หลินสวินในเวลานี้ประดุจเทพมารแห่งการสังหาร เหยียดหยันใต้หล้า ดาบหักเล่มเดียวกรำศึกถ้วนทั่ว แสงดาราเรืองรองเอ่อล้น ไอดาบตัดเคลื่อน แตกพ่ายทุกแห่ง
นี่ทำให้ผู้แข็งแกร่งคนเถื่อนวารีต่างครั่นคร้าม เอ็ดอึงด้วยความขลาดกลัว ต่อต้านสุดแรงเกิด
เพียงแต่ทุกอย่างนี้ย่อมเปลืองแรงเปล่า นึกถึงหนทางนองเลือดก่อนหน้านี้อันหาที่เปรียบมิได้ ที่หลินสวินไล่สังหารผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าตลอดทาง แม้แต่บุตรเทพเผ่าต่างๆ ยังยากจะขวางคมดาบของเขาได้ ท้ายที่สุดทุกคนล้วนหนีอุตลุดโดยไม่มีข้อยกเว้น
ส่วนตอนนี้ ผู้แข็งแกร่งคนเถื่อนวารีเหล่านี้ล้วนอยู่ในระดับหยั่งสัจจะตามมาตรฐาน ไหนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้ของหลินสวินได้
ทันใดนั้นในตำหนักใหญ่เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้อง เสียงโหยหวน และฝนโลหิตดุจน้ำตก
แม้แต่เจ้าคางคกก็ยังมองจนอึ้งค้างไป เดิมทีเขายังคิดจะช่วย ใครจะคิดว่ายื่นมือเข้าแทรกไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
นี่ทำให้เขาลอบด่าทอในใจว่าหลินสวินวิปริต ข่มเหงรังแกมากเกินไปแล้วชัดๆ ศัตรูเหล่านั้นอยู่ในเงื้อมมือของหลินสวิน ก็เหมือนกับการเฉาะแตงหั่นผัก ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันโดยสิ้นเชิง
เพียงชั่วครู่เท่านั้น ผู้แข็งแกร่งคนเถื่อนวารีพวกนั้นต่างถูกหลินสวินสังหารอย่างไร้ไมตรี ทิ้งซากศพขาดวิ่นเกลื่อนกลาด แอ่งเลือดย้อมพื้นดิน
หลินสวินกลับไร้ราคี ไม่มีบุบสลาย อาภรณ์สีจันทร์ยวงทั้งชุดสะอาดหมดจด แม้แต่บนดาบหักก็ยังไม่เปื้อนเลือดสักหยด
เขายืนอยู่ท่ามกลางแอ่งเลือดซากศพ ท่วงท่าโดดเด่น ใครจะคิดว่าการเข่นฆ่านองเลือดอันน่าสะเทือนขวัญปานนรกนี้ จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเด็กหนุ่มรูปงามที่บุคลิกโดดเด่นคนหนึ่งเช่นนี้ได้
“ให้ตายเถอะ จะวางมาดอวดภูมิเจ้าหนูนี่ก็ทำไปแล้ว ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป ข้ายังจะหาความมีตัวตนได้จากที่ไหนกันเล่า”
เจ้าคางคกกุมข้อมือถอนใจ ท่าทางเสมือนว่าเกิดมาอาภัพ ไร้โอกาสแสดงความสามารถของตนออกมา
“เจ้าคางคก เจ้ายังมีแก่ใจมาโอดโอยอยู่ได้ รีบเข้ามาช่วยเร็วเข้า!”
