อาณาบริเวณนั้นต่างทรุดจมลง ตำหนักเขียวชอุ่ม ภูเขาเทพม่วงอำพัน รวมถึงเกาะกลางทะเลสาบล้วนจมดิ่งสู่ใต้ทะเลสาบหินหนืด
ท้ายที่สุด แม้แต่ทะเลสาบหินหนืดผืนนั้นก็ทรุดตัวลงหายลับจากไป
แต่สถานที่ส่วนลึกที่สุดข้างใต้ผืนดินนั่น กลับมีแท่นมรรคโบราณแท่นหนึ่งลอยคว้างอยู่ สายโซ่ซึ่งรัดพันหนาแน่นบนนั้น มีกลิ่นอายมหามรรคต้องห้ามวนเวียนอยู่
หินหยกซึ่งอบอวลด้วยไอขมุกขมัวตั้งตระหง่านบนแท่นมรรค ภายในมีเงาร่างสิ่งมีชีวิตตนหนึ่งลอยล่อง ข้างกายเขามีคัมภีร์สีทองซึ่งไม่สมบูรณ์ส่วนหนึ่งลอยคว้างอยู่ รวมทั้งโอสถโบราณรูปร่างคล้ายมังกรมีเขาต้นหนึ่ง
“ข้าจดจำพวกเจ้าไว้แล้ว พวกเจ้าหนีไม่พ้น กล้าบังอาจแย่งชิงศุภโชคของข้า รอเมื่อข้าปรากฏตัวบนโลก พวกเจ้าล้วนต้องตาย!”
ในหินหยก เสียงเล็กแหลมอย่างโกรธแค้นเสียงหนึ่งดังออกมา
ไม่ช้าเสียงก็หายไป ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบสงัด อาณาบริเวณนี้ถูกความมืดมิดปกคลุม
ในความเลือนรางพร่ามัว เงาร่างวานรเฒ่าตนหนึ่งปรากฏตัวยืนหน้าแท่นมรรค จ้องมองสิ่งมีชีวิตที่ตกสู่ห้วงนิทราอีกครั้งภายในหินหยกนั้น
“ยังดี โอสถเทพที่นายท่านเหลือทิ้งไว้ยังคงอยู่…”
ครู่ใหญ่วานรเฒ่าก็ทอดถอนใจออกมาเฮือกหนึ่ง ในความทรงจำปรากฏภาพของเด็กหนุ่มหล่อเหลาสุภาพผู้นั้น นึกถึงเจดีย์เก้าชั้นแปดเหลี่ยมหลังนั้นในมือเขา
‘ใช่เจดีย์นั่นหรือไม่ ถึงกับยังคงอยู่บนโลกหล้า…’
วานรเฒ่าพึมพำในใจ
ไม่นานหลังจากนั้นเงาร่างของเขากลายเป็นฝนแสง ก่อนจางหายไปในความมืดมิด
…
ในทะเลทรายไร้ขอบเขต เงาร่างมายาราวอสนีบาตร่างหนึ่งหลีกหนีอย่างรวดเร็วถึงขีดสุด ชั่ววูบเดียวก็หายวับไป
ไม่นานเงาร่างอันกระเหี้ยนกระหือรือกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นมืดฟ้ามัวดิน มุ่งตามไปยังทิศทางที่เงาร่างนั้นจางหายไป
แน่นอนว่าย่อมเป็นหลินสวินและผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรที่ตามติดไม่ปล่อยพวกนั้น
ครืน!
