเล่า
ธิดาเทพหลินหลางก้าวออกมาข้างหน้า ในมือถือธงเหลือง นัยน์ตาเย็นเยียบเปล่งประกายแวววาว มองไปเบื้องหน้าราวกับกำลังอนุมานอะไรบางอย่าง
ครู่หนึ่งนางจึงชี้นิ้วไปที่ผู้ฝึกปราณคนที่อ้อนวอนพร้อมพูดว่า “เจ้า ก้าวขึ้นซ้ายไปห้าก้าว ยืนบนตำแหน่งตะวันตกเฉียงใต้ แล้วเดินไปข้างหน้าอีกสามก้าว”
ผู้ฝึกปราณคนนั้นสั่นเทิ้มไปทั้งตัว สีหน้าเปลี่ยนไป สุดท้ายก็กัดฟันเดินหน้าสำรวจทางตามคำชี้แนะของธิดาเทพหลินหลาง
ตามคาด ครั้งนี้เขาไม่ได้ประสบเคราะห์
ทันใดนั้นผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตลอบโล่งอก ตราบใดที่ผนึกต้องห้ามนี้ยังไม่ถูกทำลาย แม้พวกเขาจะจับผู้ฝึกปราณมากมายเพียงใดไปสำรวจทางก็ไร้ประโยชน์
โชคดีที่ธิดาเทพหลินหลางพอจะอนุมานทางรอดได้บ้าง ทำให้พวกเขามีแรงฮึดขึ้นมาอีกครั้งและมุ่งมั่นจะคว้าวาสนาบนเกาะกลางทะเลสาบ
หลินสวินคอยสังเกตอย่างเงียบๆ เมื่อเขาเห็นธิดาเทพหลินหลางแนะนำเส้นทาง ก็อดจะประหลาดใจไม่ได้ ตระหนักได้ว่านางมารคนนี้ก็มีความเชี่ยวชาญในศาสตร์การสลักวิญญาณอย่างลึกซึ้ง
“ก้าวไปทางขวาหนึ่งก้าว ยืนในตำแหน่งตะวันออกเฉียงใต้ แล้วก้าวเดินไปทางตะวันตก” ธิดาเทพหลินหลางชี้แนะต่อ
ผู้ฝึกปราณคนนั้นฝืนทำตามคำสั่ง
ฟุ่บ!
แต่แล้วพอผู้ฝึกปราณทำตามจนเสร็จ ร่างกายของเขาเพิ่งจะหยุดบนตำแหน่งนั้น ทั้งร่างกายาก็ถูกห่อหุ้มด้วยเปลวไฟอันน่าสะพรึง กลายเป็นขี้เถ้าทันทีโดยไม่มีแม้แต่โอกาสกรีดร้องด้วยซ้ำ!
เร็วเกินไปแล้ว!
เปลวไฟนั่นราวกับโปร่งใส เผด็จการหาที่เปรียบ ประหนึ่งเป็นไฟศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถเผาผลาญสรรพสิ่งได้
ผู้ฝึกปราณคนนั้นก็ถือว่าอยู่ในระดับหยั่งสัจจะ ทว่ายังไม่ทันได้ตอบสนองก็ประสบเคราะห์กลายเป็นขี้เถ้าไป ภาพนั้นชวนให้หนังหัวชาวาบ เหงื่อเย็นซึมไปทั้งตัว
สุดท้ายมีคนรับความกดดันเช่นนี้ไม่ไหว พลันหมุนตัวจะวิ่งหนีห่างออกไปอย่างบ้าคลั่ง ปากก็ตะเบ็งเสียงว่า “ข้าไม่ไปตาย! ไม่ไป!”
“ไม่ไปก็ตาย!”
เป้าหยาส่งเสียงหัวเราะเหี้ยมโหด ชักทวนสีเลือดเล่มหนึ่งออกมาโบก เสียงฟุ่บดังขึ้นคราหนึ่งก็ตัดหัวคนผู้นั้นลง ละอองเลือดสาดกระเซ็นเต็มพื้นดิน
ฉากนองเลือดนี้ทำให้ทุกคนขวัญหนีดีฝ่อ ราวกับตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง นี่คือการเชือดไก่ให้ลิงดู เพื่อขู่และบีบบังคับพวกเขา ใครกล้าไม่ทำตาม นี่ก็คือจุดจบ!
