ใครเล่าจะคิดว่าวันนี้กลับถูกเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนหนึ่งขุดหลุมดักซะได้ ไม่เพียงแต่ผู้แข็งแกร่งจำนวนหนึ่งของพวกเขาเผ่าสิงห์โลหิตถูกสังหาร แม้แต่คัมภีร์สีทองลึกลับเล่มนั้นยังถูกช่วงชิงไปหนึ่งในสาม
นี่จะไม่ให้นางเคียดแค้นได้อย่างไร
ที่ทำให้นางอัปยศอดสูที่สุดคือ เด็กหนุ่มนั่นฝึกปราณถึงแค่ระดับมหาสมุทรวิญญาณ!
ครืน!
กระแสคลื่นอันน่าพรั่นพรึงแผ่ขยายออกจากร่างธิดาเทพหลินหลาง ใบหน้างดงามพริ้งเพราของนางแผ่ไอสังหารเย็นเยือกถึงขีดสุด นัยน์ตาคู่งามฉายแววอาฆาต ผมสีโลหิตพลิ้วไสว ดุจดั่งมารปีศาจตนหนึ่ง
เพียงแต่เมื่อนางหมายบดขยี้หลินสวินเต็มกำลัง พลันเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันฉากหนึ่งขึ้น…
ก็เห็นบนแท่นมรรคโบราณในส่วนลึกของตำหนักนั่น โซ่งามตระการที่ไขว้พันกันต่างสั่นไหวครืนๆ ขึ้นมา
และภายในหินหยกซึ่งถูกปกคลุมไว้ข้างใต้ กลับมีเสียงคำรามด้วยความโกรธแค้นหาใดเปรียบดังออกมา “ถึงกับกล้าชิงคัมภีร์มรดกของข้า พวกเจ้าสองคนล้วนสมควรตาย!”
น้ำเสียงนั้นดูอ่อนเยาว์ราวเด็กทารก เสียงเล็กแหลมผิดธรรมดา เจือความเคียดแค้นชิงชังเหลือคณานับ
ทันทีที่ดังออกมา ตำหนักทั้งหลังพลันเกิดแรงสะเทือนรุนแรง โซ่งามตระการนับหมื่นพันส่งเสียงกัมปนาท พุ่งทะยานสู่นภากาศมุ่งตรงมาทางนี้อย่างมืดฟ้ามัวดิน
พริบตานี้ธิดาเทพหลินหลางและหลินสวินต่างสูดหายใจเย็นเยียบ รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายอันตรายอย่างไม่เคยมีมาก่อน
“ไป!”
หลินสวินไหนเลยจะกล้าชักช้า ใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งขั้นสูงสุด หลบลี้หนีจากตำหนักแห่งนี้ว่องไวราวหมอกควัน
“บ้าเอ๊ย…!”
ธิดาเทพหลินหลางโกรธจนจมูกเบี้ยวไปหมด เดิมทีคิดจู่โจมสังหารหลินสวินซะ ไหนเลยจะคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น
ครืน!
โซ่สายหนึ่งกระพือสะบัดมาถึง อุดมไปด้วยลำแสงอันน่าหวาดกลัวราวโซ่ตรวนแห่งเทพเซียน
ธิดาเทพหลินหลางเรียกระฆังสำริดสีเลือดออกมาต้านทาน แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้นก็ยังถูกกระเทือนจนใบหน้างดงามซีดเผือดแทบกระอักเลือด
นางตื่นจากห้วงโทสะชั่วขณะ มิกล้าลังเลอีก หลบหนีอย่างสุดความสามารถ
ภายในตำหนักเกิดการเปลี่ยนแปลงประหลาด น่าประหวั่นเกินไป เสมือนสิ่งมีชีวิตอันน่าหวาดกลัวตนหนึ่งตื่นขึ้นจากการหลับใหล หากอยู่นานกว่านี้เพียงครู่ อาจประสบภัยพิบัติที่มิอาจคาดเดา!
นอกตำหนักเขียวชอุ่ม ทันทีที่หลินสวินหลบหนีออกมาก็ได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครมสะท้านฟ้าสะเทือนดินดังก้องขึ้น ตำหนักใหญ่สั่นคลอน ภูเขาเทพม่วงอำพันนี้สั่นสะท้านอย่างรุนแรงไปทั้งลูก
แย่แล้ว!
หลินสวินหน้าเปลี่ยนสีอีกครั้ง ไม่กล้าหยุดพักแม้แต่น้อย เงาร่างดุจอสนีบาตพุ่งทะยานไปยังเชิงเขา
ข้างหลังเขา ธิดาเทพหลินหลางก็พุ่งออกมาเช่นกัน ผมสีโลหิตพลิ้วไหว ใบหน้างดงามเย็นเยือก เพียงแต่นางตระหนักชัดแจ้งถึงอันตราย จึงแทบไม่สนใจจะลงมือกับหลินสวินอีก เริ่มหนีอย่างเต็มกำลังเช่นกัน
ครืน ครืน
ในเสียงสั่นคลอนอันน่าพรั่นพรึง ตำหนักโบราณเขียวขจีบนยอดเขานั่นถึงกับเริ่มถล่มทรุดตัวลง เกิดแสงอสนีบาตสีเขียววับวามน่าหวาดกลัว ทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี
กระทั่งต่อมาภูเขาเทพม่วงอำพันเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์พรั่งพรู ภูเขาทั้งลูกถึงขั้นเริ่มทรุดตัวจมลง
หลังจากนั้นทะเลสาบหินหนืดผืนนี้พลันเดือดพล่าน ปะทุคลื่นอัคคีน่าหวาดหวั่น เกาะกลางทะเลสาบนั่นก็เริ่มปริออกจากกัน กลายเป็นก้อนหินที่แตกหักเป็นเสี่ยงๆ ก่อนเริ่มจมดิ่งลง
น่าหวาดกลัวยิ่งนัก!