ไม่นานนักหลินสวินพลันหยุดฝีเท้า ก่อนใช้เสามังกรจตุลักษณ์ขังผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรที่ไล่ตามนำหน้าคนหนึ่งไว้ในเขตแดนมายาในชั่วพริบตา
ไม่ทันไรผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรระดับหยั่งสัจจะคนนี้ก็ถูกฆ่าสังหาร หลินสวินกลับหย่อนก้นนั่งลงบนพื้น หอบหายใจเฮือกใหญ่
สีหน้าเขาซีดเผือด ใช้พลังกายถึงขีดสุด หว่างคิ้วเผยความอ่อนเพลียยากปกปิด
แต่หลินสวินไม่กล้าผ่อนคลาย เขาหยิบลูกกลอนโอสถขวดหนึ่งออกมา กลืนเข้าไปในปากจนหมด ก่อนเริ่มหล่อหลอมฟื้นฟูร่างกายอย่างเต็มกำลัง
ฉากการต่อสู้ไล่ล่านี้ยืดเยื้อต่อเนื่องหนึ่งวันหนึ่งคืน
ตลอดทางหลินสวินเปรียบเสมือนผู้ล่าที่ออกอุบายล่วงหน้าคนหนึ่ง ในแต่ละช่วงเวลาจะใช้เสามังกรจตุลักษณ์จู่โจมฉับพลัน สังหารผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรที่หลุดมาคนเดียว
เสามังกรจตุลักษณ์วิเศษอัศจรรย์ยิ่งนัก สามารถวิวัฒน์เป็นเขตแดนมายา ตัดขาดจากโลกภายนอกในเวลาหนึ่่งถ้วยชา แม้แต่ราชันมาเองก็โจมตีไม่แตก
และเพราะใช้สมบัตินี้ ทำให้ตลอดทางหลินสวินสังหารผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรไปได้เจ็ดแปดคน ในนั้นยังมีผู้อาวุโสระดับหยั่งสัจจะขั้นสูงคนหนึ่งด้วย!
เพียงแต่หลินสวินเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไร การต่อสู้และหนีตายอันยืดเยื้อทำให้เขาผลาญพลังมากเกินไป ซ้ำยังได้รับบาดเจ็บไม่น้อย ไม่มีเวลาพอให้ร่างกายได้ฟื้นฟู
อีกทั้งเสามังกรจตุลักษณ์แม้วิเศษอัศจรรย์ แต่หลังเวลาผ่านไปหนึ่งถ้วยชา อานุภาพก็จะอ่อนกำลังลงทีละน้อย และจะถูกศัตรูโจมตีแตกออก
ที่คอขาดบาดตายที่สุดคือ ศัตรูจะฉวยโอกาสนี้ทำการวางแผนและปิดล้อม เมื่อหลินสวินออกมาจากเสามังกรจตุลักษณ์ก็จะเจอกับการโจมตีรอบด้าน
อาการบาดเจ็บที่หลินสวินได้รับตลอดทาง แทบเกิดจากสถานการณ์เช่นนี้ทั้งสิ้น
ตูม! ตูม! ตูม!
หลังผ่านไปหนึ่งถ้วยชา หลินสวินที่นั่งสมาธิฟื้นฟูร่างกายถูกปลุกตื่นขึ้น พริบตาก็รู้ว่าศัตรูกำลังโอบล้อมโจมตีเสามังกรจตุลักษณ์แล้ว
“กลั่นแกล้งกันเกินไปแล้ว!”
หลินสวินแค้นจนกัดฟันกรอด หากมีพลังสมบูรณ์พร้อมเขาจะไม่เกรงกลัวเลย สามารถกวาดล้างและบดขยี้ศัตรูทั้งหมดได้
แต่ตอนนี้เขาบาดเจ็บสะสม ใช้พลังกายมากเกินไป ไม่อาจหุนหันพลันแล่นโดยสิ้นเชิง มิฉะนั้นจะเกิดอันตรายถึงชีวิต
“รอครั้งนี้รอดไปได้ จะต้องหาสถานที่บรรลุระดับแน่นอน! ขอเพียงบรรลุระดับหยั่งสัจจะขั้นต้น ไหนเลยจะต้องกลัวหลินหลางและอวี่เซียวเซิงนั่น”
หลินสวินลุกขึ้นสูดหายใจลึก ก่อนเรียกดาบหักออกมา สีหน้ากลับสู่ความสงบนิ่ง สุขุมเยือกเย็นดุจหิมะน้ำแข็ง
ครั้นถึงคราวเตรียมพร้อมต่อสู้ เขาจะไม่ถูกรบกวนจากความคิดฟุ้งซ่านทั้งมวล นี่คือจิตแห่งการต่อสู้ที่ได้มาจากการเคี่ยวกรำเมื่อครั้งอยู่ในค่ายกระหายเลือด
ก่อนออกจากเขตแดนมายา หลินสวินพลิกฝ่ามือ กลางฝ่ามือปรากฏผลไม้สีแดงสดดุจโคมไฟผลหนึ่ง แจ่มจรัสดั่งสุริยันเจิดจ้า หมอกพิสุทธิ์ไหลวน เอ่อล้นด้วยกลิ่นหอมชวนหลงใหล
โสมราชันโคมสมบัติผลหนึ่ง!
