หลินสวินตื่นจากการนั่งสมาธิ ทันทีที่ลืมตาขึ้น หยดน้ำแท้เอกอุที่ลอยอยู่กลางหว่างคิ้วในตอนแรกพลันสั่นเบาๆ คราหนึ่ง ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นแสงหลากสี หลอมรวมเข้าไปในห้วงนิมิตของหลินสวิน
วิ้ง!
ในขณะเดียวกัน หลินสวินยื่นมือขวาออกมา นิ้วมือเรียวยาวขาวกระจ่างจิ้มกลางอากาศเบาๆ คราหนึ่ง แสงน้ำกลุ่มหนึ่งพลันปรากฏ พวยพุ่งปกคลุม กลิ่นอายท่วงทำนองมรรคไหลหลั่งไอ
เมื่อความคิดในใจของหลินสวินเปลี่ยนไป แสงน้ำกลุ่มนั้นก็เริ่มเปลี่ยนแปลง บ้างเปลี่ยนเป็นหยดน้ำอิ่มเอิบเปี่ยมพลัง หยดลงกลางอากาศ
บ้างกลายเป็นละอองฝนพรำ ปลิวว่อนล่องลอย
บ้างก็กลายเป็นน้ำตกผืนหนึ่ง ไหลหลั่งเชี่ยวกราก
จนถึงท้ายที่สุดก็เปลี่ยนเป็นสภาพการณ์ต่างๆ เช่นแม่น้ำ ทะเลสาบ หมอกเมฆเป็นต้น ทั้งหมดล้วนกำจายท่วงทำนองแห่งมรรค มีชีวิตชีวาสมจริง เต็มไปด้วยความลึกลับสุดจะพรรณนา
ฮูม~
สุดท้ายหยดน้ำพลันถูกยืดออก แปรเป็นกระบี่เล่มหนึ่ง แสงน้ำพวยพุ่งงดงามราวกับภาพฝัน!
หลินสวินจ้องมองเงียบๆ สีหน้าไม่ไหวติง นิ่งสงบราบเรียบ
ครู่ใหญ่กระบี่น้ำเล่มนั้นก็เปลี่ยนไปอีก ค่อยๆ ก่อตัวเป็นรูปร่างของนกจาบฝนตัวหนึ่ง เพียงแต่ตอนที่กำลังจะเป็นรูปเป็นร่างกลับระเบิดตัวฉับพลัน กลายเป็นละอองน้ำล่องลอย
เห็นเช่นนี้หลินสวินอดพึมพำไม่ได้ “ตามคาด ในขั้นท่วงทำนองมรรคยากจะรวมตัวเป็นจิตวิญญาณที่แท้จริงได้ ไม่สามารถวิวัฒน์เป็นสิ่งมีชีวิตที่แท้จริงได้…”
ท่ามกลางฟ้าดิน มหามรรคหมื่นพัน!
ในทุกๆ วิถีมรรคล้วนประทับแก่นอัศจรรย์ต้นกำเนิดเอาไว้ มีความหมายลึกซึ้งไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อผู้ฝึกปราณหยั่งถึงมรรคนี้ สามารถแสวงหาหนทางสู่อมตะได้!
ระดับหยั่งสัจจะ คือการหยั่งรู้ความลับแห่งธรรมชาติ คำว่า ‘ธรรมชาติ’ ในที่นี้เป็นชื่อเรียกอย่างหนึ่งของมหามรรค
นั่นก็หมายความว่า มีเพียงการไปถึงระดับหยั่งสัจจะเท่านั้น จึงสามารถสอดแนมและหยั่งรู้ความลับแห่งมหามรรคที่แท้จริงได้ ระดับนี้จึงเรียกอีกอย่างว่าจุดเริ่มต้นของการ ‘ฝึกตน’ ที่แท้จริง!
ทว่าเห็นได้ชัดว่าหลินสวินเป็นตัวอย่างในกรณีพิเศษ ตอนนี้เขายังไม่เคยก้าวเข้าสู่ระดับหยั่งสัจจะ แต่สามารถหยั่งถึงและควบคุมความลี้ลับของสัจวิถีธาตุน้ำได้แล้ว!
ต้องยอมรับว่านี่เป็นปาฏิหาริย์ที่ไม่เหมือนใครทั้งในอดีตและปัจจุบัน อย่างน้อยในอดีตที่ผ่านมาก็ยากจะเห็นตัวอย่างเช่นนี้
……
ก่อนหน้านี้หลินสวินก็เข้าใจแล้วว่า มหามรรคแห่งฟ้าดินนั้นเรียกได้ว่าไม่มีที่สิ้นสุด และแตกต่างกันออกไป อย่างเช่นปัญจธาตุ หยินหยาง สายฟ้าสายลม แสงและความมืดเป็นต้น
แต่ไม่ว่าจะเป็นมหามรรคแบบใดล้วนมีความมหัศจรรย์ จึงไม่มีการแบ่งแยกสูงต่ำ
มีเพียงตอนที่ผู้ฝึกปราณใช้เท่านั้น จึงจะแตกต่างไปตามความตื้นลึกในการการควบคุมพลังมหามรรคของแต่ละคน ทำให้สำแดงอานุภาพที่ไม่เหมือนกันออกมา
ความเข้าใจของโลกต่อมหามรรคนั้นมีมาตรฐานที่สมบูรณ์และเข้มงวดมาก โดยแบ่งออกเป็นสามขั้นตอนใหญ่คือ ท่วงทำนองมรรค เจตจำนงมรรคและเมล็ดพันธุ์แห่งมรรค
ท่วงทำนองมรรค เป็นขั้นตอนแรกแห่งการควบคุมพลังมหามรรคประเภทใดประเภทหนึ่งของผู้ฝึกปราณ เมื่อมาถึงระดับนี้ ก็สามารถควบคุมและใช้ท่วงทำนองรวมถึงกลิ่นอายของมหามรรคได้
เจตจำนงมรรค เป็นขั้นตอนที่รู้ลึกยิ่งกว่า สูงกว่าท่วงทำนองมรรค ทำให้ผู้ฝึกปราณเริ่มหยั่งถึงความหมายที่แท้จริงซึ่งซ่อนอยู่ในมหามรรค
เมล็ดพันธุ์แห่งมรรค คือการเข้าถึงจุดปลายยอดอย่างหนึ่ง เป็นขั้นตอนที่ยกระดับถึงที่สุด เมื่อมาถึงระดับนี้ ผู้ฝึกปราณจะเริ่มค้นหาและควบคุมแก่นแท้แห่งมหามรรคที่แท้จริง!
