เสียงกระหึ่มดังขึ้น เงาร่างของอวี่เซียวเซิงถูกพลังน่าหวาดหวั่นซัดกระเด็นออกไปพร้อมกับทวนกระดูกมังกรในมือ
เงาร่างของเขาซวนเซ ถอยหลังออกไปสิบกว่าจั้งถึงหยุดนิ่ง แม้ไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรง แต่สีหน้าของเขาก็ระบายความฉงนใจ
ผู้อื่นก็ล้วนตกใจ ไม่อาจคาดคิดได้ว่า ในช่วงเวลาสำคัญที่สุดหลินสวินเพียงใช้ฝ่ามือซัดสลายการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของอวี่เซียวเซิง!
เดิมทีในใจจ้าวจิ่งเซวียนบีบคั้นเครียดเกร็งถึงขีดสุดแล้ว เมื่อได้เห็นภาพนี้จิตใจที่พะวงอยู่ก็สงบลง ใบหน้างามปรากฏรอยยิ้มราวได้ปลดปล่อยภาระหนักอึ้ง
“เจ้าหนู รีบลุกขึ้นมาฆ่าเจ้าพวกคนเฮงซวยไร้จิตสำนึก เลวทรามหาใดเทียบพวกนี้เร็ว!”
จินตู๋อีเอ็ดตะโรเสียงดัง ลมหายใจของเขาแผ่วเบา เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดไหน แต่เวลานี้กลับมีชีวิตชีวาตื่นเต้น
เพียงแต่หลินสวินยังคงนั่งขัดสมาธิเช่นนั้น รอบกายเปล่งแสงส่องประกาย ไม่มีรอยฉีกแตก ไม่มีรอยแผลแล้ว ไร้ร่องรอยบุบสลายโดยสิ้นเชิง
ส่วนในถ้ำสวรรค์ภายในกาย แสงพลังวิญญาณราวสมุทรนทีไหลบ่า แสงอัศจรรย์แวววาวระเบิดออก แท่นมรรคโบราณแท่นหนึ่งตั้งตระหง่าน บนนั้นมีแสงสมบัติไตรมรรคศักดิ์สิทธิ์แวววับราวหยกขาวทอดลงมา ทุกอย่างดูโอฬารไพศาล เจิดจ้าเป็นอมตะ
เขาฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์แล้ว แผลมรรคทั้งหมดสลายไป พลังโซ่เคราะห์สวรรค์นั้นกลับถูกบดขยี้หลอมรวมเข้าไปในแท่นมรรค กลายเป็นสิ่งหล่อเลี้ยงที่สร้างความมั่นคงและขัดเกลาแท่นมรรค
ตอนนี้สภาพทั้งกายของเขาเหยียบย่างเข้าสู่สุดยอดสัมบูรณ์ของระดับหยั่งสัจจะขั้นต้นแล้ว แปรเปลี่ยนเป็นทรงพลังกว่าแต่ก่อน ก้าวล้ำไม่มีใครเทียม เรียกได้ว่าอยู่ในระดับยอดมกุฎแล้ว!
เวลานี้ไม่มีใครกล้าบุ่มบ่ามพุ่งเข้ามาแล้ว เพราะพลังที่ไหลออกมาจากร่างกายหลินสวินนั้นกล้าแข็งและโอหังนัก กดดันจนสรรพสัตว์ทั่วฟ้าดินล้วนตัวสั่นงันงกด้วยความกลัว ตัวสั่นเทาคลานอยู่บนพื้นไม่หยุดหย่อน
พรึ่บ!