หลินสวินหาได้ลังเลไม่ อ้าปากกลืนกินมันเข้าไป
ก่อนหน้านี้ที่ถูกล่าสังหาร เขารู้สึกเสียดายที่จะใช้โอสถเทพเช่นนี้ แม้เป็นแค่ผลไม้ลูกหนึ่ง แต่มูลค่าภายในใจหลินสวินกลับสำคัญกว่าศัตรูพวกนี้มาก
แต่ตอนนี้สภาพร่างกายเขาย่ำแย่ถึงขีดสุด หากระหว่างทางพบเจออันตรายอะไรอีกเพียงครั้งต้องถึงแก่ชีวิตเป็นแน่
ฉะนั้นเวลานี้เขาจึงไม่เสียดายอีก ตัดสินใจกลืนโอสถสมบัติลงไปในคราเดียว!
ครืน!
ทันทีที่ผลแวววาวเปล่งประกายเข้าปาก หลินสวินก็รู้สึกว่าภายในร่างกายราวกับมีตะวันดวงหนึ่งเพิ่มขึ้นมา ปลดปล่อยฤทธิ์ยาน่าหวาดกลัวหาใดเปรียบ ใช้ความเร็วเหนือจินตนาการอย่างหนึ่งเสริมพลังทั่วร่าง
ช่างบริสุทธิ์ไพศาลเหลือเกิน ฤทธิ์โอสถนั่นยังไม่ระเบิดปะทุ แต่กลับแข็งแกร่งและพลุ่งพล่านอย่างมาก ทำให้หลินสวินสบายไปทั้งตัวจนเกือบครางออกมา
อีกทั้งบาดแผลที่เขาได้รับทั่วร่างถึงกับสมานไปหมดชั่วพริบตา ประดุจดังปาฏิหาริย์โดยแท้
“ตำนานเล่าขานว่าน้ำจากผลโสมราชันโคมสมบัติหยดหนึ่ง ก็สามารถทำให้คนใกล้ตายฟื้นคืนสภาพยอดเยี่ยมได้ในชั่วพริบตา ช่างสมกับคำร่ำลือ”
หลินสวินสูดหายใจลึก รู้สึกว่าพลังในร่างกายปานภูเขาไฟเดือดพล่าน สัมผัสได้ถึงความทรงพลังที่ไม่เคยมีมาก่อน!
สวบ!
หาได้ลังเลไม่ หลินสวินเก็บเสามังกรจตุลักษณ์ มือกระชับดาบหักมั่นแล้วพุ่งทะยานออกไป
“ออกมาแล้ว!”
“ฆ่า ครั้งนี้อย่าปล่อยให้มันหนีไปได้อีก!”
เพียงแต่พวกเขากลับคาดไม่ถึง ในเวลาอันสั้นเช่นนี้หลินสวินกลับฟื้นคืนสภาพเดิม อีกทั้งยังเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนด้วย!
นี่ทำให้พวกเขาต่างรู้ว่าท่าไม่ดีแล้ว
ตูม!
