Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 605

สรุปบท ตอนที่ 605: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอน ตอนที่ 605 จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 605 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 605 หนึ่งคำพูดดั่งหมื่นวิชา หยั่งถึงขึ้นอยู่กับโชค
ตอนที่ 605 หนึ่งคำพูดดั่งหมื่นวิชา หยั่งถึงขึ้นอยู่กับโชค
โดย
ProjectZyphon
กระถางหินที่ดูเก่าแก่และเรียบง่ายใบนั้นคำรามขึ้นมาอย่างเหนือความคาดหมาย ทำให้พวกหลินสวินตกใจยกใหญ่

หรือว่าทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากเจดีย์สมบัติไร้อักษร?

ไม่รอให้พวกเขาได้เข้าใจ คลื่นเสียงคำรามของกระถางหินทวีความกังวานราวกับเสียงเทพมหามรรค ดังก้องอยู่ในตำหนักอันกว้างขวางเก่าแก่ ทำให้ทุกคนตัวสั่นสะท้าน จิตวิญญาณสั่นคลอน

โครม!

ยามนี้ไม่เพียงแค่ที่นี่ บนยอดเขาอื่นๆ อีกแปดลูก ในตำหนักโบราณที่ยิ่งใหญ่โอ่อ่าทุกหลังล้วนมีกระถางหินเก่าแก่เรียบง่ายตั้งอยู่ ต่างเกิดเสียงคำรามและสั่นไหวไปด้วย

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ทำให้ผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าต่างทำอะไรไม่ถูก อกสั่นขวัญแขวน

ท่ามกลางความงุนงง ผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าที่เข้ามาในแต่ละตำหนักราวกับย้อนกลับไปอยู่ในสมัยบรรพกาล มาอยู่ในอาศรมแห่งหนึ่ง

เงาร่างหนึ่งนั่งอยู่บนสามสิบสามชั้นฟ้า ราวกับเจ้าเหนือหัวที่เหลือบมองลงมายังเหล่าสรรพชีวิต กำลังเทศนาความลึกซึ้งละเอียดอ่อนของมหามรรค เสียงนั่นเลือนรางและศักดิ์สิทธิ์ ราวกับเสียงสวรรค์ ลึกลับและมหัศจรรย์สุดจะพรรณนา

“นี่คือภาพประทับมรดกของอัครบุคคลบรรพกาลและปรากฏขึ้นในเวลานี้ รีบนั่งลง รวบรวมสมาธิหยั่งรู้!”

มีคนฮึกเหิม รับรู้ได้ถึงเส้นสนกลในที่ซ่อนอยู่

คนที่สามารถเข้ามาในตำหนักนี้ได้ล้วนเป็นบุคคลชั้นยอดของแต่ละเผ่า เข้าใจแทบจะในทันที พลันนั่งขัดสมาธิและเริ่มสงบจิหยั่งรู้อย่างไม่ลังเล

นี่คือภาพประทับมรดก มีค่าและหายากอย่างยิ่ง โอกาสมีเพียงครั้งเดียว หากพลาดไปแล้วจะต้องเสียใจไปทั้งชีวิต

สำหรับเรื่องที่สุดท้ายจะหยั่งถึงได้เท่าไหร่ ก็ต้องดูโชคของแต่ละคน!

“ฮ่าๆๆ ไอ้สารเลวเซียวหรันคิดว่าตัวเองวางแผนรอบคอบ ช่วงชิงวาสนาทุกอย่างไว้ได้ แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าในตำหนักโบราณนี้ยังมีวาสนามรดกที่ยากจะคาดคะเนระดับนี้ซ่อนอยู่ ข้าสามารถจินตนาการได้เลยว่า ตอนเขารู้เรื่องทั้งหมดนี้ หน้าเหม็นๆ ใบนั้นจะน่าเกลียดเพียงใด ฮ่าๆๆ”

เจ้าคางคกหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เบิกบานและตื่นเต้น

หลินสวินและจ้าวจิ่งเซวียนเองก็อดยิ้มไม่ได้

ยามนี้พวกเขาเองก็นั่งขัดสมาธิ รับรู้อย่างละเอียด ฟังเสียงอันเลือนรางศักดิ์สิทธิ์นั่นแล้ว กายใจหวั่นไหวอย่างหนัก

