Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 559

สรุปบท ตอนที่ 559: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 559 – ตอนที่ต้องอ่านของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนนี้ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 559 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 559 ชิงคัมภีร์มรรค
ตอนที่ 559 ชิงคัมภีร์มรรค
โดย
ProjectZyphon
น้ำเสียงเต็มไปด้วยไอสังหารและการข่มขู่

ก็เห็นธิดาเทพหลินหลางไม่รู้หันกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ นัยน์ตาฉายแววเยียบเย็นกวาดมองหลินสวิน

เพียงแต่นางอยู่ในช่วงสำคัญที่ต้องกำราบคัมภีร์สีทองเล่มนั้น ไม่มีกำลังแบ่งมาลงมือ ได้แต่ใช้คำพูดข่มขู่

“ฆ่าก็ฆ่าไปแล้ว ยังจะกลัวคำขู่เจ้าทำไม”

หลินสวินสีหน้าไม่สะทกสะท้าน ขณะพูดก็สังหารอย่างต่อเนื่อง เปิดฉากนองเลือดฉากหนึ่ง

“เจ้ารนหาที่ตาย!”

ธิดาเทพหลินหลางโกรธจนหน้าเขียว กัดฟันกรอด แต่ที่จนปัญญาคือเวลานี้นางไม่อาจแบ่งกำลังมาจัดการกับหลินสวิน ได้แค่หักห้ามใจไว้ชั่วคราว

เพียงแต่ภายในใจ นางได้ตัดสินโทษประหารหลินสวินแล้ว

นางไม่ลังเล ตั้งใจจดจ่อกับการสยบคัมภีร์สีทองเล่มนั้น โคจรพลังทั้งหมด ถึงขั้นใช้วิชาลับทั้งหมดโดยไม่เสียดาย ปากกระอักเลือดพิสุทธิ์ออกมา ทำให้อานุภาพระฆังสำริดสีเลือดนั่นน่าหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม กดข่มคัมภีร์ทองจนไร้แรงดิ้นรน ได้แต่ส่งเสียงคร่ำครวญ

ซ่า…

ไม่ช้าคัมภีร์สีทองก็เงียบงันลง หน้าคัมภีร์คลายลงก่อนพลิกตลบเปิดออก ลำแสงทองไหลบ่าเอ่อล้น ภายในเต็มไปด้วยอักษรโบราณลึกซึ้งยากหยั่งถึง ขยับเคลื่อนมีชีวิตชีวาราวกับไส้เดือน

ธิดาเทพหลินหลางรู้สึกยินดีขึ้นมา รู้ว่าคัมภีร์เล่มนี้ใกล้ถูกกำราบและจะกลายเป็นของตนแล้ว

สวบ!

แต่ทว่าในช่วงเวลาสำคัญนี้ ลำแสงดุจแพรไหมสายหนึ่งม้วนพัดมา ตวัดรัดคัมภีร์เล่มนั้นอย่างแน่นหนา

แสงมรรคทองนิลกาฬ!

เป็นหลินสวินที่หลังจากสังหารผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตพวกนั้นก็ลงมืออย่างเหี้ยมหาญ หมายฉวยโอกาสชิงคัมภีร์เล่มนี้

เดิมทีเขาคิดว่าจะสังหารธิดาเทพหลินหลางก่อน แต่ในใจเขาประจักษ์ชัดแจ้งว่าผู้หญิงคนนี้น่ากลัวถึงขีดสุด หากมิอาจปลิดชีพในคราเดียว เป็นไปได้สูงว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝัน ถึงขั้นทำให้สูญเสียคัมภีร์เล่มนี้ไปด้วย

“รนหาที่ตาย!”

ธิดาเทพหลินหลางบันดาลโทสะ โกรธจนนัยน์ตาทั้งสองดุจเปลวเพลิงร้อนระอุ ระฆังสำริดสีเลือดเหนือศีรษะนางส่งคลื่นเสียงเรียบง่ายทรงพลัง แผ่ขยายออกพันธนาการคัมภีร์เล่มนั้นไม่ให้มันถูกชิงไป

แต่สิ่งที่ทำให้นางคาดไม่ถึงคือ แสงมรรคทองนิลกาฬกลับไม่ถูกสั่นสะเทือนทลายลง!

