เพียงแต่ความหมายในคำพูดของนาง กลับทำให้เหล่าผู้ฝึกปราณที่ถูกจับมาสีหน้าหม่นแสง เดือดดาลอย่างที่สุด
ไม่ปล่อยให้เหลือรอดงั้นหรือ
หมายความว่าจะฆ่าพวกเขาทั้งหมดสินะ!
ผู้หญิงคนนั้นใจคอเหี้ยมนัก!
“พวกเจ้าทำแบบนี้ไม่ได้นะ ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรบนฝั่งทะเลสาบต่างมองอยู่ พวกเจ้าทำเช่นนี้ จะต้องถูกเผยแพร่ออกไปและกระตุ้นความโกรธของผู้คน!”
มีคนพูดเสียงสั่น
“เหอะๆ เผ่าวาฬมังกรหรือ ไม่ต้องเป็นห่วง รอตอนที่พวกเราไปจากที่นี่ พวกเขาก็หนีไม่รอดแม้แต่คนเดียว!”
สีหน้าของเป้าหยาเย็นชา สายตาเต็มไปด้วยความชิงชัง ไม่พูดถึงเผ่าวาฬมังกรยังพอว่า พอพูดถึงก็ทำให้เขาเดือดดาลอย่างที่สุด ต้นกล้ารุกขทรัพย์วิญญาณทองที่กำลังจะได้ครอบครอง กลับถูกพวกนั้นฉวยโอกาสตอนวุ่นวายลอบทำร้ายและช่วงชิงไป!
จะไม่ให้เป้าหยาชิงชังได้อย่างไร
“หืม ในเกาะกลางทะเลสาบมีไร่โอสถด้วย! แม้จะรกร้าง แต่ภายในก็ยังมีโอสถวิญญาณไม่น้อยกำลังส่งกลิ่นหอมกรุ่น!”
ทันใดนั้นสายตาของสือจวิ้นพลันเหลือบเห็นว่า ตีนเขาที่อยู่ไม่ไกลนักมีไร่โอสถผืนหนึ่ง
ไร่โอสถนั่นวิเศษอย่างมาก รดด้วยคลื่นไฟหินหนืดในทะเลสาบ พื้นดินสะท้อนสีจรัสแสงราวกับเพลิง เต็มไปด้วยหมอกและคลื่นความร้อน
เหตุผลที่เมื่อครู่นี้ไม่ได้สังเกตเห็น เพราะถูกหมอกนั่นปกคลุมอยู่
แต่ตอนนี้พอมองไปอย่างละเอียด ก็จะพบว่าบนดินที่สีเพลิงสดนั่นมีโอสถวิญญาณไม่น้อยปลูกอยู่เป็นหย่อมๆ!
บางส่วนมีลักษณะคล้ายกิเลน มีสีเขียวสดใส นั่นคือหญ้ากิเลน เป็นโอสถที่สูญพันธุ์ไปแล้วในโลกภายนอก แม้แต่ราชันระดับสังสารวัฏมาเห็นก็เป็นต้องตาลุกวาว!
บางชนิดมีลักษณะคล้ายโสม แต่มีผลกลมวาว ผลสีแดงสว่าง เหมือนโคมไฟขนาดเล็กที่มีรุ้งศักดิ์สิทธิ์ไหลวน
นี่คือ ‘โสมราชันโคมสมบัติ’!
ตอนที่เห็นโอสถนี้ เหล่าผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตต่างตาลุกวาว ลมหายใจหอบถี่
โสมราชันโคมสมบัติ เพียงหยดเดียวก็สามารถทำให้คนตายฟื้นคืน กระดูกขาวมีเลือดเนื้อขึ้นมาอีกครั้ง! ไม่ว่าจะเจอบาดแผลรุนแรงเพียงใด กลืนลงไปเพียงหยดเดียวก็สามารถกลับเป็นเหมือนเดิมได้ทันที!
แม้แต่หลินสวินยังหวั่นไหว โสมราชันโคมสมบัติ หนึ่งโคมหมายถึงหนึ่งพันปี บนโสมราชันต้นนี้อย่างน้อยๆ ก็มีผลที่ราวกับโคมไฟแขวนอยู่สิบแปดดวง ก็หมายความว่ามันหยั่งราก ณ ที่แห่งนี้มาหนึ่งหมื่นแปดพันปีแล้วงั้นหรือ
และยังมีหญ้ากิเลนนั่น ก็ไม่ธรรมดาเลย ให้ประโยชน์มหัศจรรย์คาดไม่ถึงยามหยั่งรู้การฝึกปราณ
นอกจากนี้ในไร่โอสถยังมีโอสถวิญญาณอื่นๆ แต่ละชนิดล้วนมีลักษณะโดดเด่น แสงสมบัติไหลวน ส่องแสงแวววาวเป็นประกาย ปล่อยกลิ่นหอมอันเย้ายวน
อึกๆ… เสียงกลืนน้ำลายแว่วขึ้นในที่นั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตหรือผู้ฝึกปราณที่ถูกจับมา ตอนนี้ต่างถูกโอสถวิญญาณในไร่โอสถดึงดูด
เพียงแค่ตีนเขาเกาะกลางทะเลสาบเท่านั้น ยังไม่ใช่บนภูเขาเทพเซียนที่ไอทองม่วงปกคลุม ก็มีไร่โอสถแบบนี้แล้ว และนี่ก็เพียงพอที่จะเรียกว่าวาสนา
“เจ้า ไปเด็ดโอสถวิญญาณต้นหนึ่งมา ถ้าเด็ดกลับมาได้ก็จะไว้ชีวิตเจ้า!”
