หลินสวินกระอักเลือดคำใหญ่ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ร่างกายถูกผ่าจนกระเด็นออกไป
กลุ่มผู้ฝึกปราณที่ห่างออกมาไกลสูดหายใจเข้าด้วยความตระหนก อสนีเคราะห์ทั้งสามสายนี้น่าสะพรึงกลัวเกินไปแล้ว พวกเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าหลินสวินทนได้อย่างไร
เพราะถ้าเป็นพวกเขา คงจะถูกผ่าจนตายคาที่ไปแล้ว
“ข้าจำได้ว่าตอนที่ข้าก้าวข้ามด่านเคราะห์ อสนีเคราะห์นั่นก็เกือบจะคล้ายกัน…” บุตรเทพอวี่เซียวเซิงพึมพำเสียงเบา
จู่ๆ ในใจเขาก็รู้สึกไม่ยุติธรรมขึ้นมา ถึงขั้นมีความอิจฉาอยู่รางๆ
เพราะเขารู้ดีว่าด่านเคราะห์อสนีของหลินสวินเพิ่งจะเริ่มต้น ยังไม่ทันจบก็น่าสะพรึงกลัวเพียงนี้แล้ว แค่คิดก็รู้ว่าพลังแฝงของหลินสวินน่าหวาดหวั่นเพียงใด เหนือกว่าตนตอนบรรลุระดับอย่างแน่นอน
“แค่สามารถชักนำให้เกิดอสนีเคราะห์ได้ก็ถือว่าเป็นผู้โดดเด่นในระดับหยั่งสัจจะแล้ว แต่อสนีเคราะห์ที่เด็กหนุ่มคนนี้ชักนำมาถือว่าหายากมาก น่าหวั่นหวาดไร้ขีดจำกัด ไม่อาจคิดได้เลยว่าเขาฝึกปราณมาอย่างไร…”
ธิดาเทพหลินหลางเองก็เหม่อลอยอยู่บ้าง
“เขาต้องตาย!” อวี่เซียวเซิงกัดฟัน
เปรี้ยง!
บนฟากฟ้า สายฟ้าสีม่วงนั้นทรงพลังน่าเกรงขาม เต็มไปด้วยกลิ่นอายทำลายล้าง ผ่าหลินสวินอย่างไม่ขาดสาย ทำให้เขากระอักเลือดต่อเนื่อง ร่างกายโซซัดโซเซ บาดเจ็บไปทั่วทั้งร่าง สะบักสะบอมน่าเวทนาอย่างที่สุด
แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนสยดสยองคือ ทุกครั้งที่หลินสวินถูกผ่าจนปลิวออกไป ก็สามารถลุกขึ้นได้ในทันที แล้วเข้าไปรับการโจมตีด้วยตัวเองอีก ดูห้าวหาญและเย่อหยิ่งผิดปกติ
ผมดำของเขาปลิวไสว คำรามขึ้นฟ้าอย่างเดือดดาล ศักยภาพแฝงในร่างกายถูกกระตุ้นออกมาในยามนี้เพื่อต่อสู้กับอสนีเคราะห์ พลังปราณของเขากำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง ยกระดับขึ้นอย่างไม่ขาดสาย ใกล้จะทะลวงเข้าสู่ระดับหยั่งสัจจะแล้ว กลิ่นอายอันแข็งแกร่งแผ่กระจาย ไอเลือดโหมซัดสาด เสริมบำรุงและซ่อมแซมร่างกายไม่หยุด
วู้ม!
เขาเปล่งประกายไปทั้งตัว รอบตัวมีเสียงปริแตกดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทุกครั้งที่ถูกผ่าจนกระเด็นออกไป กระดูกที่หักไปแล้วของเขาก็จะต่อกันใหม่ กายเนื้อได้รับการซ่อมแซมกลับเป็นเหมือนเดิม
สุดท้ายอสนีเคราะห์ทั้งสามสายก็สงบลง และหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เหล่าผู้แข็งแกร่งที่มองทุกอย่างอยู่ในห่างๆ ต่างตกใจจนอ้าปากค้าง เขา…เขาผ่านมาได้ง่ายๆ เช่นนี้เลยหรือ!?
ข้ามผ่านมาแล้วจริงๆ แต่ยังไม่สิ้นสุด!
หลินสวินสัมผัสได้อย่างมีเฉียบไวว่า พลังปราณของตนยังไม่ได้เข้าสู่ระดับหยั่งสัจจะอย่างแท้จริง ทำให้เขาเองก็จนใจอยู่บ้าง
ช่วยไม่ได้ พลังที่เขาสั่งสมในระดับมหาสมุทรวิญญาณหนาแน่นและสมบูรณ์แบบเกินไป ทำให้การแปรสภาพและยกระดับพลังปราณยากลำบากผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด
ครืน โครม โครม…
บนฟากฟ้า เมฆาเคราะห์พลุ่งพล่าน ยิ่งทวีความน่ากลัว สามารถมองเห็นได้รางๆ ว่าสีของอสนีเคราะห์ก็เกิดการเปลี่ยนแปลง กลายเป็นสีทองอร่ามและวิวัฒน์ไปเป็นรูปลักษณ์ต่างๆ เช่น ดาบ ทวน กระบี่ ง้าวเป็นต้น ยิ่งพาให้นึกหวาดหวั่น
“อสนีเคราะห์แปลงอาวุธ! สวรรค์ ตำนานนี้เป็นความจริงหรือนี่!”
