ผู้ฝึกปราณเหล่านั้นยังคงเดาฐานะของหลินสวิน
“เป็นห่วงเรื่องพวกนี้ไปทำไม สิ่งที่ข้าสงสัยจริงๆ คือเด็กหนุ่มคนนั้นชิงศุภโชคอะไรไปจากเกาะอริยะปัญจธาตุต่างหาก”
“ได้ยินว่าเป็นคัมภีร์โบราณเล่มหนึ่งที่อริยะทิ้งเอาไว้”
“และมีคนบอกว่า เกาะอริยะปัญจธาตุนั่นหล่อเลี้ยงโอสถสมบัติไร้เทียมทาน และถูกเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้นชิงไปหมดแล้วด้วย”
ได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์นี้ สีหน้าของอวี่เซียวเซิงและหลินหลางยิ่งดูอึมครึม ใครเป็นคนเผยแพร่ข่าวนี้กัน
อย่าลืมว่าที่ทั้งสองร่วมมือกันก็เพราะหวังจะช่วงชิงสมบัติทั้งหมดในตัวหลินสวินไปเงียบๆ
แต่พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่า ข่าวเกี่ยวกับหลินสวินได้แพร่กระจายไปทั่วแล้ว!
‘เผ่าเหยี่ยววายุ!’
แอบฟังอยู่นาน ในที่สุดอวี่เซียวเซิงและหลินหลางก็มั่นใจ ว่าที่แท้ผู้แข็งแกร่งเผ่าเหยี่ยววายุเป็นคนเผยแพร่ข่าว
จะว่าไปในบรรดาชนพื้นเมืองมากอิทธิพลใหญ่ของทะเลกลืนวิญญาณ ถ้าพูดถึงอิทธิพล เผ่าเหยี่ยววายุอาจจะไม่ได้แข็งแกร่งที่สุด
แต่ถ้าพูดถึงความข่าวไว เผ่าเหยี่ยววายุถือเป็นที่หนึ่ง!
เผ่าของพวกเขาเป็นผู้สอดแนมแต่กำเนิด ควบคุมวิชาลับอันเป็นเอกลักษณ์ ไปมาไร้ร่องรอย สื่อสารข่าวได้ไวที่สุด
เมื่อรู้ว่าเผ่าเหยี่ยววายุเป็นผู้เผยแพร่ข่าวเหล่านี้ อวี่เซียวเซิงและหลินหลางก็ไม่ได้แปลกใจ
สิ่งเดียวที่ทำให้ทั้งสองปวดหัวคือ ฟังจากที่ผู้ฝึกปราณเหล่านั้นพูด ตอนนี้คนที่คิดจะเล่นงานหลินสวินมีไม่น้อยเลย ผู้แข็งแกร่งจากเผ่ามากมายกำลังเร่งเข้ามาจากทุกสารทิศเพื่อแย่งชิงศุภโชคบนตัวหลินสวิน
เช่นนี้ก็เพิ่มความยุ่งยากขึ้นมากอย่างไม่ต้องสงสัย ทำให้อวี่เซียวเซิงและหลินหลางรู้สึกหนักใจขึ้นมาทันที
“ต้องเคลื่อนไหวโดยเร็ว ชิงฆ่าเด็กหนุ่มคนนั้นก่อนคนอื่นๆ!”
หลินหลางกัดฟันแน่น
“ไป!”
อวี่เซียวเซิงสูดหายใจเข้าลึกๆ ตระหนักได้ถึงความรุนแรงของสถานการณ์ จึงเริ่มดำเนินการทันที
ระหว่างทางทั้งสองเคลื่อนไหวรวดเร็ว ตามหาร่องรอยของหลินสวิน สิ่งที่ทำให้ทั้งสองตกใจคือ เพียงแค่ระหว่างทางพวกเขาก็เจอผู้ฝึกปราณไม่ใช่แค่กลุ่มเดียว และล้วนมีเป้าหมายเดียวกับพวกเขา คือกำลังตามหาตัวหลินสวิน!
นี่ทำให้ทั้งสองยิ่งร้อนใจ
คนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่พวกเขารู้ดีว่าศุภโชคบนตัวหลินสวินสะเทือนโลกาเพียงใด!
ไม่นานเสียงคำรามของฝูงสัตว์ก็ดังขึ้นในผืนป่าไกลๆ เสียงนั่นเจือความร้อนรนและกระสับกระส่าย แม้แต่พื้นดินยังสั่นสะเทือน ราวกับมีสิ่งมีชีวิตมากมายกำลังวิ่งหนี
“สวรรค์ นั่นอะไร หรือมีสัตว์ประหลาดพลิกฟ้าอะไรจะก้าวข้ามด่านเคราะห์? กลิ่นอายของเคราะห์เมฆานั่นน่ากลัวเกินไปแล้ว…”
ในผืนป่าบริเวณนั้น เสียงตกตะลึงดังขึ้นเป็นระยะๆ เห็นได้ชัดว่ามีผู้แข็งแกร่งมากมายมาถึงที่นี่และเห็นความผิดปกตินี้ สายตาต่างมองไปในทิศเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมาย
ที่นั่นเป็นภูเขาที่ตั้งอยู่โดดๆ เหนือภูเขามีเมฆดำก้อนหนาปกคลุมท้องฟ้า รวมตัวหมุนตลบต่อเนื่อง ไร้ซึ่งสุ้มเสียง เงียบสงบผิดปกติ ปลดปล่อยกลิ่นอายอันกดดันที่ราวกับจะทำลายล้างโลก พาให้อกสั่นขวัญแขวน
น่าสะพรึงกลัวเกินไปแล้ว บรรยากาศนั่นทำให้เหล่าสัตว์หวาดกลัว วิ่งหนีอย่างบ้าคลั่งกระสับกระส่าย
แม้แต่ผู้ฝึกปราณที่มาถึงที่นี่ แต่ละคนต่างตกตะลึงพรึงเพริด สูดหายใจเข้าด้วยความตกใจ ใครจะก้าวข้ามด่านเคราะห์กัน เหตุใดบรรยากาศจึงกดดันและน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้?