เกาะอริยะปัญจธาตุทั้งเกาะเกิดภัยพิบัติน่าตะลึง จมดิ่งลงสู่ทะเลสาบหินหนืด ก่อเกิดคลื่นผนึกต้องห้ามน่าหวาดหวั่นราวกับจะพังทลาย
“บัดซบ! นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
“หรือว่าหลินหลางหญิงผู้คนนั้นไปสัมผัสพลังต้องห้ามอะไรเข้า ถึงทำให้ที่แห่งนี้เกิดอุบัติภัยอันน่าตกใจจนถูกทำลาย”
ริมทะเลสาบ ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรทั้งกลุ่มตกใจจนถอยร่นห่างออกไป สีหน้าปรวนแปร เกรงแต่จะถูกพลังทำลายล้างต้องห้ามอันน่าหวาดกลัวนั่นกระเทือนมาถึง
อย่าว่าแต่พวกเขาเลย เวลานี้หากราชันคนหนึ่งติดอยู่ในนั้นก็หนีความตายไม่พ้นอย่างไม่ต้องสงสัย!
พลังทำลายล้างนั่นน่ากลัวเกินไปแล้ว อยู่เหนือจินตนาการ ทำให้ฟ้าดินแห่งนี้ตกอยู่ในความวุ่นวายใหญ่หลวง เสมือนวันสิ้นโลกเยื้องกรายมาถึง ไม่ต่างจากมหามรรคดับสลาย
อวี่เซียวเซิงเองก็ประหลาดใจระคนสงสัย แต่ในไม่ช้านัยน์ตาเขาพลันฉายแววยะเยือกทันที ก่อนตวาดลั่น “เตรียมพร้อมต่อสู้!”
สวบ!
เพิ่งสิ้นเสียง เงาร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากเกาะอริยะปัญจธาตุ เสมือนสายฟ้าแลบผ่านรวดเร็วอย่างคาดไม่ถึง
แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น อวี่เซียวเซิงยังคงแยกออก เป็นเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้นนั่นเอง!
“ธิดาเทพเผ่าสิงห์โลหิตอยู่ข้างหลัง เป็นนางที่ช่วงชิงมหาศุภโชคในที่แห่งนี้ไป ก่อให้เกิดภัยพิบัติเช่นนี้!”
หลินสวินตัวยังมาไม่ถึงก็ตะโกนเสียงดังขึ้นมา ทำให้ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรพวกนั้นต่างส่งเสียงอื้ออึง พวกเขาเดาไว้แต่แรก อุบัติภัยอันน่าตกใจทั้งหมดนี้เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับธิดาเทพหลินหลาง
มาตอนนี้คำพูดประโยคเดียวของหลินสวินยืนยันข้อสันนิษฐานของพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
เบื้องหลังนั้น ธิดาเทพหลินหลางซึ่งหลบหนีออกมาเช่นกันเพิ่งคิดอยากพักหายใจสักครู่ แต่เมื่อได้ยินประโยคนี้ของหลินสวินก็โกรธจนควันออกหูทันที รู้สึกแย่ไปทั้งตัว
โยนความผิดให้คนอื่น ใส่ร้ายป้ายสี?
เจ้าเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์นี่ช่างต่ำช้าไร้ยางอายซะจริง!
“สหาย ไม่ว่าศุภโชคถูกใครช่วงชิงไป เจ้าก็หยุดอยู่ตรงนี้ชั่วคราวเถอะ!”
อวี่เซียวเซิงกล่าวเย็นชา ขณะที่พูดก็โบกมือส่งสัญญาณให้คนในเผ่าที่อยู่ใกล้เคียง ออกคำสั่งให้พวกเขาลงมือพร้อมกัน โจมตีหลินสวิน
ในขณะเดียวกันเขาก็บุกโจมตีอย่างเหี้ยมหาญ จู่โจมสังหารธิดาเทพหลินหลาง
วู้ม!
ทวนสามง่ามขาวดุจหิมะซึ่งหล่อจากกระดูกมังกรเล่มหนึ่งทะยานสู่ฟากฟ้า ปรากฏสัญลักษณ์รอยสลักลึกลับนับหมื่นนับพัน กวาดทำลายออกไป
นี่คือสมบัติลับหายากชิ้นหนึ่ง นามว่า ‘ทวนกระดูกมังกร’ เป็นอาวุธตกทอดของเผ่าวาฬมังกร อานุภาพไม่ด้อยไปกว่าระฆังสำริดสีเลือดในมือธิดาเทพหลินหลาง
เห็นชัดว่าอวี่เซียวเซิงรู้ตัวว่าสถานการณ์ตึงเครียด ทันทีที่ลงมือก็ทุ่มสุดกำลัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์