ท่ามกลางความคลุมเครือ ราวกับฝันท่องไปในยุคบรรพกาล อัครบุคคลที่มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ไร้เทียมทานท่านหนึ่งนั่งอยู่บนสามสิบสามชั้นฟ้า กำลังเผยแพร่คัมภีร์ให้เหล่าลูกศิษย์ในสำนัก ถ่ายทอดความลึกลับและละเอียดอ่อนของมหามรรค

ร่างนั้นอยู่ไกลและดูยิ่งใหญ่เกินไปจนมองไม่ชัด ราวกับเจ้าเหนือหัวที่นั่งอยู่เหนือมหามรรค เคียงบ่าเคียงไหล่กับฟ้าดิน ไม่อาจมองเห็นรูปร่างที่แท้จริงและไม่อาจแตะต้องได้!

เสียงที่ถ่ายทอดมหามรรคก้องกังวานราวกับกลองโบราณ ลึกลับเกินคาดเดา ดูเหมือนดังมาทางทุกคน แต่พอเข้าหูแต่ละคนแล้ว กลับปรากฏความหมายที่แตกต่างกันออกไป

บางคนได้ยินความนัยแห่งมหายานทางพุทธ บางคนได้ยินความลึกลับละเอียดอ่อนแห่งมรรค และมีบางคนได้ยินแก่นอัศจรรย์ที่ไม่ใช่ทั้งพุทธและมรรค

ความนัยอันลึกซึ้งนั้นรวมสรรพสิ่ง ครอบคลุมร้อยสำนัก หลอมรวมหมื่นสาขา ล้วนเป็นท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์แห่งมรรคอย่างหนึ่ง เต็มไปด้วยความลึกลับเกินจะคาดเดา

ผู้แข็งแกร่งจากเผ่าต่างๆ มีความเข้าใจและวิถีทางที่แตกต่างกัน ดังนั้นแก่นแท้ที่พวกเขาได้ยินและหยั่งรู้ถึงจึงแตกต่างกันไป!

ความวิเศษของมรดกระดับนี้ เรียกได้ว่า ‘หนึ่งคำพูดดั่งหมื่นวิชา หยั่งถึงขึ้นอยู่กับโชค’!

……

ภูเขาเก้าลูก บนยอดเขาต่างมีตำหนักเก่าแก่เก้าตำหนัก

ยามที่พลังแห่งมรดกลึกลับไม่อาจคาดเดาปรากฏ ภูเขาทั้งเก้าลูกก็เกิดการสั่นไหว พรั่งพรูพลังอันยิ่งใหญ่ยากจะเปรียบออกมา

เหล่าผู้แข็งแกร่งจากเผ่าต่างๆ ที่ยังคงอยู่กลางเขาและไม่มีวาสนาจะขึ้นไปถึงยอดเขาต่างรู้สึกร่างกายสั่นสะท้านขึ้นมาคราหนึ่ง แล้วถูกพลังที่มองไม่เห็นม้วนตัวไป เคลื่อนย้ายพวกเขาไปที่เชิงเขา

และเหล่าผู้แข็งแกร่งจากเผ่าต่างๆ ที่เดิมหมายจะพุ่งขึ้นภูเขา ตอนนี้กลับพบว่าภูเขาทั้งเก้าลูกถูกปกคลุมด้วยผนึกต้องห้ามอันน่าสะพรึงกลัว ไม่สามารถเข้าใกล้ได้อีก!

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”

ผู้แข็งแกร่งหลายคนตกใจ หยุดการช่วงชิงและต่อสู้ แม้แต่ภูเขายังไม่สามารถเข้าใกล้ได้ ฆ่าฟันกันไปก็ไม่มีความหมาย

“ดูเหมือนว่ามรดกที่แท้จริงของที่นี่จะปรากฏแล้ว!”

มีคนหัวใจสะท้าน เดาเบาะแสบางอย่างออก

“ถ้าอย่างนั้นผู้ฝึกปราณที่ไม่ได้เข้าไปในตำหนักเก่าแก่บนยอดเขาอย่างพวกเรา ก็เท่ากับพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิงแล้วงั้นหรือ”

ผู้แข็งแกร่งหลายคนเจ็บใจ สีหน้าเสียใจอย่างที่สุด

และมีพวกคนบางพวกที่ไม่จำยอม จะขึ้นเขาให้ได้ แต่กลับถูกผนึกต้องห้ามอันน่าสะพรึงซัดสะเทือนจนหัวแตกเลือดสาด ยากจะก้าวเดิน ทำได้เพียงยอมแพ้

จนถึงตอนนี้ ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดจากแต่ละเผ่าต่างเข้าใจแล้วว่าพวกเขาได้พ่ายแพ้ไปแล้ว!