จู่ๆ เป้าหยางก็พูดขึ้น เขาสัมผัสได้อย่างมีไหวพริบว่า แม้ไร่โอสถนั่นจะน่าดึงดูด แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยพลังผนึกต้องห้าม น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
“ข้า…” ผู้ฝึกปราณคนนั้นอึ้ง พลันได้สติ สีหน้าดูแย่มาก จะให้พวกเขาไปตายอีกแล้ว!
“ทำไม เจ้ามีปัญหาหรือ”
สายตาของเป้าหยาเหี้ยมโหดเต็มไปด้วยไอสังหาร
ผู้ฝึกปราณคนนั้นอัดอั้นเปี่ยมโทสะอย่างที่สุด แต่สุดท้ายก็จนปัญญา ได้แต่เข้าไปใกล้อย่างระมัดระวัง เขาไม่ได้ก้าวเข้าไปในไร่โอสถ แต่ใช้พลังคว้าโอสถวิญญาณต้นหนึ่งจากกลางอากาศ
ฮูม!
ทว่าไร่โอสถนั่นพลันมีฝนแสงเทลงมา ไม่เพียงสลายพลังฝ่ามือของเขา แม้แต่ร่างกายของเขาก็ถูกปกคลุมไปด้วย พริบตาเดียวเท่านั้นเขาก็กลายเป็นกองเลือดข้น ตายคาที่พร้อมความเกลียดชัง
เฮือก!
ทุกคนสูดหายใจด้วยความตระหนก ได้สติอย่างสิ้นเชิง ตระหนักได้ว่าผนึกต้องห้ามที่ปกคลุมไร่โอสถอยู่นี้ น่าสะพรึงกลัวกว่าที่พวกเขาจินตนาการไปมาก
ตอนนี้เมื่อรวมหลินสวินเข้าไปด้วย เหลือผู้ฝึกปราณที่ถูกจับมาเพียงสามคน เห็นฉากนี้แล้วต่างรู้สึกคับแค้น โศกเศร้าและสิ้นหวัง
“เจ้าไป จำไว้ว่าห้ามใช้พลัง”
เป้าหยาชี้ผู้ฝึกปราณอีกคน
ผู้ฝึกปราณคนนั้นพลันกัดฟัน ส่งเสียงคำรามแล้วพุ่งไปที่ภูเขาม่วงอำพัน
“รนหาที่ตาย!”
เสียงฟุ่บดังสนั่น เป้าหยากวัดแกว่งทวน สังหารผู้ฝึกปราณคนนั้นอย่างเย็นชาและดุดัน
ทันใดนั้นในลานก็เหลือแค่หลินสวินและผู้ฝึกปราณอีกคน ไม่จำเป็นต้องสงสัยเลยว่า หายนะครั้งต่อไปจะตกอยู่บนหัวพวกเขาอย่างแน่นอน
“ไอ้หนู ส่งธนูในมือเจ้ามาก่อน!” จู่ๆ สายตาของสือจวิ้นก็มาหยุดที่หลินสวิน จนขนาดนี้แล้ว เขายังอาลัยอาวรณ์สมบัตินี้
“พวกเจ้ารังแกกันเกินไปแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่สู้ให้ข้าส่งพวกเจ้าไปลงนรกเป็นอย่างไร”
หลินสวินสีหน้านิ่งสงบ ก่อนหน้านี้เขาอดทนมาโดยตลอด สังเกตผนึกต้องห้ามและเค้าโครงของเกาะกลางทะเลสาบ จึงไม่ได้ลงมือในทันที
แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เลี่ยงการต่อสู้ไม่ได้แล้ว
“เจ้าว่าอะไรนะ”
สือจวิ้นแทบไม่เชื่อหูตัวเอง มาถึงตอนนี้ เด็กหนุ่มระดับมหาสมุทรวิญญาณเผ่ามนุษย์คนนี้ยังกล้าพูดจาแบบนี้อีกหรือ เขาบ้าไปแล้วหรือไร
“ข้าบอกว่า ข้าจะส่งพวกเจ้าไปลงนรก!”
ในขณะที่พูด หลินสวินพลันยื่นมือสะบัด แสงสีดำแถบหนึ่งยิงออกมา
นี่คือหนอนกินเทพที่ถูกผนึกไว้ แต่เมื่อพวกมันถูกปลุกขึ้นมา…ก็จะเกิดหายนะ!
ชิ้ง!
ในขณะเดียวกัน ดาบหักก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ สาดฝนแสงเปล่งประกายราวกับดวงดาวแถบหนึ่ง
“รนหาที่ตายจริงๆ!”
สือจวิ้นเดือดดาลจนกลายเป็นยิ้ม กวัดแกว่งดาบแหลมกระดูกขาวอย่างรุนแรง
แต่แล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เพียงการโจมตีเดียวเท่านั้น ดาบแหลมกระดูกขาวของสือจวิ้นก็ถูกฟันขาด ราวกับเปราะบางจนต้านทานการโจมตีเดียวไม่ได้
ฟุ่บ!
ทันใดนั้นหัวของสือจวิ้นก็หลุดร่วงลงมาอย่างง่ายดายราวกับผ่าแตงโม เลือดสดสาดกระเซ็น ย้อมอากาศจนกลายเป็นสีเลือด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์