นี่มันสมบัติอะไรกัน

สายตาธิดาเทพหลินหลางจ้องไปยังเจดีย์ไร้อักษรนั่นในมือหลินสวินทันที ตระหนักได้ว่านี่ต้องเป็นสมบัติลับที่ล้ำค่าเหนือจินตนาการอย่างหนึ่งเช่นกัน อานุภาพไม่ด้อยไปกว่าระฆังสำริดสีเลือดของตนเลย

ครืน!

นางสะบัดชายเสื้อคราหนึ่ง ฝนกระบี่สีเลือดห่าหนึ่งถาโถมออกมาหนาแน่นราวน้ำตก แสงโลหิตเชี่ยวกราก พลานุภาพน่าหวาดหวั่น

ขณะเดียวกันนางควบคุมระฆังสำริดสีเลือดเต็มกำลัง หมายฉวยโอกาสชิงคัมภีร์สีทองนั่นไป

“หึ!”

หลินสวินยิ้มยะเยือก มือกระชับดาบหักมั่น ไอดาบประกายดาวเจิดจรัสแผ่กระจาย สลายฝนกระบี่สีโลหิตผืนนั้นทั้งมวล

ขณะเดียวกันเขาก็กระตุ้นแสงมรรคทองนิลกาฬ หมายแย่งชิงคัมภีร์สีทองนั่นไป ไม่ถอยแม้เพียงก้าว

ดูเหมือนจะง่าย แท้จริงแล้วเลือดลมทั่วร่างหลินสวินก็ม้วนตลบ รู้สึกแย่จนแทบกระอักเลือด การโจมตีนี้ของธิดาเทพหลินหลางน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว แฝงพลังสัจจะมหามรรค แม้ถูกคลี่คลายลง แต่ก็ทำให้เขาถูกสะเทือนเกือบจะบาดเจ็บ

นี่ทำให้หลินสวินกริ่งเกรงอยู่ในใจยิ่งกว่าเดิม นางมารนี่แม้มีเพียงปราณระดับหยั่งสัจจะขั้นต้น แต่พลังต่อสู้กลับแข็งแกร่งหาใดเปรียบ บางทีเมื่อเทียบกับเซียวหรัน ซูซิงเฟิง จ้าวจิ่งเซวียนพวกนี้แล้วอาจไม่ด้อยไปกว่ากันเท่าไร!

ในใจธิดาเทพหลินหลางยิ่งสั่นสะท้านมากกว่า แค่เด็กหนุ่มระดับมหาสมุทรวิญญาณคนหนึ่ง สามารถคลายกระบวนท่าสังหารของนางลงง่ายดายเช่นนี้ นี่ทำให้นางแทบไม่อยากเชื่ออยู่บ้าง

เจ้าหมอนี่เป็นใคร

ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เผ่ามนุษย์ปรากฏตัวประหลาดเช่นนี้

ครืน!

ทั่วร่างธิดาเทพหลินหลางเอ่อล้นด้วยแสงโลหิต ซัดสาดโหมกระหน่ำประดุจมหาสมุทร พลานุภาพน่าพรั่นพรึงยิ่งกว่าเดิม นางรู้ตัวว่าสถานการณ์ร้ายแรง ต้องจัดการหลินสวินโดยเร็วที่สุด

ฝนแสงประกายโลหิตแถบหนึ่งพวยพุ่ง อุดมด้วยพลังสัจจะมหามรรคอันน่าอัศจรรย์ เสมือนดั่งชั้นเมฆสีเลือดเยื้องกรายมาถึง

ห้วงอากาศปั่นป่วนอลหม่าน หลินสวินพยายามต่อต้านสุดกำลังโดยใช้กระบวนท่าสอยจันทรา แต่ยังคงสะเทือนจนเลือดลมทั่วร่างพลิกตลบ สีหน้าซีดเผือดเกือบกระอักเลือด

