ใครกำลังสู้กัน
หลินสวินนอนอยู่กลางหนอง ร่างกายเขาแม้สมานตัวต่อเนื่องแต่ยังไม่ฟื้นฟูดี เหตุผลก็เพราะก่อนหน้านี้อาการบาดเจ็บที่เขาได้รับร้ายแรงยิ่งนัก
ถึงขั้นที่เขาในตอนนี้ยังลืมตาไม่ขึ้น
กอปรกับเขากำลังโคจรเคล็ดวิชาตัดวิถีอย่างสุดแรงเพื่อขจัดโซ่เคราะห์สวรรค์เส้นนั้น เวลานี้ไม่กล้าวอกแวกไปสนใจเรื่องอื่น
แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ หลินสวินก็ยังรับรู้ได้ว่า สถานการณ์ของเขากำลังเผชิญกับภัยคุกคามที่ไม่เคยมีมาก่อน หากไม่รีบฟื้นตัวโดยเร็วอาจจะตายเช่นนี้ก็ได้!
หลินสวินไม่กล้าร่ำไร สลัดความคิดฟุ้งซ่าน ทั้งกายใจจดจ่อกับการหลอมสลาย
ครั้งนี้เขาบาดเจ็บหนักมากจริงๆ ถึงขั้นที่ไม่อาจรับบาดแผลเพิ่มได้แล้ว ในสถานการณ์ปกติต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่มีทางรอดได้เลย
แต่ในช่วงเวลาอ่อนแอถึงตายนี้ ในชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดแผ่พลังยิ่งใหญ่เกรียงไกร ทำให้ทุกอย่างพลิกผัน
เมื่อหลินสวินโคจรเคล็ดวิชาตัดวิถี หมอกอัศจรรย์ภายในถ้ำสวรรค์พวยพุ่ง แสงมงคลไหลหลั่ง เสียงธรรมมหามรรคกึกก้อง หมอกแสงลึกลับทุกสายทุกเส้นพุ่งไปบนแท่นมรรค ปกคลุมโซ่เคราะห์สวรรค์นั้นโดยสมบูรณ์แล้วเริ่มหลอม
ขณะนี้พลังแฝงในกายหลินสวินกำลังตื่น ฟื้นฟูรอบด้าน ราวทางน้ำแห้งผากถูกกระแสน้ำพลังมหาศาลทดอยู่
ร่างที่ทรุดโทรมแตกหักของเขาถูกฟื้นฟู บาดแผลค่อยๆ สมาน เริ่มเกิดพลังชีวิตยิ่งใหญ่ ไม่เงียบเชียบดังเดิมอีก
โครม!
การเคลื่อนไหวของถ้ำสวรรค์ในกายยิ่งทรงพลังขึ้น เห็นได้ว่าโซ่เคราะห์สวรรค์เส้นนั้นกำลังถูกหลอมทีละน้อย กลายเป็นพลังสายหนึ่งราดรดลงบนแท่นมรรคหม่นหมองเป็นลายพร้อยอยู่ก่อน
นี่เป็นพลังกฎระเบียบอย่างหนึ่ง แม้ถูกหลอมไป กลิ่นอายที่เหลืออยู่รวยริน แต่ยังคงมีพลานุภาพที่เกินจินตนาได้ดังเดิม
ส่วนตอนนี้พลังที่ถูกหลอมนี้ล้วนรวมเข้าไปในแท่นมรรค ทำให้แท่นมรรคได้รับการหล่อเลี้ยงและขัดเกลาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!
นี่ช่างเป็นวิชาชิงสวรรค์เสียจริง!
ใครจะกล้าคิดว่าพลังแห่งเคราะห์สวรรค์สามารถถูกหลอมรวมเข้าสู่ถ้ำสวรรค์ ไปราดรดและขัดเกลาแท่นมรรคได้
นี่ก็คือความอัศจรรย์ของเคล็ดวิชาตัดวิถี พลังสลายเคราะห์ หวนคืนสู่ต้นกำเนิดมรรควิถี หลอมรวมในรากฐานมหามรรค แปรสภาพจนหมดสิ้น!
เสียงกึกก้องครั่นครืนไม่หยุดลงดุจเสียงธรรมมหามรรค ถ้ำสวรรค์ที่เดิมทึบทึม เวลานี้ส่องแสงสดใสแผ่ขยายออกมาเรื่อยๆ หมอกอัศจรรย์แสงมงคลตลบอบอวล
แม้แต่แท่นมรรคแท่นนั้นก็เริ่มมั่นคงอีกครั้ง ไม่ได้โปร่งแสงเลือนรางเช่นก่อนหน้านี้ แต่กลับมีกลิ่นอายคืนสู่ความโบราณดั้งเดิมเพิ่มขึ้นมา ตั้งตระหง่านในถ้ำสวรรค์ ประหนึ่งสามารถผ่านความทุกข์ยากแต่ไม่ผุกร่อน ธำรงยาวนานคู่โลกา!
ทั้งหมดนี้ก็เหมือนจากร้ายกลายเป็นดี!