ไกลออกไป จ้าวจิ่งเซวียนเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์
นางใช้กระถางสมบัติเก้ามังกรจัดการกับเหยาซู่ซู่และเหลียนเฟย แต่ในชั่วขณะหนึ่งกลับไม่สามารถกำราบแผนภาพลึกลับนั่นได้ นี่ทำให้นางอดเริ่มเป็นกังวลไม่ได้
“ไม่ใช่เจ้าหนูนั่นเข้าไปแล้วหรือ เรื่องสามีว่าภรรยาตามของพวกเจ้า หากข้าไปช่วยจะมิกลายเป็นมือที่สามคั่นกลางหรือไร”
เจ้าคางคกหัวเราะร่วนขึ้นมา ทั้งที่มีหน้าตางดงามล่อลวงหาใดเปรียบแท้ๆ แต่กลับหัวเราะได้อย่างสัปดนและวอนโดนต่อยมากเป็นพิเศษ บางทีนี่อาจเป็นมาดของเจ้าคางคกก็เป็นได้
เวลานี้หลินสวินเข้าไปช่วยแล้วจริงๆ แต่ครั้นได้ยินน้ำคำสัปดนของเจ้าคางคก ก็ยังทำเอาเขาสีหน้าทะมึน มือที่สามคั่นกลาง?
เจ้าคางคกเส็งเคร็งนี่สมควรโดนซัดงามๆ สักเปรี้ยงจริงเชียว!
หลินสวินกัดฟันกรอดกล่าวว่า “ดีเลย รอถึงตอนแบ่งสมบัติกัน เจ้ากล้าคั่นกลาง นายน้อยผู้นี้จะตัดขาที่สามของเจ้าทิ้ง!”
“เฮ้ย!”
จากนั้น ไม่รอให้เจ้าคางคกระเบิดอารมณ์ หลังจากได้ยินคำพูดถึงขาที่สามอันแสนหยาบคายนี้ ดวงหน้างามของจ้าวจิ่งเซวียนก็อดแดงก่ำไม่ได้ ตวัดมองหลินสวินอย่างดุดันปราดหนึ่ง คล้ายกำลังตำหนิว่าเขาเองก็เปลี่ยนเป็นไม่เอาการเอางานแล้วเช่นกัน
หลินสวินพลันจนคำพูด รู้สึกเหมือนถูกให้ร้ายแล้ว เพราะเจ้าคางคกแต่เดิมก็เป็นคางคกทองสามขาอยู่แล้ว ตัดขาที่สามของเขาผิดตรงไหนเล่า
“ดูเอาเถิดๆ นี่กำลังแย่งชิงศุภโชคกันอยู่นะ พวกเจ้ายังเกี้ยวพาราสี เล่นหูเล่นตากันอยู่ได้ จะให้ข้าผู้อ้างว้างเดียวดายไร้รักคนนี้ทนไหวอย่างไรกัน”
เจ้าคางคกทำหน้าบูดบึ้ง
เหยาซู่ซู่และเหลียนเฟยที่แต่เดิมก็สิ้นหวังหาใดเปรียบอยู่แล้ว ยิ่งมีสีหน้าไม่น่าดูมากกว่าเดิมเมื่อเห็นภาพฉากนี้
พวกนี้เป็นคนแบบไหนกันแน่ คุยตลกขบขันกันเอง เห็นพวกเขาไร้ตัวตนเหมือนเป็นอากาศธาตุหรือไร
นี่มัน…รังแกกันเกินไปแล้วชัดๆ!
เวลานี้ทั้งสองต่างไม่รู้ว่าควรอยู่ในอารมณ์ไหน บันดาลโทสะ? ไม่พอใจ? สิ้นหวัง? หรือเป็นอัปยศ เศร้าโศก?
“หลินสวิน พวกเจ้าจะฆ่าก็ฆ่า ไยต้องหยาบหยามกันเยี่ยงนี้!?”