หลินสวินลืมตา เหมือนยอดเขาสองยอดฉีกทึ้งห้วงอากาศ เจิดจ้าไปทั่ว พาให้สะท้านขวัญ
จนกระทั่งตอนนี้หลินสวินถึงรู้สึกได้ว่าตนต่างจากแต่ก่อนโดยสิ้นเชิง สามารถเหยียดหยันรอบทิศ มองเหล่าผู้กล้าอย่างหยิ่งผยองได้อย่างแท้จริง
พลังน่าหวาดหวั่นถูกเก็บงำราวกับกระแสน้ำเชี่ยวเร้นในกายหลินสวิน สรรพสัตว์ทั่วฟ้าดินหยุดสั่นสะท้าน หยัดกายขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วหนีไปเหมือนปลดเปลื้อง
หลินสวินท่าทางเกินธรรมดา ดวงตากระจ่างลุ่มลึก ราบเรียบและนิ่งสงบ แสงอัศจรรย์ทั่วร่างเก็บอยู่ภายใน ไม่เห็นร่องรอยใดๆ สายตาของเขากวาดไปรอบที่นั่น มีท่วงทำนองมรรคที่คืนสู่สภาวะดั้งเดิมแบบหนึ่ง
“ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นแล้ว…”
จ้าวจิ่งเซวียนที่อยู่ไม่ไกลเอ่ยเสียงเบา รอยยิ้มแย้มบานบนในหน้าซีดขาวราวโปร่งแสง ทำให้ในใจหลินสวินพลันสั่นระรัว
เสียงพูดยังไม่ทันเงียบไป จ้าวจิ่งเซวียนก็เหมือนฝืนทนไม่ไหวอีกแล้ว มุมปากมีเลือดไหล ร่างกายร่วงตกลงมาจากห้วงอากาศ
ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้นางต้านทานคนระดับบุตรเทพมากมาย สู้หมดหน้าตักราวไม่ต้องการมีชีวิต ยังมีชีวิตรอดได้ก็โชคดีมากแล้ว
แต่ตอนนี้ ในที่สุดเพราะบาดเจ็บสาหัสยิ่งนักจึงทนต่อไปไม่ไหวแล้ว…
เงาร่างหลินสวินหายตัวไปทันใด โอบจ้าวจิ่งเซวียนไว้ในอกอย่างแน่นหนา ราวกับกลัวว่าถ้าผ่อนแรงมือฝ่ายหลังจะหายไป
จ้าวจิ่งเซวียนขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “เจ้ารวบตัวข้าจนเจ็บแล้ว”
ใบหน้างามกระจ่างของนางดูสง่างามอรชรมาตลอดตั้งแต่เมื่อก่อน เวลานี้อิงอยู่ในอ้อมแขนของหลินสวินกลับเผยความอ่อนแอที่หาได้ยากยิ่งออกมา
หลินสวินพินิจดวงหน้าซีดขาวนั้นของนาง เดิมในใจมีคำพูดมากมายที่ต้องการเอ่ยออกมา แต่สุดท้ายเขาก็พูดเพียงประโยคเดียวว่า “พักให้สบาย ที่เหลือให้ข้าจัดการเถอะ”
ประโยคเดียวง่ายๆ ที่ราบเรียบจนเหมือนพูดเรื่อยเปื่อยนั้น กลับทำให้จ้าวจิ่งเซวียนตะลึงไป ในดวงตามีความรู้สึกที่พูดไม่ถูกพองฟู ในที่สุดนางก็ทำเพียงร้องอืม
ไกลออกไป จินตู๋อีนอนอยู่ในหนองน้ำ พึมพำด้วยความโมโหกับตัวเอง เจ้าคนที่เห็นผู้หญิงสำคัญกว่าเพื่อน ไม่เห็นหรือว่าข้าเกือบม้วยแล้ว ทำไมไม่มาช่วยข้าก่อน อาการบาดเจ็บของข้าสาหัสกว่าแม่หนูนั่นมากนะ!
ราวกับได้ยินเสียงในใจของจินตู๋อี หลินสวินหันหน้ามาพูดว่า “เจ้าคางคก ขอบใจมากนะ”
จินตู๋อีตะโกนเสียงดังว่า “ถ้าเจ้ารู้สึกผิดจริงก็ไปฆ่าพวกเศษเดนพวกนั้นให้ข้า!”
“ได้!”