ยามเข้าใกล้ความตายที่แท้จริง เพียงการเคลื่อนไหวเดียวก็พลินผันจากตายเป็นรอด ดุจได้นิพพานเกิดใหม่ในการฝึกปราณ
นี่ก็คือหนทางสู่ยอดมกุฎ แม้เรียกได้ว่าเป็นมรรคาที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน แต่ความทรมาน ความล้มเหลวและความทุกข์ยากก็น่าหวั่นกลัวเกิดคาดคิด
ต่อให้เป็นบุคคลน่าตื่นตาเช่นหลินสวินก็ยังเกือบวายชนม์มรรคสลาย ฝืนทนผ่านความลำบากมาได้ระหว่างการไล่ล่าสังหารและทรมานในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา
เส้นทางนี้อย่างน้อยในจักรวรรดิจื่อเย่าก็ไม่เคยมีมาก่อน เป็นเพียงผู้เดียวตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน! ขนาดในคัมภีร์โบราณก็แทบหาบันทึกไม่พบ ราวกับเป็นเรื่องต้องห้าม ไม่ยินยอมให้ดำรงอยู่ในโลกา
“ให้ตายสิ ถ้ารู้ก่อนว่ามีศัตรูตามฆ่าเจ้ามากมายเช่นนี้ข้าก็ไม่กลับมาแล้ว”
ในโสตประสาทพลันมีเสียงของเจ้าคางคกจินตู๋อีดังขึ้น เจือแววฉุนเฉียว นี่ทำให้หลินสวินที่ฝึกปราณอยู่พลันประหลาดใจ เจ้าคางคกนี่กลับมาหรือ
สำนึกรับรู้แผ่กว้าง หลินสวินพลันเห็นว่าข้างกายตน จินตู๋อีที่แต่งกายสีเขียวทั้งชุดเลือดไหลรินไปทั้งร่าง กำลังกอดต้นขาพลางเค้นฟันด่าทอด้วยน้ำเสียงเดือดดาล
“โอ๊ยๆๆ เจ็บจริงๆ โว้ย เจ้าหนูนั่น ข้าจะจำเจ้าไว้ว่าเจ้าฟันข้าสามครั้ง ไม่ช้าก็เร็วข้าจะกินเจ้าหนูอย่างเจ้า!”
จินตู๋อีร้องตะโกนพลางมองหลินสวินที่อยู่ข้างกายด้วยความกังวล ปากก็พึมพำคร่ำครวญไม่หยุดหย่อน “เจ้าเด็กนี่ไม่ได้ตายไปแล้วจริงๆ กระมัง ทำไมถึงยังไม่ฟื้นขึ้นมา โธ่ ถ้ารู้เช่นนี้ก่อนข้าก็ไม่กลับมาแล้ว…”
หลินสวินได้ยิน ในใจกลับบังเกิดกระแสความอบอุ่นระลอกแล้วระลอกเล่า ลอบเอ่ยว่าเจ้าหมอนี่แม้นิสัยจะไม่ได้ดีอะไร แต่ในแง่น้ำใจรักพวกพ้องนี้กลับควรค่าแก่การยอมรับ
เวลาเดียวกันในใจหลินสวินก็โมโหขึ้นมาอย่างพูดไม่ถูก เห็นได้ชัดว่าเจ้าคางคกเพิ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้เมื่อกี้ และที่เขาทำเช่นนี้ย่อมต้องเป็นเพราะปกป้องตน!
“แม่หนูน้อยนี่ก็ไม่เลว ตัวคนเดียวประลองกับผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่ง ไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้าเด็กนี่ไปโชคดีมาจากไหน ถึงได้หาแม่หนูหน้าตาสะสวยที่มีจิตใจรักพวกพ้องเช่นนี้…”
จินตู๋อีทอดถอนใจ
หลินสวินตกใจยิ่ง ยังมีคนมาช่วยตนด้วยหรือ
สำนึกรับรู้เขาแผ่ออกกว้าง พลันสังเกตว่าไม่ไกลออกไปกำลังเกิดศึกเลวร้ายที่โหดเหี้ยมหาใดเทียบ
บุคคลชั้นยอดรุ่นเยาว์อย่างบุตรเทพเผ่าวาฬมังกรอวี่เซียวเซิง ธิดาเทพเผ่าสิงห์โลหิตหลินหลาง รวมถึงบุตรเทพเผ่ากวางหยก บุตรเทพเผ่าคชามาร ธิดาเทพเผ่ากาฬพฤกษ์ล้วนอยู่ในศึกนี้!
ทว่าพวกเขาในตอนนี้กลับล้อมโจมตีคนคนเดียว
ไม่ใช่ ไม่ใช่ล้อมโจมตี แต่ถูกคนคนเดียวพัวพันดึงรั้ง ไม่ว่าใครที่คิดจะพุ่งเข้ามาทางตน ก็จะถูกคนคนนั้นเข้าไปโจมตีอย่างไม่สนใจสิ่งใด!
คนผู้นั้น…
เป็นจ้าวจิ่งเซวียน!
เสื้อผ้าของนางย้อมไปด้วยเลือด ใบหน้ากระจ่างพริ้งพรายซีดขาว ผมงามยุ่งเหยิง เงาร่างซวนเซ เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่นานแล้ว
แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้นางก็ยังคงต่อต้านและยืนหยัดดังเดิม ดวงตากระจ่างใสเต็มไปด้วยความแน่วแน่เด็ดขาด ไม่มีความลังเลสักนิด
หลินสวินใจสั่นสะท้าน ความซาบซึ้งยากบรรยายไหล่บ่าทั่วร่าง
เขาจะไปคิดได้อย่างไรว่า จ้าวจิ่งเซวียนที่เป็นถึงองค์หญิงแห่งจักรวรรดิ ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ กลับต่อสู้ฆ่าฟันอยู่ตรงนั้นอย่างแทบไม่คิดถึงชีวิตเพื่อปกป้องตน
“ผู้หญิงอย่างเจ้านี่บ้าระห่ำเสียจริงนะ เพื่อปกป้องเด็กหนุ่มที่ร่อแร่ปางตายคนนี้ ขนาดชีวิตตัวเองยังไม่ต้องการแล้วหรือ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์