นี่เดิมทีก็ทำให้ผู้คนรู้สึกเกินคาดหมายและตกตะลึง แต่เมื่อเห็นว่าท้ายที่สุดหลินสวินมีชีวิตรอดจากด่านเคราะห์อสนี ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกคาดไม่ถึงกว่าเดิม
เจ้าหมอนี่เป็นใครกันแน่
ในเผ่ามนุษย์ ตั้งแต่เมื่อไหรกันที่ปรากฏสัตว์ประหลาดพลิกฟ้าตนหนึ่งเช่นนี้
ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ตรงนั้นสั่นสะท้านพูดไม่ออก
สวบ!
แต่ทว่าท่ามกลางความเงียบสงัด ทันใดนั้นเงาร่างหนึ่งพลันพุ่งออกมาประดุจสายฟ้าแลบ มุ่งกระโจนสังหารไปยังหลินสวินที่อยู่ห่างไกลทันที
เหตุการณ์นี้กะทันหันเกินไป ทำให้ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดต่างชะงักงัน
จากนั้นพวกเขาก็รู้ตัวทันที เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์นั่นแม้รอดชีวิตจากด่านเคราะห์อสนีแต่กลับบาดเจ็บหนักใกล้ตายอยู่รอมร่อ เวลานี้คือโอกาสดีที่สุดที่จะกำจัดเขาซะ!
เมื่อนึกถึงว่าบนตัวเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์นั่นยังซ่อนมหาศุภโชคจากเกาะอริยะปัญจธาตุ ทำให้ผู้แข็งแกร่งที่กระจายอยู่บริเวณนี้เหล่านั้นยิ่งอดรนทนไม่ไหวกว่าเดิม
“เจ้าคนเผ่าเหยี่ยววายุนั่นเหลี่ยมจัดนัก ถึงขั้นลงมือเป็นคนแรก!”
“หึ เขาลงมือแล้วอย่างไร แถบนี้มีคู่แข่งกระจายอยู่ไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ มีหรือจะให้เขาเผ่าเหยี่ยววายุช่วงชิงศุภโชคไป”
“ฆ่า! ฉวยจังหวะที่เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์นั่นบาดเจ็บสาหัสต้องกำจัดมันให้ได้ มิฉะนั้นรอมันฟื้นคืนขึ้นมา จะต้องเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งคนหนึ่งแน่นอน!”
เสียงตะโกนก้องดังขึ้นต่อเนื่องเป็นระลอก ทำลายบรรยากาศชวนตระหนกบนฟ้าดินนี้ ผู้แข็งแกร่งทั้งกลุ่มโผนทะยานเต็มอัตรา พุ่งตรงไปยังตำแหน่งที่หลินสวินอยู่
พวกเขาล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งจากแต่ละเผ่าของทะเลกลืนวิญญาณ อยู่ภายใต้ขุมอำนาจชนพื้นเมืองบรรพกาล คนที่สามารถเข้ามายังแดนลับอสูรมารอริยะได้ล้วนแต่เป็นยอดฝีมือ ไม่มีผู้อ่อนแอแม้เพียงคนเดียว
แต่ตอนนี้พวกเขาเคลื่อนพลพร้อมกัน หนึ่งเพื่อแย่งชิงศุภโชคบนตัวหลินสวิน สองคือหมายฉวยโอกาสนี้กำจัดหลินสวินในคราเดียว
ถึงอย่างไรการก้าวข้ามด่านเคราะห์ของหลินสวินเมื่อครู่ก็พลิกฟ้าและสะเทือนใต้หล้าเกินไป ทำให้พวกเขารู้สึกถึงภัยคุกคามอย่างลึกซึ้ง
ชั่วขณะเดียวในผืนป่านี้ก็เต็มไปด้วยแสงเคลื่อนไหวทุกทิศทาง พร่างพรายละลานตาแน่นขนัด พุ่งออกมาจากทั่วทุกทิศ ราวกับรุ้งศักดิ์สิทธิ์ที่รวมตัวกันหนาแน่น
“เผ่ากวางหยก เผ่าคชามาร เผ่าวิญญาณสมุทร เผ่ากาฬพฤกษ์… บัดซบ! ทำไมคู่แข่งถึงมากมายเช่นนี้”
แต่จากที่ผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าปรากฏตัว ทำให้ที่แห่งนั้นเปิดฉากอึกทึกทันที ต่างคาดไม่ถึงว่าครานี้ เพียงเพราะเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนเดียวจะดึงดูดคู่แข่งมามากมายขนาดนี้
นี่ทำให้ผู้ฝึกปราณจำนวนมากตะลึงงัน รู้ดีว่าเพื่อแก่งแย่งศุภโชคที่บนตัวเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์นั่น ที่แห่งนี้จะต้องเกิดฉากคาวเลือดฝนโลหิตเป็นแน่!