ในที่สุดเหลียนเฟยก็เป็นฝ่ายทนไม่ไหวก่อนเป็นคนแรก ส่งเสียงคำราม ดวงตาแทบถลนเบ้า
“อ้อ ขอโทษด้วยที่ไม่ได้คำนึงถึงความรู้สึกของพวกเจ้า ข้าเกือบลืมไปเสียสนิทเชียว พวกเราเป็นถึงศัตรูตัวฉกาจต่อกัน ผูกแค้นกันมานานหลายปี”
น้ำเสียงของหลินสวินฟังดูสบายๆ ท่าทางราบเรียบผ่อนคลาย ทำเอาเหลียนเฟยแทบกระอักเลือดออกมา โกรธจนหน้าเขียวแล้ว
ศัตรูตัวฉกาจอยู่ต่อหน้า เจ้าหมอนี่ไม่ไยดีขนาดนี้ได้อย่างไรกัน
หรือในใจของเขา ตนไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะเป็นศัตรูของเขาหรือ
“ข้าจะสู้กับเจ้า!”
ภายใต้ความร้อนรนและโทสะในใจ เหลียนเฟยแผดเสียงคำรามอย่างกราดเกรี้ยว พุ่งทะยานเข้าหาหลินสวิน
“อย่านะ…!”
เหยาซู่ซู่ตกใจจนดวงหน้าซีดเผือด ก่อนหน้านี้มีการคุ้มกันจากแผนภาพปริศนาในมือนาง จึงทำให้ตอนที่พวกเขาเผชิญกับการโจมตี ยังพอสกัดกั้นและต้านทานได้
ทว่าเวลานี้เหลียนเฟยกลับเป็นฝ่ายออกไปโจมตีเอง นี่มันจะต่างอะไรกับการเอาชีวิตไปทิ้งกันเล่า
“ความแค้นระหว่างพวกเรา ก็ยุติลง ณ บัดนี้เช่นกัน!”
นัยน์ตาดำสนิทของหลินสวินฉายแววเย็นเยียบ สิ่งที่เขารอก็คือโอกาสนี้ ดาบหักซัดโจมตี เพียงชั่วแล่นเท่านั้น ศีรษะโชกเลือดก็ถูกตัดกระเด็นออกไป
ก่อนตาย บนหน้าของเหลียนเฟยยังคงมีความโกรธเกรี้ยว อดสู และไม่ยินยอมฉายอยู่ทั่ว ตายตาไม่หลับ
“เจ้าก็ช่างเฉียบขาดตรงไปตรงมาเกินไปแล้ว ข้ายังนึกว่าเจ้าจะบรรจงเชื่องช้าสักหน่อย ทรมานเจ้านี่สักพักเพื่อระบายความแค้นในใจ ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นการแก้แค้นนะ ย่อมควรทบทวนบุญคุณความแค้นก่อนหน้านี้กันก่อน ระบายความหดหู่และอดกลั้นภายในใจเสียหน่อย แต่เจ้าหนูอย่างเจ้ากลับไม่สัญจรเส้นทางปกติ ดาบเดียวก็ฆ่าเสียแล้ว น่าเบื่อจริงๆ”
เจ้าคางคกยิ้มพิกลขึ้นมา วิจารณ์วิธีการแก้แค้นของหลินสวิน
“พูดตามตรง หากไม่ใช่เขาเป็นฝ่ายกระโจนออกมาเอง ข้าก็เกือบลืมไปแล้วว่ายังมีศัตรูเช่นนี้อยู่ทั้งคน”
หลินสวินไหวไหล่ ทำหน้าไร้เดียงสา
นับตั้งแต่เข้าสู่นครต้องห้าม หลังจากผ่านการเคี่ยวกรำจากอันตรายและความลำบากเหลือคณาแล้ว เรื่องบาดหมางกับเหลียนเฟยในปีนั้นก็เจือจางลงมากในสายตาของหลินสวิน กระทั่งไม่ได้มีความคิดจะไปกำจัดอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ
ใครจะไปคิด เหลียนเฟยกลับมองเขาเป็นศัตรูมาโดยตลอด จดจำฝังใจ กระทั่งวางหมากดำเนินการ คิดจะใช้ความช่วยเหลือจากเหยาทั่วไห่และตระกูลเหยาทั้งตระกูลมาจัดการกับเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์