นี่คือสมรภูมิความเป็นตายฉากหนึ่ง หลินสวินตัวคนเดียวประจันหน้ากับอาณาจักรอสนีเคราะห์ รอบด้านแสงสายฟ้าเริงระบำ ทั่วนภาล้วนเป็นภาพตื่นตระหนกน่าตกใจ
เลือดเนื้อทั่วร่างเขาทุกส่วนกำลังสมานเต็มอัตรา พลังทั่วสรรพางค์ฟื้นคืนถึงขีดสุดใหม่อีกครั้ง ทั้งยังขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง!
ชิ้ง!
ดาบหักปรากฏส่งเสียงกระจ่างใส อบอวลท่วงทำนองมรรคธาตุน้ำ สำแดง ‘กระบวนท่าคว้าดารา’ และ ‘กระบวนท่าสอยจันทรา’ แห่งเพลงดาบวัฏจักรฟ้าออกมาถึงขีดสุด
ก็เห็นทุกหนแห่งที่ดาบหักพาดผ่าน ประดุจมีดวงดาราร่วงหล่นทีละดวงๆ อุดมไปด้วยกลิ่นอายมลายล้างอันน่าหวาดกลัว โหมกระหน่ำบดทำลายแสงสายฟ้าให้แหลกละเอียด
ทันใดนั้นจันทร์ศักดิ์สิทธิ์ดวงหนึ่งลอยเคลื่อนคล้อย แสงสว่างไสวอบอวล บริสุทธิ์ผุดผ่องเหลือประมาณ สายฟ้าที่อยู่ใกล้ๆ ไม่ทันประชิดก็ถูกบดขยี้จนราบคาบ
กล่าวถึงอานุภาพ กระบวนท่าคว้าดาราและสอยจันทราต่างจากก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด ประทับท่วงทำนองมรรคธาตุน้ำ และถูกหลินสวินดึงความสามารถออกมาเต็มกำลัง อานุภาพเองก็ก่อเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน
การโจมตีเช่นนี้ถึงขั้นสามารถสังหารผู้อยู่ในระดับหยั่งสัจจะทั่วไปอย่างง่ายดาย!
อีกทั้งขณะต่อสู้ยังผ่านการหล่อหลอมและชำระล้างของอสนีเคราะห์ ทำให้หลินสวินเข้าใจสองกระบวนท่านี้อย่างลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม
พลังที่สำแดงออกมาระหว่างขยับเคลื่อนกระบวนท่าเรียกได้ว่าสะท้านฟ้าสะเทือนดิน!
“กระบวนท่าเผาตะวัน!”
ขณะต่อสู้ หลินสวินพลันแผดเสียงตะโกนออกมา ดาบหักเอ่อล้นด้วยแสงจ้าบาดตา ผ่าแหวกสังหารออกไปโดยพลัน
ภายใต้หนึ่งดาบกลับเหมือนสุริยันร้อนแรงปรากฏ เผาผลาญโหมกระหน่ำ ปลดปล่อยอานุภาพอัศจรรย์ทลายฟ้ามลายดิน ลานตาถึงขีดสุด ชัชวาลแผ่ไพศาลไร้สิ้นสุด!
นี่ก็คือกระบวนท่าที่สามแห่งเพลงดาบวัฏจักรฟ้า… เผาตะวัน!
ในอดีต หลินสวินทำความเข้าใจศาสตร์ลับซึ่งแฝงอยู่ในกระบวนท่านี้มาตลอด แต่เนื่องจากมันล้ำลึกยากหยั่งถึงและซับซ้อนเกินไป ทำให้หลินสวินแม้หยั่งถึงได้แต่กลับยากจะสำแดงมันออกมา
ทว่าเวลานี้ ภายใต้ภัยคุกคามถึงชีวิตของอสนีเคราะห์ กลับทำให้หลินสวินปะทุพลังแฝงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน สำแดงกระบวนท่านี้ออกมาเป็นครั้งแรก!
แค่เพียงพริบตาก็เสมือนดวงตะวันร้อนแรงปะทุระเบิด อสนีเคราะห์ที่ม้วนซัดอยู่ใกล้เคียงถึงกับถูกแผดเผาจนเกลี้ยง!
อานุภาพสะเทือนใต้หล้าปานนี้ ทำให้หลินสวินรู้สึกเกินคาดหมาย
แข็งแกร่งเกินไปแล้ว! น่ากลัวกว่ากระบวนท่าคว้าดาราและสอยจันทราเสียอีก เป็นพลังทำลายล้างอันเด็ดขาดไร้เทียมทานอย่างหนึ่ง ประหนึ่งไม่มีสิ่งใดไม่พังทลาย ไม่มีสิ่งใดไม่มอดไหม้เป็นจุณ!
ครืน ครืน!
เพียงแต่อสนีเคราะห์ปรากฏขึ้นใหม่อีกครั้งอย่างรวดเร็วราวถูกยั่วโทสะ พลานุภาพเปลี่ยนเป็นน่าหวาดกลัวกว่าแต่ก่อน ศิลาโบราณนับหมื่นนับพันปรากฏขึ้นถี่ยิบแน่นขนัด ประดุจดั่งวิวัฒน์จากสายฟ้า แสงอสนีเจิดจ้าไหลบ่า แค่เพียงกลิ่นอายก็แทบทำให้ผู้คนพังทลาย
ฆ่า!