…
หลินสวินหลั่งเลือดไปทั้งตัว ร่างกายดำไหม้นอนบนพื้นดิน รู้สึกผ่อนคลายหลังรอดพ้นพิบัติเคราะห์ พร้อมๆ กับเคียดแค้นชิงชังที่ถูกลอบโจมตีด้วย
เขาคิดไม่ถึงสักนิดว่าในช่วงสุดท้ายที่ด่านเคราะห์อสนีใกล้สิ้นสุด จะถึงกับทำให้ตนต้องประสบการโจมตีถึงแก่ชีวิต
ราวกับว่าเคราะห์สวรรค์เจตนามุ่งเป้ามาที่เขา หมายจู่โจมสังหารเขาให้ตายในฉับพลัน!
“นี่มัน…”
ทันใดนั้นหลินสวินสังเกตเห็นว่า ภายในถ้ำสวรรค์ในร่างถึงขั้นทิ้งสายโซ่สีเทาท่อนหนึ่งเอาไว้ รัดพันรอบแท่นมรรค แผ่กระจายกลิ่นอายระเบียบและกฎเกณฑ์อันน่าหวาดกลัว และกัดกร่อนแท่นมรรคไม่หยุด!
พลังแห่งเคราะห์สวรรค์!
สีหน้าหลินสวินพลันเปลี่ยนไปทันที คาดไม่ถึงโดยสิ้นเชิง ด่านเคราะห์อสนีแม้จางหายไปแล้ว แต่กลับมีพลังส่วนนึ่งเป็นตัวแทนเคราะห์สวรรค์ตกค้างอยู่ในตัว!
นี่ก็เท่ากับว่าภายในร่างได้ฝังรากเหง้าแห่งเภทภัยหนึ่งอย่างแท้จริง หากไม่ระวังเพียงนิดเกิดหายนะที่ไม่อาจคาดคิด
ควรรู้ว่าแท่นมรรคหยั่งสัจจะคือการก่อร่างจากรากฐานมหามรรค รวบรวมต้นกำเนิดมรรควิถีทั้งร่างหลินสวินไว้ด้วยกัน แต่ตอนนี้กลับถูกโซ่เคราะห์สวรรค์พันธนาการและกัดกร่อน
นี่ก็เหมือนกับต้องการทำลายรากฐานมรรควิถีของเขา!
“น่าชังนัก!”
นัยน์ตาดำของหลินสวินจ้องมองท้องฟ้า แค้นจนกัดฟันกรอด เขายิ่งรู้สึกว่าเคราะห์สวรรค์ครั้งนี้เต็มไปด้วยความลี้ลับมากกว่าเดิม ราวกับว่าจงใจมุ่งเป้ามาที่ตน!
แต่ไม่นานหลินสวินก็ไม่อาจคิดมากความ ด้วยเขาสังเกตเห็นอันตราย รีบผุดลุกขึ้นและเห็นว่า ห่างไปไม่ไกลมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาสังหารอย่างหาญเหี้ยม
เงาร่างนั้นรวดเร็วปานภูตผี เมื่อมองดูอย่างถี่ถ้วนก็ให้ตกตะลึงว่าเป็นเหยี่ยววายุตัวหนึ่ง ปีกเขียวสลัวราง กรงเล็บคมกริบดุจใบมีด กลิ่นอายทรงพลังเหลือประมาณ
ขณะเดียวกันหลินสวินก็เห็นว่ากลางเขาทั่วทุกสารทิศ แสงเคลื่อนไหวพุ่งออกมาถี่ยิบมืดฟ้ามัวดิน กำลังมุ่งตรงมาทางนี้อย่างรวดเร็ว
นั่นคือผู้แข็งแกร่งจากแต่ละเผ่า!