ฟ้าดินแถบนี้วุ่นวายโกลาหล เสียงระเบิดสะท้านฟ้าสะเทือนดินดังขึ้นต่อเนื่องเป็นระลอก แสงประกายโหมกระหน่ำ พื้นดินรัศมีสิบกว่าลี้ล้วนกลายเป็นแดนแห่งบาดแผล
เงาร่างหลินสวินวูบหายว่องไว ท่องเหินกลางอากาศ เลือนรางดุจเงารุ้ง ดาบหักในมือส่งประกายดาราออกมา ซัดสาดดุดันพลิกฟ้าไปทั่วทศทิศ
ก็เห็นผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรถูกสังหารทีละคนๆ เสียงร้องโหยหวน เสียงก่นด่าสาปแช่ง เสียงหวีดร้องหวาดผวาสะท้อนดังต่อเนื่องเป็นระลอก
ภาพฉากนั้นนองเลือดเกินไป ย้อมแดนทะเลทรายผืนนี้เป็นสีชาด ชวนให้ประหวั่นยิ่งนัก
อะไรที่เรียกว่าแข็งแกร่ง
หลินสวินเวลานี้ได้อธิบายความหมายของคำนี้ออกมาอย่างถึงแก่น ดาบหักร่ายระบำ เงาร่างดั่งอสนีบาตพุ่งขวางทั่วสมรภูมิ ละม้ายคล้ายเหล็กหมาดปลายแหลมหาใดเปรียบแท่งหนึ่ง ไร้เทียมทาน มิอาจทัดเทียม!
ก่อนหน้านี้เขาถูกล่าสังหารตลอดทาง ภายในใจสะสมเพลิงโทสะและความคั่งแค้นมากมายอยู่ก่อนแล้ว มาตอนนี้พละกำลังฟื้นกลับคืน จึงย่อมไม่ออมมืออย่างแน่นอน
“เผ่นโว้ย!”
ไม่นานนักผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรที่เหลือก็แตกสลาย ทนรับแรงกดดันที่ความตายคืบคลานเข้าใกล้เช่นนี้ไม่ไหว ส่งเสียงตะโกนอย่างตื่นตระหนก เริ่มหลบลี้หนีตาย
หลินสวินไหนเลยจะปล่อยพวกเขาไป ใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งเร่งไล่ตามไปเข่นฆ่าอย่างต่อเนื่อง
ฉัวะ!
ผู้ฝึกปราณคนหนึ่งเพิ่งเตรียมหนี ก็ถูกไอดาบผ่าออกเป็นสองซีก เลือดสดๆ หลั่งรินไหลพราก
ตูม!
อีกด้านหนึ่ง หญิงผู้หนึ่งทั่วร่างถูกล้อมอยู่ในหมอกศักดิ์สิทธิ์ หลบเลี่ยงอย่างระมัดระวัง แต่เพียงแค่พริบตาเดียว หมอกศักดิ์สิทธิ์ทั่วร่างนางก็ถูกซัดละเอียด รวมไปถึงตัวนางเองก็ถูกซัดกระเทือนตายคาที่!
“เร็ว! รีบไปรวมตัวกับบุตรเทพ!”
ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรพวกนั้นดวงตาแทบถลนออกมา หวาดผวาทำอะไรไม่ถูก ลุกลี้ลุกลนราวสุนัขไร้เจ้าของ ถูกหลินสวินคนเดียวไล่สังหาร
ส่วนหลินสวินกลับไล่ตามมาด้านหลังอย่างไม่ช้าไม่เร็ว เพียงแต่ในมือเปลี่ยนจากดาบหักเป็น ‘ธนูวิญญาณไร้แก่นสาร’
หึ่ง!
ตัวธนูโค้งเว้าที่เหมือนทำขึ้นจากกระดูกขาวมีกลิ่นอายหยาบเถื่อนเหี้ยมเกรียมอย่างหนึ่ง รวมกับแรงดึงของหลินสวิน สายธนูแดงก่ำดั่งโลหิตสายนั้นถูกดึงรั้งเต็มที่ ส่งเสียงหึ่งราวปรารถนาดื่มเลือดสดๆ
ฟิ้ว!
ธนูวิญญาณพุ่งออกไปดั่งว่างเปล่า ไร้ซึ่งสรรพเสียง ทะลวงผ่านศีรษะผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรคนหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปพันจั้ง นำมาซึ่งโลหิตสดๆ สีชาดข้นคลั่กงดงาม
หลินสวินไม่แม้แต่จะมอง นิ้วมือกระหวัดรั้งสายธนูอีกครั้ง ประดุจดั่งเทพสังหารจากนรกภูมิ หมายคร่าชีวิตล่าวิญญาณตลอดทาง!
………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์