“น่าชังนนัก!”

บริเวณหนึ่งของเชิงเขา ซู่ซิงเฟิงกัดฟันจนแทบจะแหลกละเอียด เปลวไฟในดวงตาไหววูบ เต็มไปด้วยความเดือดดาล

“พวกเราพลาดวาสนาครั้งนี้ไปแล้ว…”

เหวินเสียงหมดอาลัยตายอยาก

อวิ๋นเช่อที่อยู่ข้างๆ เองก็กล่าวถอนหายใจ “ศิษย์พี่กงหยางอวี่ก็ตายไปแล้ว ครั้งนี้เจ้าหมอนั่นก็สบายแล้วจริงๆ”

เซียวหรันเงียบไม่พูดจา เขาเงยหน้าเพ่งสายตามองไปที่ยอดเขา ไม่มีใครสังเกตว่าตอนนี้กลางนัยน์ตาเขาเผยความสับสนและไม่จำยอมอย่างที่สุด

และไม่มีใครสังเกตว่า นิ้วมือของเขาในแขนเสื้อได้กำแน่น

เดิมทีเขานึกว่าช่วงชิงคัมภีร์มรรคที่ซ่อนอยู่ในกระถางหินมาได้ ก็เท่ากับช่วงชิงเอาวาสนามาได้แล้ว สามารถกลับไปได้อย่างไม่มีอะไรต้องเสียใจ

ใครจะคิดว่าในตำหนักนั่นยังมีวาสนาที่ยิ่งใหญ่กว่าซ่อนอยู่อีก!

ถ้ารู้แต่แรก ย่อมไม่มีทางที่เขาจะรีบจากมาก่อน

ความเสียใจและไม่จำยอมพลุ่งพล่านราวกับกระแสน้ำที่ตบข้างในใจของเซียวหรัน ทำให้เขาไม่สามารถสงบนิ่งเหมือนที่ผ่านมาได้

“คิดไม่ถึงเลย!”

เซียวหรันถอนหายใจเบาๆ เขาคิดคำนวณทุกอย่าง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าบนภูเขาเก้าลูกนี้จะมีวาสนาลึกลับอื่น!

ถ้ารู้เช่นนี้แต่แรก…

ผู้เฒ่าเกาหยางรู้สึกกดดันยิ่งขึ้นไปอีก ไม่รู้จะจัดการอย่างไร

และในขณะนั้นเอง ข่าวหนึ่งได้ถูกถ่ายทอดมา…

“เด็กหนุ่มเทพมารคนนั้นฆ่าฟันกับผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณแล้ว!”

โครม!

หินก้อนเดียวปลุกคลื่นเป็นพันระลอก พื้นที่บริเวณนี้สั่นไหวขึ้นมาทันที ต่างส่งเสียงฮือฮา แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง เด็กหนุ่มเทพมารคนนั้นมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณไม่ใช่หรือ พวกเขาฆ่าฟันกันเองได้อย่างไร

เหล่าคนใหญ่คนโตอย่างท่านย่าเทพสังหารที่คาดคั้นในตอนแรก ยามนี้ต่างตะลึงและสับสน นี่มันเรื่องอะไรกัน

ส่วนผู้เฒ่าเกาหยางหน้ากลับหน้าเคร่งทันที ฆ่าฟันกันเองหรือ ไม่น่าจะใช่กระมัง!

ไม่นาน รายละเอียดของข่าวในแดนลับอสูรมารอริยะก็ทยอยส่งมา

“ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณโจมตีปิดล้อมเด็กหนุ่มเทพมารคนนั้นเอาไว้ ต้องการจะขวางไม่ให้เขาช่วงชิงวาสนา ใครจะคิดว่าพวกเขากลับพ่ายแพ้ให้แก่เด็กหนุ่มเทพมารคนนั้น!”