หรือเพราะการเคลื่อนไหวขณะก้าวข้ามด่านเคราะห์ของตนยิ่งใหญ่เกินไป ถึงได้ดึงดูดให้เกิดเหตุการณ์ตรงหน้านี้
หลินสวินหรี่ตาลง
“เจ้าหนุ่ม ทิ้งคัมภีร์อริยมรรคไว้ซะ แล้วจะไว้ชีวิตเจ้า!”
ผู้แข็งแกร่งเผ่าเหยี่ยววายุคนนั้นพุ่งเข้ามา คำพูดแม้กล่าวเช่นนั้น แต่การกระทำเขากลับไม่เกรงใจสักนิด ปีกกระพือพัดหมอกแสงสีเขียวผืนหนึ่ง พลุ่งพล่านด้วยท่วงทำนองมรรคมุ่งพิฆาตไปยังหลินสวิน
ในสายตาเขา หลินสวินเพิ่งก้าวข้ามด่านเคราะห์เสร็จสิ้น บาดเจ็บหนักเจียนตาย ถือเป็นช่วงที่อ่อนแอที่สุดอย่างแน่นอน ตอนนี้เป็นจังหวะดีที่สุดในการฆ่าคนชิงทรัพย์อย่างไม่ต้องสงสัย
ด้วยเหตุนี้ทันทีที่เขาลงมือจึงไม่มีการยั้งมือไว้ไมตรีสักนิด
“ไสหัวไป! อาศัยพวกเจ้าเผ่าเหยี่ยววายุ ยังกล้ามาแย่งชิงศุภโชคงั้นรึ”
ทว่าไม่รอให้หลินสวินลงมือ กวางหยกดุร้ายเหี้ยมโหดตัวหนึ่งพุ่งเข้ามา กลิ่นคาววายุเตะจมูก เพียงฝ่ามือเดียวก็ตบผู้แข็งแกร่งเผ่าเหยี่ยววายุนั่นลอยออกไป
จากนั้นส่งเสียงคำรามสะเทือนใต้หล้า ผู้แข็งแกร่งเผ่ากวางหยกกลุ่มหนึ่งปรากฏตัว นำพาไอสังหารร้ายกาจล้นฟ้า ทำให้อากาศแถบนี้ปรวนแปร ในป่าเขาลำเนาไพรใบไม้ป่วนคลั่ง
เวลานี้ผู้แข็งแกร่งมากมายที่รีบเร่งมาต่างตระหนก รีบร้อนหลีกหลบ
แต่ก็มีกลุ่มเผ่าจำนวนมากท่าทีเหิมเกริมน่ากลัวพุ่งสังหาร ไม่หวาดหวั่นเผ่ากวางหยกแม้แต่น้อย
เผ่าคชามารที่ตัวใหญ่โตดุจขุนเขา ใบหน้าเหี้ยมโหด เท้าก้าวเหยียบพื้นดิน กระแทกทลายเนินเขา พลานุภาพร้ายกาจน่าหวาดกลัว
และมีเผ่าวิญญาณสมุทรที่รูปงามหล่อเหลา ผิวหนังเรืองแสงวารีน้ำเงินหม่น พวกเขาโดดเด่นเป็นอันมาก ดูเหมือนเผ่ามนุษย์แต่กลับมีนัยน์ตาฟ้าคราม ผมยาวสีทองเรืองอร่าม
ที่ปรากฏตัวพร้อมกันยังมีขุมอำนาจเผ่าอื่นๆ อย่างเผ่าเพลิงแดง เผ่ากาฬพฤกษ์ เผ่าวานรนทีเป็นต้น ผู้แข็งแกร่งมากมายต่างมากันเป็นกลุ่ม พลานุภาพสง่างามเกรียงไกร
“กระบวนรบยิ่งใหญ่นัก…”
หลินสวินยืนตระหง่านอยู่ตรงนั้น ผมดำทั้งศีรษะพลิ้วสยาย แม้เขาอาภรณ์ย้อมไปด้วยเลือด เวลานี้กลับมีพลานุภาพหยิ่งผยอง นัยน์ตาดำดุจหุบเหว ลึกล้ำและเย็นเยียบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์