ผู้มีความสามารถสมัยบรรพกาลเคยเห็นพ้องต้องกันว่า ฮุ่นตุ้นดุจเมล็ดพันธุ์ หล่อเลี้ยงพลังเบิกฟ้าแยกดิน มหามรรคประหนึ่งเมล็ดพันธุ์ หล่อเลี้ยงความอัศจรรย์แห่งต้นกำเนิดมหามรรค
คำกล่าวที่ว่าขอบเขตเมล็ดพันธุ์แห่งมรรค ก็หมายถึงผู้ฝึกปราณเริ่มย้อนทวนความลี้ลับแห่งต้นกำเนิดมหามรรคแล้ว
การควบรวมเมล็ดพันธุ์แห่งมรรค ก็เท่ากับการควบคุมมหามรรคอย่างสมบูรณ์แบบหนึ่ง ปลูกเมล็ดพันธุ์มหามรรคที่เป็นของตัวเอง ภายในหล่อเลี้ยงความเข้าใจและการหยั่งถึงของตนต่อแก่นแท้มหามรรค จวบจนกระทั่งมันเจริญงอกงาม ก็จะสามารถเกิดการเปลี่ยนแปลงและยกระดับอีกครั้งได้!
ตอนนี้การควบคุมมรรคธาตุน้ำของหลินสวินอยู่ในขั้นเริ่มต้นนั่นคือขั้น ‘ท่วงทำนองมรรค’ สามารถสำแดงท่วงทำนองและกลิ่นอายของมรรคธาตุน้ำได้แล้ว หากนำมาประยุกต์ใช้ในการต่อสู้ ก็เพียงพอทำให้อานุภาพเกิดการเปลี่ยนแปลงราวพลิกฟ้าคว่ำดิน
……
ตูม!
หลินสวินลุกขึ้นกระแทกหมัดออกไปลวกๆ โดยไม่ได้ใช้พลังวิญญาณ แต่บนกำปั้นกลับมีคลื่นแห่งท่วงทำนองมรรคธาตุน้ำวนเวียน
ทันใดนั้นห้วงอากาศประหนึ่งฉาบด้วยกระดาษ ส่งเสียงกึกก้องระเบิดแตก ลมหมัดทรงพลังนั้นกระแทกลงบนผนังหินที่ห่างออกไป ทิ้งรอยหมัดลึกเกินคาดเดาเอาไว้!
‘นี่ก็คือพลังของของท่วงทำนองมรรค มหัศจรรย์ไร้ที่เปรียบดังคาด…’ หลินสวินทั้งอึ้งและชื่นชมในใจ
ผ่านการหยั่งรู้มาเจ็ดวัน ทำให้ในที่สุดเขาก็สามารถควบคุมท่วงทำนองมรรคแห่งธาตุน้ำได้ ตอนนี้แค่ออกหมัดลวกๆ หมัดเดียวก็เกิดการเปลี่ยนแปลงของคุณสมบัติอย่างเห็นได้ชัด แตกต่างจากที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง
‘ถ้าโคจรพลังสุดกำลัง หลอมรวมท่วงทำนองมรรคธาตุน้ำเข้าไปด้วย จะเกิดอานุภาพที่แข็งแกร่งเพียงใดนะ’
สุดท้ายหลินสวินก็ไม่ได้ลอง นี่คือถ้ำที่ขุดขึ้นในภูเขา ต้านทานการทำลายล้างเช่นนี้ไม่ได้
หืม?
จู่ๆ หลินสวินก็รู้สึกสังหรณ์ใจขึ้นมา ราวกับฉุกคิดขึ้นมาได้ ในพริบตานั้นเหมือนรับรู้ถึงความลับสวรรค์สายหนึ่งในห้วงลึก
‘ด่านเคราะห์ของการบรรลุสู่ระดับหยั่งสัจจะกำลังจะมาแล้ว!’
นัยน์ตาดำของหลินสวินพลันสาดประกาย พลังทั่วร่างเดือดพล่าน
ที่ผ่านมาเขาระงับตัวเองมาโดยตลอด ตอนนี้เมื่อเริ่มควบคุมพลังของท่วงทำนองมรรคธาตุน้ำได้แล้ว ทำให้พลังปราณทั้งร่างเขาไปถึงระดับ ‘สมบูรณ์ไร้ที่ติ’
พลังปราณสมบูรณ์ ร่างกายสมบูรณ์ จิตวิญญาณสมบูรณ์ ท่วงทำนองมรรคก็สมบูรณ์เช่นกัน!
นี่เป็นมรรคาสมบูรณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน ต่างจากผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ ในโลกอย่างสิ้นเชิง หากแพร่ออกไปคงสะเทือนโลกา!
เพราะนี่เป็นเรื่องที่พบได้น้อยมากจริงๆ ถ้าเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ ตอนที่พลังปราณสมบูรณ์ก็คงจะคิดจะทะลวงสู่ระดับหยั่งสัจจะแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์