การโจมตีของเหล่าราชันระดับสังสารวัฏถูกสลายอย่างง่ายดาย เกรงว่าวานรเฒ่าจะดำรงอยู่บนอริยมรรคนานแล้ว
ทั้งที่นั้นเงียบเชียบ ต่อให้เป็นราชันวัวมารหนิวเซี่ยวรื่อที่โหดเหี้ยมร้ายกาจเวลานี้ก็อึ้งงัน สีหน้าหนักอึ้ง มองตื้นลึกหนาบางของวานรเฒ่าไม่ออกอยู่บ้าง
ที่ทำให้ผู้แข็งแกร่งจากแต่ละเผ่าคาดไม่ถึงก็คือ ก่อนหน้านี้พวกเขาเห็นอย่างชัดเจนว่าวานรเฒ่าออกมาจากแดนลับอสูรมารอริยะกับพวกหลินสวิน
ผู้ที่น่ากลัวขนาดนี้แต่กลับไม่ได้รับแรงกดดันจากพลังของแดนลับนั้น หรือว่า… จะเป็นอสูรมารอริยะที่ยังมีชีวิตอยู่ผู้หนึ่ง?
“วาสนาเป็นสิ่งที่ตนได้รับเอง เดิมทีก็เป็นการแก่งแย่งระหว่างคนรุ่นเยาว์ ทุกท่านกลับลงมือด้วยความเคียดแค้นชิงชัง ใช้ความเป็นผู้ใหญ่รังแกผู้น้อย จะใจแคบเกินไปแล้ว”
ท่ามกลางความเงียบเชียบ วานรเฒ่าเอ่ยเรียบเฉย เสียงไม่ดังนัก แต่กลับสั่นสะเทือนไปทั้งที่นั้น ถึงกับมีพลานุภาพคุกคาม
คนใหญ่คนโตหลายคนหน้าเปลี่ยนสี นี่กำลังด่าว่าพวกตนอยู่หรือ
“เด็กนี่ใจคอโหดเหี้ยมร้ายกาจ ก่อบาปไว้มากนัก สังหารคนเผ่าข้าไม่รู้เท่าไร ไม่ควรลงโทษมันหรือ”
ท่านย่าเทพสังหารสีหน้าเหยเก โกรธจนตาแทบหลุดออกมาจากเบ้า
“ยายแก่! เจ้าหุบปากเสีย ศึกชิงวาสนาย่อมมีการบาดเจ็บล้มตาย หรือจะอนุญาตให้แค่พวกเจ้าฆ่าคน ไม่ให้ผู้อื่นฆ่าพวกเจ้า ช่างป่าเถื่อนไร้มารยาท!”
เจ้าคางคกตะคอกเสียงดัง
“เจ้ารนหาที่ตาย!”
ท่านย่าเทพสังหารโกรธจนหน้าเขียว สะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง พลันมีแสงเทพนับพันหมื่นพุ่งทะลุเมฆา ยิงไปยังเจ้าคางคก
“หึ!”
วานรเฒ่านิ่วหน้า ส่งเสียงหึหยันออกมาครั้งหนึ่ง กลับโจมตีดุจอสนีบาต สลายแสงเทพนับหมื่นพันนั้นให้กลายเป็นจุณ
ทว่าท่านย่าเทพสังหารประหนึ่งถูกสายฟ้าจู่โจม จิตวิญญาณเจ็บปวด ร่างกายพลันซวนเซในทันใด ถึงกับกระอักเลือดออกมา
นี่ทำให้คนใหญ่คนโตหลายคนหนังตากระตุก ในใจพรั่นพรึง เป็นอริยะจริงๆ ใช่หรือไม่ หาไม่แล้วเหตุใดถึงได้มีพลานุภาพน่ากลัวปานนี้
เวลานี้เจ้าคางคกก็โมโหแล้ว คำรามออกมาว่า “เดรัจฉานเฒ่า เจ้าไม่เพียงหน้าไม่อายธรรมดาๆ แต่ช่างหน้าไม่อายชะมัดยาดเลย ข้าไม่เคยเห็นคนแก่ไร้ยางอายเช่นเจ้ามาก่อน!”