ทว่าท้ายที่สุดก็ถูกเขาต้านทานลงได้ ไม่ประสบเภทภัยอันใด

ขณะเดียวกัน หลินสวินพลันกัดฟันกรอด สะบัดมือปล่อยหนอนกินเทพออกมาแถบหนึ่ง กลายเป็นแสงทมิฬพุ่งสังหารไปยังธิดาเทพหลินหลาง

แต่สิ่งที่ทำให้หลินสวินคาดไม่ถึงคือ หนอนกินเทพที่ก่อนหน้านี้ทำอะไรล้วนราบรื่น ยังไม่ทันได้เข้าประชิดก็ถูกคลื่นเสียงที่แผ่ออกจากระฆังสำริดสีเลือดนั่นขวางกั้น ไม่อาจเข้าใกล้ได้แม้เพียงคืบ!

นี่เป็นครั้งแรกที่หนอนกินเทพถูกขัดขวาง!

เห็นชัดว่าระฆังสำริดสีเลือดนั่นอัศจรรย์และแข็งแกร่งมาก พลังที่ปล่อยออกมาไม่ใช่สิ่งที่หนอนกินเทพสามารถกำจัดได้

ซ่า…

ธิดาเทพหลินหลางลงมืออีกครั้ง หมอกแสงสีโลหิตถาโถมโหมกระหน่ำ เสมือนโผล่จากธารโลหิตแห่งนรกภูมิ หมายสยบสิ้นสรรพชีวิตบนโลกหล้า!

หลินสวินไหนเลยจะกล้าละเลย ต่อต้านมันอย่างสุดกำลัง

ครืน! ตูม!

ทันใดนั้นตำหนักแห่งนี้แสงเลือดพลุ่งพล่านไปทั่ว ไอดาบตัดสลับ ต่อสู้จนมืดฟ้ามัวดิน สุริยันจันทราหม่นแสง ปรากฏเป็นภาพน่าอกสั่นขวัญแขวนหาใดเปรียบ

แต่ขณะที่เข่นฆ่าโรมรันอย่างดุเดือด ไม่ว่าธิดาเทพหลินหลางหรือหลินสวิน ต่างไม่ลดละที่จะแย่งชิงคัมภีร์สีทองนั่น

คนหนึ่งควบคุมระฆังสำริดสีเลือด คนหนึ่งใช้เจดีย์ไร้อักษร ไม่ว่าใครล้วนไม่อาจช่วงชิงคัมภีร์สีทองนั่นอย่างราบรื่น ติดขัดกันอยู่ตรงนั้น

“สหาย มิสู้เจ้าถอยไปชั่วคราว ข้าหลินหลางรับรองว่าครานี้จะปล่อยให้เจ้ารอดชีวิต ไม่ให้เจ้าลำบากใจ เป็นอย่างไร”

ธิดาเทพหลินหลางเอ่ยปาก ในใจร้อนรนอยู่บ้าง ความแข็งแกร่งของหลินสวินเหนือการคาดเดาของนาง หากเป็นเช่นนี้ต่อไปมีแต่จะเกิดตัวแปรมากยิ่งขึ้น

การตัดสินแพ้ชนะ ขึ้นอยู่กับพวกเขาทั้งคู่!

ฆ่า!

ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือดบ้าระห่ำยิ่งกว่าเดิม อีกทั้งขณะเดียวกันก็ยังคงแย่งชิงคัมภีร์สีทองนั่น เหตุการณ์ล่อแหลมอันตรายถึงขีดสุด

เพียงแต่ทั้งสองไม่ว่าใครต่างคาดไม่ถึง ในช่วงที่ต่อสู้กันอย่างดุเดือด บนแท่นมรรคโบราณนั่นพลันมีโซ่สายหนึ่งพุ่งออกมา เคลือบแสงงามตระการ พุ่งพรวดพราดเข้าร่วมการต่อสู้ ผูกมัดคัมภีร์สีทองหมายจะนำเข้าไปยังแท่นมรรคนั่น

เหตุไม่คาดฝันนี้เกิดขึ้นเร็วมาก ทำเอาทั้งสองคนรับมือไม่ทัน เกือบถูกแย่งชิงไป!

“บัดซบ!”