“น่ากลัวเกินไปแล้ว เด็กหนุ่มเทพมารคนนั้นสู้โดยลำพังกับศัตรูสามคน บาดเจ็บสาหัสสองคน ยิ่งไปกว่านั้นคือตายคาที่ไปหนึ่งคน!”

เมื่อรู้ข่าวเหล่านี้ทั่วบริเวณต่างฮือฮากันอย่างต่อเนื่อง ทุกคนต่างเดือดพล่าน บนใบหน้าคนใหญ่คนโตแต่ละเผ่าเจือความย่ามใจไม่มากก็น้อยอย่างควบคุมไม่อยู่

เด็กหนุ่มคนนั้นดุดันจนถึงขั้นไม่กลัวอะไรแล้วจริงๆ แม้แต่ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณของพวกเขายังกล้าฆ่า ช่างกล้าจริงๆ!

โดยเฉพาะคนใหญ่คนโตอย่างพวกท่านย่าเทพสังหาร สีหน้าต่างดูแปลกประหลาดอย่างที่สุด ก่อนหน้านี้พวกเขายังคาดคั้นเอาความจากผู้เฒ่าเกาหยางอยู่เลย ใครจะคิดว่าเพียงพริบตา เด็กหนุ่มดุดันคนนั้นกลับฆ่าผู้สืบทอดของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณซะเอง!

“เหอะๆ สหายยุทธ์ ดูเหมือนว่าแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณของพวกเจ้าจะให้กำเนิดบุคคลที่สุดยอดคนหนึ่งนะ วิธีระดับนี้ช่างเหี้ยมโหดจริงๆ”

“สหายยุทธ์ ตอนนี้เจ้ามีอะไรจะพูดหรือไม่ ข้าว่าลูกศิษย์เนรคุณแบบนี้กำจัดไปเสียเถอะ มิเช่นนั้นสักวันจะต้องเป็นภัยต่อแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณของพวกเจ้าแน่”

“เฮ้อ คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเด็กหนุ่มคนนั้นจะเลือดเย็นเพียงนี้ แม้แต่เพื่อนร่วมสำนักของตนยังกล้าฆ่า…หืม สหายยุทธ์ เหตุใดสีหน้าของเจ้าจึงดูแย่ถึงเพียงนี้”

คนใหญ่คนโตเหล่านั้นส่งเสียงกันอย่างคลุมเครือและแปลกประหลาด คำพูดเต็มไปด้วยความเสียดสีและเย้ยหยัน

ส่วนผู้เฒ่าเกาหยางตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ไปตั้งนานแล้ว เดือดดาลสุดกำลัง สีหน้าเขียวคล้ำ เส้นเลือดแต่ละเส้นบนหน้าผากโป่งพอง ในใจโกรธเกรี้ยวอย่างบอกไม่ถูก

เด็กหนุ่มคนนั้น… กล้าเนรคุณถึงเพียงนี้!

สมควรตายนัก!

เดิมทีหลังจากได้ยิน ‘การกระทำอันรุ่งโรจน์’ ทั้งหมดที่หลินสวินทำในแดนลับอสูรมารอริยะแล้ว ในใจผู้เฒ่าเกาหยางเกิดความรู้สึกเสียดายผู้มีพรสวรรค์ คิดว่าหลังจากปฏิบัติการครั้งนี้จบลง จะยอมจ่ายค่าตอบแทนบางส่วนเพื่อรักษาชีวิตของ ‘เด็กหนุ่ม’ คนนั้นเอาไว้ หากสามารถรับตัวเขาไว้ในแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณได้ก็ยิ่งดี

เพียงแต่ยามนี้เขาคร้านจะสนใจแล้วว่าเด็กหนุ่มดุดันคนนั้นเป็นใคร และไม่สนว่าเพราะสาเหตุอะไรกันแน่ ถึงทำให้เกิดเหตุการณ์ ‘ฆ่ากันเอง’ นี้ขึ้น

เขารู้เพียงว่า ในเมื่ออีกฝ่ายฆ่าผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณของพวกเขา ก็จะให้อภัยไม่ได้เด็ดขาด!

อย่างไรก็ตามสำหรับผู้เฒ่าเกาหยาง หลินสวินในตอนนี้ถูกตัดสินโทษตายไปแล้ว!

…………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์