“เจ้า…”
ท่านย่าเทพสังหารสั่นสะท้านไปทั้งตัว โกรธจนกัดฟันกรอด ท่ามกลางสายตาฝูงชนที่จับจ้อง นางเป็นถึงผู้อาวุโสเผ่าวาฬมังกรซึ่งอยู่ในระดับสังสารวัฏผู้หนึ่ง กลับถูกเจ้าคางคกด่าทอใหญ่โตอย่างไม่ไว้หน้า การเหยียดหยามอย่างถึงที่สุดเช่นนี้นางจะเคยประสบได้อย่างไร
“เจ้าอะไรล่ะ ใบ้กินไม่ปริปากแล้วหรือ”
เจ้าคางคกได้ใจยิ่งนัก
ทุกคนล้วนดูออกแล้วว่ามีวานรเฒ่าผู้นั้นเป็นหัวเรือ พวกหลินสวินถึงได้กล้าปรากฏตัวอย่างไม่มีความหวั่นเกรงด้วยมีที่พึ่ง นี่ทำให้พวกเขาชิงชังนัก ทั้งอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดหวั่นอย่างหาใดเทียบ
“สหายยุทธ์ เกรงว่าท่านไม่รู้ความประพฤติของเด็กคนนี้ ถึงได้ปกป้องมัน”
เวลานี้ผู้เฒ่าเกาหยางเอ่ยปาก เขาพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “เด็กคนนี้มากับพวกเรา แต่ยามที่ชิงวาสนากลับทำร้ายพวกเดียวกัน วิธีการโหดเหี้ยม จิตใจเลวทราม เรียกได้ว่าสารเลวถึงที่สุด หวังว่าสหายยุทธ์จะไตร่ตรองให้ดี ไม่ปกป้องมันอีก”
หลินสวินสีหน้าถมึงทึง คาดไม่ถึงอยู่บ้างว่าคนอย่างผู้เฒ่าเกาหยางจะถึงขั้นกลับขาวเป็นดำ กุเรื่องเท็จขึ้นมาได้
“เจ้าเป็นใครกัน”
สายตาวานรเฒ่ามองไป
“ผู้สืบทอดรุ่นที่สามสิบหกของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ เกาหยาง”
เกาหยางเอ่ยตอบ
“ไม่รู้จัก”
วานรเฒ่าชักสายตากลับมา ไม่มองเขาอีกเลย
เกาหยางพลันมีสีหน้าอับอายอย่างหาใดเทียบ ก่อนหน้านี้เพียงเขาบอกนามของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ ไม่ว่าใครก็ต้องเกรงใจอยู่บ้าง
แต่ตอนนี้กลับถูกเมินเสียแล้ว!