หลินสวินคำราม เลือดลมทั่วร่างพลุ่งพล่าน อุตส่าห์ยืนหยัดมาถึงขั้นสุดท้ายจะถูกขวางเช่นนี้ได้อย่างไร
เขาต่อสู้อย่างห้าวหาญ เมื่อได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่ละคราก็จะกลืนโสมราชันโคมสมบัติผลหนึ่ง ไม่ท้อถอยยอมแพ้แม้แต่น้อย
นี่คือสมรภูมิความเป็นตายฉากหนึ่ง ทั้งอันตรายและยากลำบากอย่างเห็นได้ชัด หากเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่น ต่อให้เป็นเหล่าผู้กล้าแห่งรุ่นที่น่าตกตะลึง เกรงว่าคงยืนหยัดต่อไปไม่ไหว
อันที่จริงหากไม่มีโสมราชันโคมสมบัติช่วยเสริม ต่อให้เป็นหลินสวินก็ยากจะยืนหยัดถึงตอนนี้แน่นอน อสนีเคราะห์นั่นแปลกประหลาดและวิปริตเกินไป หมายกำจัดสังหารเขา ไม่ให้เขาก้าวผ่านไปโดยง่าย
ตูม!
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ในอาณาจักรอสนีเคราะห์ ศิลาโบราณถี่ยิบแน่นขนัดไม่ปรากฏอีกต่อไป ต่างเริ่มเปลี่ยนเป็นเลือนราง กลายเป็นรูปลักษณ์สายฟ้าใหม่อีกครั้ง
เปรี๊ยะ!
ขณะเดียวกันนี้ ภายในร่างหลินสวินราวกับมีเครื่องพันธนาการหนึ่งถูกทำลาย ทำให้พลังปราณเขาก้าวสู่เขตแดนใหม่ในพริบตา
ทะลวงระดับแล้ว!
กลางทะเลปราณมีถ้ำผสานหนึ่งกำลังวิวัฒน์ ภายในขุ่นมัวเลือนราง ประดุจถ้ำสถิตแห่งความว่างเปล่า ทั้งราวกับต้นแบบแห่งโลกหล้า ภายในมีพลังวิญญาณอันบริสุทธิ์รุ่งโรจน์ไหลบ่า กว้างใหญ่ไพศาลปานไร้สิ้นสุด
เวลานี้ท่วงทำนองมรรคธาตุน้ำ พลังยุทธ์ ต้นกำเนิดปราณที่หลินสวินครอบครองไว้ ล้วนต่างรวมกันอยู่ในถ้ำผสาน
ก็เห็นถ้ำผสานนั่นส่งเสียงกัมปนาทไม่หยุด แสงแวววาวเปล่งประกายไหลหลั่ง มีกลิ่นอายท่วงทำนองแห่งมรรคและต้นกำเนิดวิถียุทธ์ประทับอยู่บนนั้น ทำให้ทั้งถ้ำผสานขยายออกอย่างต่อเนื่อง ส่องสว่างไม่หยุดหย่อน ศักดิ์สิทธิ์สง่างามถึงที่สุด!
ท่ามกลางความเลือนรางพร่ามัว ถึงกับมีเสียงธรรมดังต่อเนื่องก้องสะท้อนจากถ้ำผสาน ประหนึ่งมีอริยบุคคลบรรพกาลกำลังนั่งสมาธิท่องพระคัมภีร์อยู่ภายใน
ครืน!
ท้ายที่สุด ภายในถ้ำผสานก็ปรากฏแท่นมรรคลึกลับหนึ่ง สะอาดบริสุทธิ์ดุจกระจก อบอวลไปด้วยหมอกแห่งศุกลไตรมรรค เผยความเร้นลับออกมาโดยสมบูรณ์
‘แท่นมรรคหยั่งสัจจะ’!
นี่คือแท่นมรรค มีเพียงผู้มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมเป็นเลิศเท่านั้นจึงจะก่อร่างสร้างจากรากฐานมหามรรคของตนขึ้นมาได้ เป็นสิ่งที่สะท้อนออกมาหลังมรรควิถีทั้งร่างยกระดับถึงขีดสุด!
ต้องรู้ว่าผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะทั่วไป มีเพียงก้าวไปถึงระดับหยั่งสัจจะขั้นสมบูรณ์เท่านั้นจึงจะสามารถหลอมรวมมรรควิถีทั่วร่างเป็นแท่นมรรคได้ อาศัยสิ่งนี้ค้ำจุนและหลอมชำระรากฐานแห่งตน
แต่เห็นชัดว่าหลินสวินต่างออกไปอย่างมาก ถึงอยู่ในระดับหยั่งสัจจะขั้นต้นก็หลอมแท่นมรรคออกมาได้สำเร็จ นี่คือหนทางอันเลิศล้ำเส้นหนึ่งอย่างแน่นอน!
เหมือนอย่างอวี่เซียวเซิงและหลินหลาง เหตุผลที่ถูกเลือกเป็นบุตรเทพและธิดาเทพ ก็เพราะยามพวกเขาบรรลุสู่ระดับหยั่งสัจจะก็เหนือกว่าคนรุ่นเดียวกันอยู่โข ก่อร่างสร้างแท่นมรรคแห่งตนได้ก่อน เป็นผู้นำในระดับหยั่งสัจจะ สื่อถึงรากฐานพลังและพลังแฝงอันพิเศษโดดเด่นอย่างหนึ่ง
เพียงแต่หลินสวินไม่เหมือนอวี่เซียวเซิงและหลินหลาง
บนแท่นมรรคหยั่งสัจจะของเขายังแฝงไว้ด้วยแสงวิญญาณดุจดั่งหยกขาวของศุกลไตรมรรค แวววาวเปล่งประกาย ศักดิ์สิทธิ์อัศจรรย์
นี่คือ ‘แสงสมบัติหยั่งสัจจะ’!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์