สีหน้าชิงอวิ๋นหยางปรวนแปรไม่หยุด สำแดงวิชาลับเต็มกำลังมาคลี่คลาย
แต่ที่ทำให้เขาหวาดผวาคือ พลังฝ่ามือนั่นควบแน่นไม่แตกแยก ราวสิงขรสูงชันยากสั่นคลอน เคลื่อนขวางเข้ามาตลอดทาง ไม่ว่าเขาจะจู่โจมอย่างไรล้วนไม่อาจต้านทาน
เขาถูกบีบจนไม่ถอยไม่ได้!
ทุกคน ณ ที่นั้นส่งเสียงอื้ออึงตื่นตระหนก ลูกตาแทบถลนออกมา ชิงอวิ๋นหยางเป็นถึงบุตรเทพผู้สง่าผ่าเผยของพวกเขาเผ่าตะพาบเขียว กลับรับไม่ไหวแม้แต่ฝ่ามือเดียว?
หนึ่งก้าว
สองก้าว
สามก้าว
ตามพลังฝ่ามือบีบอัดกึกก้อง ชิงอวิ๋นหยางอึดอัดจนวงหน้าแดงก่ำ ต่อต้านอย่างบ้าคลั่ง แต่ท้ายที่สุดยังคงถูกบีบจนถอยร่นไม่หยุด
นี่ทำให้เขาตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม สีหน้าผิดแปลกหาใดเปรียบจนเกือบจะคลุ้มคลั่ง
แค่พลังฝ่ามือเดียว! ตนถึงกับไม่อาจขจัดคลี่คลาย?
ตูม!
ไม่ทันได้คิดมากความ พลังฝ่ามือที่ดูเหมือนกลมเกลี้ยงและเรียบง่ายนั้น กลับอัดแน่นไปด้วยความน่าหวาดกลัวถึงขีดสุด บดอัดอย่างต่อเนื่อง
ดูเหมือนเชื่องช้า แท้จริงกลับรวดเร็วถึงที่สุด แค่ชั่วพริบตาเท่านั้น ชิงอวิ๋นหยางก็ถูกบีบจนถอยร่นไปสิบกว่าก้าว
เห็นว่าพลังฝ่ามือนั่นกำลังครอบคลุมกดอัดลงบนร่างในไม่ช้า ท้ายที่สุดชิงอวิ๋นหยางไม่อาจอดกลั้นความหวาดกลัวภายในใจ พุ่งหลบไปอีกฝั่ง ไม่กล้าฝืนปะทะซึ่งหน้าอีก
ซ่า!
แต่ในเวลาเดียวกับที่เขาหลีกหลบ พลังฝ่ามือนั่นประดุจเกลียวคลื่น สะท้านไหวแผ่วเบา ก่อนหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“ออมมือแล้ว”
พร้อมกันนั้นหลินสวินออกปากส่งเสียง สีหน้านิ่งสงบ
เห็นชัดว่าในช่วงสุดท้ายเขาหยุดมือ เป็นฝ่ายเก็บพลังฝ่ามือเอง
การควบคุมพลังดั่งใจนึกเช่นนั้น ทำให้ทหารอารักขาซึ่งอยู่ใกล้เคียงพลันหวาดผวา
พวกเขางุนงงอีกครา และตระหนักได้ว่าหลินสวินไม่ใช่คนธรรมดาอย่างสิ้นเชิง มิฉะนั้นไหนเลยจะอาศัยแค่ฝ่ามือเดียวก็บีบจนบุตรเทพของพวกเขาไม่อาจไม่ถอยร่น
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
เขาเป็นใครกันแน่
ทุกคนล้วนเงียบสงัด เงียบกริบเป็นเป่าสาก
ชิงอวิ๋นหยางสีหน้าอึมครึม ประเดี๋ยวดีประเดี๋ยวร้าย ในใจรู้สึกอัดอั้นเหลือจะเอ่ย
เขาไม่มีทางยอมรับผลเช่นนี้แน่!
เจ้าคางคกที่เฝ้าดูมาตลอดแท้จริงแล้วอยากบอกยิ่งนัก ว่าเด็กน้อยเจ้าน่ะรู้จักพอเถอะ ตอนอยู่ในแดนลับอสูรมารอริยะ ไม่รู้มีบุตรเทพกี่คนถูกหลินสวินสังหาร นับประสาอะไรกับเจ้า
แต่ท้ายที่สุดเจ้าคางคกยังคงอดกลั้นเอาไว้ ไม่อยากยั่วชิงอวิ๋นหยาง เลี่ยงไม่ให้เจ้าหมอนี่เป็นบ้าไปซะก่อน ไม่งั้นสถานการณ์คงย่ำแย่ขึ้น
แปะๆๆ!
ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัดราวป่าช้า เสียงปรบมือพลันดังขึ้น
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่เด็กหนุ่มชุดเขียวผู้หนึ่งเดินออกมาจากหอหยกขาวนพนภานั่น เดินไปปรบมือไป ก้าวย่างเนิบช้า นิ่งสงบเหลือจะเอ่ย
เจ้าคางคกม่านตาหดรัดชั่วขณะ ในใจสั่นสะท้าน สัมผัสได้ถึงพลังอำนาจอันน่าหวาดกลัวหาใดเปรียบจากร่างเด็กหนุ่มชุดเขียวผู้นี้
ราวเผชิญหน้ากับราชันผู้หนึ่งซึ่งทัศนาสรรพสิ่งจากเบื้องบนก็ไม่ปาน
ไม่จำเป็นต้องคาดเดา เด็กหนุ่มชุดเขียวคนนี้ต้องเป็นราชันระดับสังสารวัฏคนหนึ่งอย่างแน่นอน!