“หึ ล้มเหลวเพียงเล็กน้อยเท่านั้นก็กลัวจนไม่กล้าเดินหน้าต่อแล้ว ในอนาคตจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร รีบตายไปซะยังดีกว่า”
เป้าหยาส่งเสียงอย่างเย็นชา ทำให้ผู้ฝึกปราณเหล่านั้นโกรธถึงขีดสุด เจ้าหมอนี่ช่างไร้ยางอายและโหดร้ายเกินไปแล้ว น่าชิงชังอย่างที่สุด
“สหายท่านนี้ ตาเจ้าแล้ว ไป ขึ้นไปฟังคำชี้แนะของธิดาเทพ!” เป้าหยาชี้ไปที่ผู้ฝึกปราณคนหนึ่ง
คนผู้นั้นหน้าขาวซีด อยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่กล้า
ในที่สุดสีหน้าของเขาดูไร้ความรู้สึก ก้าวไปข้างหน้า ถ้าเขาไม่ทำเช่นนี้ก็จะถูกฆ่าทันที อย่างไรก็มีแต่ตาย ถ้าอย่างนั้นก็ลองสู้ดูสักตั้ง
เพียงแต่ถึงจะมีคำชี้แนะของธิดาเทพหลินหลาง สุดท้ายเขาก็ล้มลงอย่างไร้เสียง ถูกลำแสงไร้รูปตัดหัว นอนจมกองเลือดและระเหยหายไปในทันที
ทุกคนขนพองสยองเกล้า นี่คือหนทางสู่ดินแดนแห่งวาสนาซะที่ไหน เป็นทางมรณะที่กลืนกินชีวิตต่างหาก!
แม้แต่ธิดาเทพหลินหลานยังมีสีหน้าเคร่งขรึม ภายในนัยน์ตาวับวาวด้วยแสงเย็นเยียบน่ากลัว ดำเนินการอนุมานอย่างสุดความสามารถ
“ข้าจะสู้กับพวกเจ้า!” จู่ๆ ก็มีคนตะเบ็งเสียงขึ้นมา โจมตีอย่างอุกอาจ พุ่งสังหารไปทางสือจวิ้นที่อยู่ใกล้ที่สุด
แต่แล้วก็ได้ยินเสียงฟุ่บ เขาพลันถูกเป้าหยาสะบัดทวนฟันเอวจนร่างขาดเป็นสองท่อน ตายคาที่พร้อมความเคียดแค้น
“แมลงเม่าบินเข้ากองไฟหรือ น่าขัน!” เป้าหยาดูถูก
ทุกคนต่างโกรธมาก สีหน้าเขียวคล้ำกำหมัดแน่น ในใจอัดอั้นอย่างที่สุด ผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตเห็นพวกเขาเป็นเบี้ย ไม่สนความเป็นความตายของพวกเขา โหดเหี้ยมเย็นชาอย่างที่สุด
หลินสวินเงียบมาโดยตลอด ไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ ไม่มีใครรู้ว่าเขาเองก็กำลังสอดส่องและอนุมานพลังผนึกต้องห้ามที่ปกคลุมที่แห่งนี้อยู่เช่นกัน
“ธิดาเทพ เวลากระชั้นชิด จะยื้อต่อไปไม่ได้แล้ว ไม่สู้…ใช้สมบัติลับของเผ่าเปิดทางเล่า” ผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตคนหนึ่งเอ่ยอย่างกังวล
ธิดาเทพหลินหลางขมวดคิ้ว สูดหายใจเข้าลึกๆ “สมบัติลับชิ้นนั้นจะเอามาใช้ง่ายๆ ไม่ได้ ให้เวลาข้าอีกหน่อย”
สมบัติลับหรือ?
เหล่าผู้ฝึกปราณที่ถูกจับตัวมาลอบก่นด่าในใจ ผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตเหล่านี้ไร้ยางอายเกินไปแล้ว พกสมบัติลับมาด้วยแท้ๆ แต่กลับไม่ยอมเอาออกมาใช้ แต่จะเอาชีวิตของพวกเขาไปสำรวจทาง น่าชิงชังจริงๆ!
“เจ้าหนู เจ้าเตรียมตัว อีกเดี๋ยวก็ถึงตาเจ้าลงมือแล้ว”
เป้าหยากวาดสายตาไปหยุดที่หลินสวินแล้วสั่งเสียงเย็น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์