“นี่คือ ‘อสนีเคราะห์ถ้ำผสาน’ ของระดับหยั่งสัจจะ เพียงแต่…ปรากฏการณ์ประหลาดนี้น่าสะพรึงกลัวเกินไปแล้ว แม้แต่บุตรเทพแต่กำเนิดสมัยบรรพกาล ก็เหมือนจะไม่สามารถชักนำให้เกิดด่านเคราะห์อสนีเช่นนี้ได้…”
ในขณะเดียวกัน บุตรเทพอวี่เซียวเซิงเองก็สังเกตเห็นทุกอย่างนี้ เมื่อเห็นเมฆสีดำก่อตัวบนฟากฟ้า ในใจเขาก็อดสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงไม่ได้ สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ในตำราโบราณมีบันทึกหรือไม่”
ด้านข้างดวงตากระจ่างของธิดาเทพหลินหลางเจือแววประหลาด สีหน้าเต็มไปด้วยความหนักใจ
“ไม่มี”
อวี่เซียวเซิงส่ายหน้า
ธิดาเทพหลินหลางหวั่นไหวทันที ในเผ่าวาฬมังกรที่อวี่เซียวเซิงอยู่เก็บรักษาตำราโบราณที่สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพกาลมากมาย ในนั้นมีบันทึกเกี่ยวกับคณาเคราะห์มหามรรคไม่น้อย
แต่ตอนนี้อวี่เซียวเซิงกลับซื่อตรงกล่าวว่าไม่เคยได้ยินด่านเคราะห์อสนีเช่นนี้ นี่ดูผิดปกติมาก!
“ดูนั่น บนยอดเขามีเงาร่างหนึ่งยืนอยู่!”
นัยน์ตาของอวี่เซียวเซิงสาดประกายเย็นเยียบทันที มองไปยังภูเขาที่อยู่ในห่างไกล “เป็นเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้น! เขาจะก้าวข้ามด่านเคราะห์งั้นหรือ”
“ต้องเป็นเขาแน่ ข้าเคยปะทะกับเขา มั่นใจว่าเขาเป็นเพียงระดับมหาสมุทรขั้นสมบูรณ์เท่านั้น!”
ธิดาเทพหลินหลางกัดฟัน นัยน์ตาเต็มไปด้วยความชิงชัง
“ระดับมหาสมุทรขั้นสมบูรณ์?”
อวี่เซียวเซิงใจสั่นสะเทือน ยามนี้เขาเพิ่งจะตระหนักได้ว่าปัญหาค่อนข้างรุนแรง พลังต่อสู้ของธิดาเทพหลินหลางแข็งแกร่งเพียงใดเขาย่อมรู้ดี ฆ่าผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณเหมือนเชือดไก่กา ง่ายดายอย่างที่สุด
แต่เด็กหนุ่มคนนั้นกลับสู้กับธิดาเทพหลินหลางได้ ถึงขั้นที่ช่วงชิงเสี้ยวคัมภีร์มรรคส่วนหนึ่งไปจากมือนาง เรื่องนี้ดูผิดปกติเกินไปแล้ว!
“เจ้าก็ตระหนักได้แล้วใช่หรือไม่ว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นเหมือนปีศาจ ถ้าปล่อยให้เขาเติบใหญ่ขึ้นมา วันหน้าจะต้องเป็นศัตรูที่ใหญ่หลวงของทั้งเจ้าและข้าแน่!”
ธิดาเทพหลินหลางสูดหายใจเข้าลึกๆ สีหน้าเคร่งขรึม “เหมือนกับตอนนี้ เจ้ากล้าจินตนาการหรือไม่ว่าถ้าเขาก้าวข้ามด่านเคราะห์นี้ได้ ความสามารถจะเพิ่มขึ้นถึงระดับที่น่าสะพรึงกลัวเพียงใด”
“ต้องฉวยโอกาสนี้กำจัดเด็กคนนี้ซะ!”
อวี่เซียวเซิงพูดออกมาทีละคำ นัยน์ตาเผยไอสังหาร ถ้าบอกว่าก่อนหน้านี้ทำทุกอย่างเพื่อหวังจะช่วงชิงวาสนาในตัวหลินสวิน เช่นนั้นตอนนี้เขาก็ทำเพื่อกำจัดศัตรูอันใหญ่หลวงในวิถียุทธ์คนหนึ่ง
เพราะเขารู้ดีว่า คนอย่างหลินสวินเมื่อผงาดขึ้นมาได้แล้ว จะต้องเปล่งประกายเจิดจ้ากดข่มพวกเขาอย่างแน่นอน!
เปรี้ยง!
ทันใดนั้นเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นจากท้องฟ้าที่ห่างออกไป ราวกับเสียงคำรามอันเดือดดาลของเทพสายฟ้า สั่นสะเทือนไปทั่วโลกา เสียงดังกึกก้องน่าหวั่นหวาดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์