ราวกับรู้กันในทันที ทั้งคู่ยุติการห้ำหั่นดุเดือดพร้อมกัน เริ่มต่อสู้แย่งชิงคัมภีร์สีทองนั่นเต็มกำลัง

ทั้งสองต่างรู้ว่าท่าไม่ดี ราวกับสิ่งมีชีวิตที่หลับใหลอยู่ในหินหยกบนแท่นมรรคนั่นถูกปลุกให้ตกใจตื่นขึ้นเสี้ยวหนึ่ง ไม่อาจทานทนให้พวกเขานำคัมภีร์สีทองนี้ไป

อีกทั้งโซ่สีสันงดงามตระการตานั่นยังน่าหวาดหวั่นเหลือประมาณ เต็มไปด้วยพลังต้องห้าม ทำให้พวกเขาไม่กล้าวอกแวกสู้กันอีกโดยสิ้นเชิง

เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!

ก็เห็นกลางอากาศคัมภีร์สีทองถูกพันธนาการอยู่ตรงนั้น คลื่นเสียงของระฆังสำริดสีเลือด แสงมรรคทองนิลกาฬของเจดีย์ไร้อักษร รวมทั้งโซ่งามตระการเส้นหนึ่งบนแท่นมรรคนั่น ต่างรัดพันคัมภีร์สีทองไว้ ฉุดดึงกระชากลากดึงจากสามทิศทางต่างกันไป ถึงกับชะงักงันอยู่ตรงนั้น

“น่าชังนัก! หากไม่ใช่เพราะเจ้า คัมภีร์เล่มนี้ก็ตกอยู่ในมือข้านานแล้ว!” ธิดาเทพหลินหลางกัดฟันกรอด โกรธจนใบหน้างามเขียวคล้ำหาใดเปรียบ

“หากไม่ใช่พวกเจ้าเผ่าสิงห์โลหิตระรานคนอื่นเกินงาม ไหนเลยข้าจะถูกลากเข้ามาพัวพันด้วย ยิ่งไปกว่านั้น คัมภีร์เล่มนี้แต่เดิมก็เป็นสิ่งที่ไม่มีเจ้าของ ใครคว้าไปได้ก็เป็นของคนนั้น ถึงเจ้าแค้นไปก็ไร้ประโยชน์”

หลินสวินสีหน้านิ่งสงบ ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย

“เจ้าวางใจ รอชิงสมบัตินี้มาได้ ข้าจะจับเจ้ามาทรมานด้วยตนเองจนอยากตายก็ไม่ได้ อยากอยู่ก็ไม่รอด!”

ธิดาเทพหลินหลางกัดฟันกรอด เคียดแค้นชิงชังเหลือประมาณ

หลินสวินกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ณ ที่นั้นกลับเกิดการเปลี่ยนแปลงประหลาด…

โซ่งามพลันเปล่งพลัง คัมภีร์สีทองนั่นถึงกับถูกฉีกขาดดังเปรี๊ยะๆ กลายเป็นสามส่วน ถูกพวกเขาทั้งสามฝ่ายต่างคนต่างดึงไป!

ซ่า…

คัมภีร์สีทองที่ไม่สมบูรณ์ส่วนหนึ่งถูกแสงมรรคทองนิลกาฬสะกดเข้าสู่เจดีย์ไร้อักษร นั่นทำให้หลินสวินชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็หน้าเปลี่ยนสีทันที เอ่ยเรียก “เจ้าคางคก หนีเร็ว! นางมารนี่จะคลั่งแล้ว!”

ขณะที่พูด เขาสะบัดชายเสื้อคราหนึ่ง ตวัดคว้าจินตู๋อีที่กำลังร้องโอดโอยอเนจอนาถวิ่งอย่างบ้าคลั่งเข้าไปในเจดีย์ไร้อักษร ก่อนก้าวเท้าพุ่งทะยานมุ่งไปนอกตำหนัก

“คิดหนีหรือ ไม่มีทาง วันนี้เจ้าต้องชดใช้สิ่งที่เจ้าก่อทั้งหมด!”

ธิดาเทพหลินหลางสีหน้าอึมครึมอำมหิต นางแค้นถึงขีดสุด ไหนเลยจะปล่อยหลินสวินหนีไปต่อหน้าต่อตา

…………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์