ผู้แข็งแกร่งมากมายอุทานอย่างตกใจ หนังหัวชาวาบ ต่างคิดไม่ถึงว่าอสนีเคราะห์รอบที่สี่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นศาสตราวุธ!
เจ้าเด็กนี่พลิกฟ้าขนาดไหน ถึงได้ชักนำให้เกิดการโจมตีน่าสะพรึงกลัวเพียงนี้ คิดจะกำจัดเขาให้พ้นโลกงั้นหรือ
“รอบที่สี่ อสนีเคราะห์แปลงอาวุธ…”
สีหน้าของอวี่เซียวเซิงและหลินหลางไม่น่าดู ในใจอัดอั้น พวกเขารู้ดีว่านี่หมายความถึงอะไร เพียงแค่อานุภาพของด่านเคราะห์อสนีก็สามารถคาดการณ์ได้แล้วว่า พลังของหลินสวินพลิกฟ้าและน่าหวาดหวั่นเพียงใด
ตอนนี้ในใจทั้งสองมีเพียงความคิดเดียว คืออยากให้อสนีเคราะห์นั่นผ่าหลินสวินให้ตาย ฆ่ามันเสีย!
บนฟากฟ้าอสนีเคราะห์ระเบิดตัว กลายเป็นดาบอสนี กระบี่อสนี ทวนอสนี ขวานอสนี… พุ่งสังหารหลินสวินไม่หยุด
ภาพนั้นราวกับยอดฝีมือพลิกฟ้าควบคุมทัณฑ์อสนี หมายจะกำจัดหลินสวิน
ฆ่า!
ในขณะเดียวกัน หลินสวินก็สำแดงพลังทั้งหมดออกมาสู้อย่างไม่ลังเล ความลี้ลับในเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ถูกเขาใช้ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ
ภาพที่เห็นน่าพรั่นพรึงมาก สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าหลินสวินค่อยๆ ถูกโจมตีจนทรุด ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล เลือดสีสดไหลพรูออกมาจนแทบจะต้านทานไม่ไหวแล้ว
แต่สิ่งที่ทุกคนคิดไม่ถึงคือ แม้จะเป็นเช่นนี้หลินสวินก็ยังคงยืนหยัดสู้ต่อไป ทำให้ทุกคนแทบไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง
เปรี้ยง!
เสียงสายฟ้าแทบจะทะลุแก้วหูของทุกคน บดขยี้จิตวิญญาณ สะเทือนฟ้าดิน อากาศปั่นป่วน เพราะสายฟ้านี้น่าสะพรึงกลัวมากเกินไปจริงๆ เจิดจ้าสาดแสง เต็มแน่นทั่วพื้นที่กลางอากาศ
หลินสวินดิ้นรนอยู่ภายใน ดูคล้ายสามารถถูกบดขยี้จนแหลกละเอียดได้ตลอดเวลา ทำให้ทุกคนต่างตะลึง
มองมาจากระยะไกลยังน่าสะพรึงกลัวเพียงนี้ ยากที่จะจินตนาการว่าหลินสวินก็ถูกอสนีเคราะห์นี้ปกคลุมอยู่ กำลังเจอกับความเจ็บปวดและความยากลำบากแบบใด
หลินสวินผิวหนังฉีกขาด ร่างกายไหม้ดำ เลือดสดๆ ไหลรินราวน้ำตก
ทว่าถึงแม้เขาจะบาดเจ็บสาหัส แต่พลังกลับแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เลือดลมทะยานฟ้า ไม่มีความห่อเหี่ยวสักกระผีก แต่กลับดูเย่อหยิ่ง ต่อสู้อย่างกล้าหาญ
เหล่าผู้แข็งแกร่งมากมายตะลึงกลัว ร่างกายและพลังของเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว แทบจะสามารถเทียบกับเผ่าวัวมารทรงพลังได้เลย
ถ้าเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่น เกรงว่าคงกลายเป็นเถ้าถ่านไปตั้งแต่อสนีเคราะห์รอบแรกแล้ว! ทว่าเขากลับยังต่อต้านอยู่จนถึงตอนนี้
ในผืนป่าแห่งนี้ ผู้ฝึกปราณที่ทยอยมาเยอะขึ้นเรื่อยๆ ล้วนตกตะลึง ต่างมารวมตัวกันที่นี่ มองดูด่านเคราะห์อสนีอันสะเทือนโลกนี้ แต่ละคนสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างควบคุมไม่อยู่
เผ่ามนุษย์มีตัวประหลาดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ในสายตาของผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าในทะเลกลืนวิญญาณ เผ่ามนุษย์ดูอ่อนแออย่างยิ่ง ทว่าไม่คิดเลยว่าวันนี้จะมีตัวประหลาดเช่นนี้ปรากฏตัว แทบจะแข็งแกร่งกว่าทายาทชนเผ่าที่ชื่อเสียงสะเทือนโลกหล้าด้วยซ้ำ
“เปิด!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์