“ผู้อาวุโส!”
เวลานี้ผู้ดูแลใหญ่และทหารอารักขาทั้งหมด ณ ที่นั้นต่างนิ่งอึ้งตะลึงงัน รู้ฐานะของผู้มาเยือนจึงโค้งคำนับอย่างเป็นระเบียบ
ในใจพวกเขาลอบอุทานว่าแย่แน่ ทั้งตื่นตระหนกอยู่ในใจ การเคลื่อนไหวที่นี่ถึงกับทำให้ผู้อาวุโสออกหน้าด้วยตนเอง ผลที่ตามมาต้องร้ายแรงยิ่งเป็นแน่
หากกล่าวโทษลงมา พวกเขาคงขว้างงูไม่พ้นคอ!
“คำนับผู้อาวุโส!”
ชิงอวิ๋นหยางสีหน้ากลัดกลุ้มและอึมครึม เข้าไปทำความเคารพ “หลานละอายใจยิ่งนัก ทำให้ผู้อาวุโสต้องเห็นเรื่องน่าขัน”
“จบกันๆ คราวนี้จบเห่จริงๆ แล้ว…”
เจ้าคางคกพึมพำ ราชันระดับสังสารวัฏถูกปลุกให้ตื่น นี่มันรุนแรงเกินไปแล้ว
“เรื่องนี้ไม่อาจกล่าวโทษบุตรเทพ ล้วนเป็นเพราะความโง่งมของข้าน้อย ไม่รู้ว่าเจ้าคนเถื่อนสองคนนี่เตรียมการมาก่อน จนกระทั่งรบกวนผู้อาวุโส ขอผู้อาวุโสโปรดลงโทษ!”
ผู้ดูแลใหญ่ก้าวไปเบื้องหน้า คุกเข่าลงกับพื้น ใบหน้าตื่นตระหนก
ส่วนอูยั่งตกใจจนหมอบคลานลงกับพื้น สั่นเทิ้มไปทั้งร่าง เหงื่อกาฬไหลซึมอาภรณ์ หน้าขมวดกันเป็นปม อยากร้องไห้แต่ร้องไม่ออก
ครั้งนี้เป็นเขาที่นำพวกหลินสวินมา หากกล่าวโทษลงมาเขาต้องรับผิดชอบทั้งหมดอย่างแน่นอน ผลที่ตามมานั้นคงไม่อาจจะคาดคิด
แต่สิ่งที่แปลกคือ เวลานี้เด็กหนุ่มชุดเขียวกลับไม่ใส่ใจพวกเขาโดยสิ้นเชิง สายตากลับมองไปยังหลินสวิน พลางกล่าวขุ่นเคือง “เหตุใดจึงหยุดมือลงกลางคัน”
ชิงอวิ๋นหยางชะงักงัน ผู้อาวุโสนี่มันหมายความว่าอะไร กำลังพูดกลับกันหรือเปล่า
ผู้ดูแลใหญ่ซึ่งคุกเข่าอยู่กับพื้นกลับอวดฉลาด กระวีกระวาดประจบสอพลอ “มีผู้อาวุโสอยู่ โจรชั่วเยี่ยงนี้ไหนเลยจะกล้ากระทำการชั่วร้าย”
“ใช่แล้ว ผู้อาวุโสอานุภาพยิ่งใหญ่อัศจรรย์เหนือพิภพ ประหนึ่งเทพมังกรแห่งสรวงสวรรค์ เจ้าโจรชั่วนั่นไยจะกล้าผลีผลามอีก”
ทหารอารักขาคนอื่นรีบเอ่ยรับ
ทันใดนั้นสีหน้าหลินสวินเปลี่ยนเป็นพิลึกพิลั่น กล่าวว่า “พี่ใหญ่ หากข้ายังสู้ต่อ นั่นคงกลายเป็นว่ามาหาเรื่องจริงๆแล้ว หากเป็นเช่นนั้นท่านจะยินดีจริงหรือ”
พี่ใหญ่?
ได้ยินคำเรียกขานนี้ชิงอวิ๋นหยางดวงตาเบิกกว้าง เจ้าหมอนี่กล้าเรียกผู้อาวุโสของพวกเขาเช่นนี้ตามอำเภอใจรึ
มีโทษสมควรตายซะจริง!
แต่ผู้ดูแลใหญ่นั่นยิ่งโกรธจนแทบบ้า ตวาดเสียงกร้าว “บังอาจ! ถึงกับกล้าดูหมิ่นผู้อาวุโสเผ่าข้า! โจรระยำเยี่ยงเจ้าต้องลงโทษด้วยความตาย!”
เห็นจะมีเพียงเจ้าคางคกที่รู้สึกประหลาดใจสงสัยอยู่บ้าง ลูกตาหมุนติ้วไปมาระหว่างร่างเด็กหนุ่มชุดเขียวและหลินสวินไม่หยุด
“ไสหัวไปให้พ้น! โจรระยำอะไรกัน เจ้าสุนัขรับใช้นี่มีตาหามีแววไม่!”
กลับเห็นเด็กหนุ่มชุดเขียวดูเหมือนรู้สึกทนไม่ได้อยู่บ้าง ขาข้างหนึ่งพลันถีบลงบนตัวผู้ดูแลใหญ่นั่น
เพียงตูมเดียวผู้ดูแลใหญ่ก็ถูกเตะลอยละล่อง ร่างกายราวกระสอบทรายแตก ตกลงสู่ห้วงน้ำห่างไปนับร้อยจั้ง ร้องโอดโอยทุรนทุรายไม่หยุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์