หลินสวินพยักหน้า ตอบรับอย่างเต็มใจยิ่ง
เพียงแต่ก่อนต่อสู้ เขาส่งจ้าวจิ่งเซวียนเข้าไปรักษาบาดแผลในชั้นหนึ่งของเจดีย์สมบัติไร้อักษรก่อน แล้วจึงถามจินตู๋อีว่าต้องการรักษาบาดแผลหรือไม่ ผลปรากฏว่าฝ่ายหลังกลับปฏิเสธทันควัน พูดว่าอยากเห็นกับตาว่าเจ้าพวกนั้นจะตายอย่างไร
ในระหว่างนี้พวกอวี่เซียวเซิงและหลินหลางล้วนสังเกตการณ์ด้วยสายตาเยียบเย็น กำลังสำรวจพลังของหลินสวิน ไม่ลงมืออย่างง่ายๆ อีก
ที่จริงแล้วตั้งแต่ตอนที่อวี่เซียวเซิงถูกซัดกระเด็น พวกเขาก็รับรู้ได้ว่าการคิดจะฆ่าหลินสวินก่อนที่เขาจะฟื้นฟูร่างกายขึ้นมาเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แล้ว
ส่วนพลังที่หลินสวินปลดปล่อยออกมาจากร่างก็ทำให้พวกเขาสะท้านขวัญและกดดัน ทั้งไม่กล้าลงมือบุ่มบ่ามเกินตัว
เพียงแต่เมื่อได้ยินจินตู๋อีด่าพวกเขาว่าเป็นเศษเดน หมายจะดูหลินสวินฆ่าพวกเขาตาย ก็ทำให้พวกเขาทนไม่ไหวแล้ว
“เหอะ เจ้าคิดว่ามันเป็นผู้กอบกู้จริงๆ หรือ น่าขัน! ฟื้นฟูร่างกายมาได้แล้วอย่างไรเล่า ต่อหน้าพวกเรา สุดท้ายก็ยากรอดพ้นความตาย!”
บุตรเทพเผ่ากวางหยกเอ่ยปาก ดวงตาน่าหวาดหวั่น จิตสังหารพลุ่งพล่าน
“ทุกท่าน ปฏิเสธไม่ได้ว่าเด็กนี่รับมือยาก ที่สำคัญที่สุดคือ หากคิดจะชิงศุภโชคที่อยู่กับตัวเขา พวกเราต้องรีบฆ่าเขาให้ได้ก่อนที่คนอื่นจะตามมาทัน!”
อวี่เซียวเซิงเอ่ยด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม “ดังนั้นไม่สู้พวกเราร่วมมือกันกำจัดมันอย่างเต็มที่ แล้วค่อยแบ่งของที่อยู่บนตัวมันดีกว่า ว่าอย่างไร”
เมื่อพูดคำนี้ออกมาก็พาให้ผู้แข็งแกร่งไม่น้อยเห็นด้วยในทันใด พลังที่หลินสวินแสดงออกมาเมื่อครู่ทรงอำนาจเกินไป ทำให้พวกเขาหวาดหวั่นใจยิ่ง หากร่วมกันลงมือได้ย่อมดียิ่งแล้ว
“แต่ข้าขอเตือนทุกท่านประโยคหนึ่ง ยามต่อกรกับเด็กนี่ ไม่สามารถเก็บพลังที่แท้จริงเหมือนตอนสู้กับผู้หญิงคนนั้นได้อีกแล้ว”
หลินหลางกล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
คราต่อกรกับจ้าวจิ่งเซวียน พวกเขาแยกกันสู้ ล้วนคิดจะไปฆ่าหลินสวินก่อนเพื่อช่วงชิงศุภโชค กลับถูกจ้าวจิ่งเซวียนฉวยโอกาสมากมาย จนถึงขั้นเสียโอกาสงามไปไม่น้อย
ครั้งนี้ที่ต้องต่อกรคือหลินสวินที่ฟื้นตัวใหม่ หลินหลางไม่ต้องการให้เกิดเรื่องทำนองนั้นอีก
ผู้แข็งแกร่งระดับบุตรเทพคนอื่นล้วนเงียบงัน ยอมรับข้อเสนอนี้
“พูดจบหรือยัง เช่นนั้นก็จะส่งพวกเจ้าไปตายแล้ว!”
หลินสวินมองดูทุกอย่างนี้อย่างเงียบเชียบ กระทั่งเวลานี้ถึงได้ส่งเสียงในที่สุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์