หลินสวินเห็นเช่นนี้ก็เกือบหัวเราะออกมา วานรเฒ่าผู้นี้ดูเหมือนไม่ทุกข์ร้อน แต่วาจาช่างตรงไปตรงมาและแข็งกร้าวนัก
“สหายยุทธ์ หรือท่านจะหมางใจกับพวกเราขุมอำนาจทั้งหมดในที่นี้ เพื่อปกป้องเด็กนี่จริงหรือ”
เกาหยางกัดฟันถามเสียงขรึม
ทันใดนั้นทุกสายตาในที่นั้นก็พากันจับจ้องไปที่ร่างของวานรเฒ่า
“ข้อแรก ข้าไม่สนิทกับพวกเจ้า อย่าเรียกข้าว่าสหายยุทธ์ วิถีของพวกเราต่างกัน ไม่อาจกระทำการร่วมกันได้”
วานรเฒ่านิ่วหน้าเอ่ยแก้ไข “ข้อสอง เท่าที่ข้าดู ไม่ใช่ข้าหมางใจกับพวกเจ้า แต่ผลลัพธ์ที่พวกเจ้าหมางใจกับข้ารังแต่จะร้ายแรงกว่า”
เมื่อพูดคำนี้ออกมาบรรยากาศในที่นั้นยิ่งเงียบเชียบ ล้วนรับรู้ได้แล้วว่าวานรเฒ่าผู้นี้กำลังคุ้มครองพวกหลินสวิน
นี่ทำให้สีหน้าพวกเขาล้วนเหยเกอึมครึมหาใดเทียบ รู้สึกไม่ยินยอมและเดือดดาลอย่างยิ่ง
“ส่วนคนใหญ่คนโตที่ว่าอย่างพวกเจ้าก็ไม่เห็นวิเศษวิโสอะไร ตอนนี้พวกเจ้ารังแกคนรุ่นหลังได้ แต่ภายหลังเมื่อมหาสงครามมาเยือน ปวงสวรรค์หมื่นพิภพถูกกำหนดแล้วว่าต้องเป็นของคนรุ่นเยาว์ ส่วนพวกเจ้า เกรงว่าไม่ช้าก็เร็วต้องจ่ายค่าทดแทนเพราะสิ่งนี้!”
สายตาวานรเฒ่ากวาดมองร่างของคนใหญ่คนโตจากแต่ละเผ่าเหล่านั้นทีละคน ทำให้ฝ่ายหลังล้วนสีหน้าวิตกไม่กล้าสบตาเขา
วานรเฒ่าไม่สนใจพวกเขาอีก มองทางเข้าแดนลับอสูรมารอริยะนั้นรอบหนึ่งแล้วพูดว่า “เวลาไม่มากแล้ว ตอนนี้มาส่งพวกเจ้าจากไปเถอะ”
“ผู้อาวุโสโปรดรอก่อน”
ฉับพลันจ้าวจิ่งเซวียนก็เอ่ยปาก ดวงตากระจ่างมองไปยังหลินสวินแล้วพูดว่า “ไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้ข้าก็ยังเป็นผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณอยู่ดี ดังนั้น…”
“เจ้าจะกลับไปพร้อมกับพวกเขาหรือ”
หลินสวินเข้าใจในทันใด อดนิ่วหน้าไม่ได้ “แต่หากพวกเขา…”
“พวกเขาไม่กล้าหรอก คิดจะกลับไปยังดินแดนรกร้างโบราณก็ต้องอาศัยวิชาลับในจักรวรรดิ และวิชาลับนั้นเสด็จพ่อของข้าก็ครอบครองอย่างแน่นหนามาโดยตลอด ต่อให้พวกเขาชิงชังข้ากว่านี้ เมื่อมีเสด็จพ่ออยู่ พวกเขาก็ไม่กล้าทำอะไรข้า”
จ้าวจิ่งเซวียนแจกแจง
หลินสวินพลันนิ่งอึ้งไปบ้าง จ้าวจิ่งเซวียนมีความคิดและความตั้งมั่นของนางเอง ไม่ต้องการหักหลังสหายร่วมสำนักเพราะเหตุนี้ หลินสวินเข้าใจเรื่องนี้ดี
ทว่าที่เขากังวลก็คือ ตอนนี้ทุกคนล้วนเห็นแล้วว่าจ้าวจิ่งเซวียนกับตนเป็นพวกเดียวกัน หากระหว่างทางกลับนางประสบเหตุไม่คาดฝันอะไรขึ้น เช่นนั้นก็ยุ่งยากเสียแล้ว
“ถือสิ่งนี้ไว้ เมื่อพบอันตรายขอเพียงหยดลือดลงไปบนนั้นก็จะสามารถปกป้องเจ้าให้พ้นภัยได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์