สุราสีฟ้ากระจ่างรสฉ่ำหวานไหลรินสู่จอกหยกขาวบริสุทธิ์ ก้นจอกปรากฏฟองอากาศสีแดงสดดั่งเปลวเพลิง
แต่ละฟองราวเมฆหมอกลอยล่องพลิ้วไสว กลายเป็นภาพโครงร่างงามตระการดุจภาพฝัน
นี่ก็คือยอดเมรัย ‘เมฆาจรัสเพลิง’
เป็นเหล้าบ่มชั้นยอดที่ชิงเลี่ยถนอมรักษา รวบรวมสิ่งล้ำค่าอัศจรรย์ร้อยสามสิบหกชนิดอัดลงใน ‘หยกวิญญาณน้ำแข็งหมอกอัคนี’
หลินสวินยกจอกเหล้า กระดกดื่มรวดเดียวหมด
ทันใดนั้นต่อมรับรสที่ปลายลิ้นราวระเบิดออก ได้รสหวานฉ่ำถึงขีดสุดและรสสัมผัสปะทุระอุดุจเพลิงผลาญ ปะทะปะปนพัลวันโหมกระหน่ำในโพรงปาก
เมื่อไหลสู่ลำคอ รสสัมผัสเพลิงน้ำแข็งถึงขีดสุดนั่นพลันกลายเป็นรสเข้มนุ่มนวล แผ่กระจายทั่วร่างกายในชั่วพริบตา
ชั่วขณะเดียวหลินสวินสั่นสะท้านทั่วสรรพางค์กาย รูขุมขนเปิดกว้างทั่วทั้งตัว สิ่งที่เข้าออกจากจมูกปากคือรสชาติล้ำลึกเหลือจะเอ่ย เสมือนช่วงชีวิตหลากรูปแบบ รสชาตินานัปการห้อมล้อมกรุ่นสัมผัส
“เหล้าดี!” หลินสวินอัศจรรย์ใจ
เหล้าชนิดนี้แฝงรสแห่งสัจวิถีที่บอกไม่ถูก ทันทีที่ดื่มลงไป ประหนึ่งทัศนาโลกโลกีย์หลากรูปแบบ ลิ้มรสแห่งโลกหล้า เลิศล้ำเกินบรรยาย
“หึๆ ความอัศจรรย์ของเหล้านี้คือสามารถขัดเกลาจิตใจขจัดภัยพาล เพียงดื่มจอกเดียว ขณะเลื่อนขั้นก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดอันตรายจากธาตุไฟเข้าแทรก”
ชิงเลี่ยกระหยิ่มยิ้มย่อง “ข้าเห็นว่าเจ้าเหมือนจะเพิ่งก้าวสู่ระดับหยั่งสัจจะ ดื่มเหล้าชนิดนี้ เหมาะสมกับการทำให้จิตใจมั่นคงเป็นที่สุด”
“พี่ใหญ่ ข้าขออีกจอกได้หรือไม่” เจ้าคางคกที่อยู่ข้างๆ ยิ้มประจบสอพลอยิ่ง
ชิงเลี่ยรีบเก็บน้ำเต้าสุรา แค่นเสียงกล่าว “รู้จักพอเถอะ เหล้านี่มีจำกัด มูลค่าจอกหนึ่งพอๆ กับโอสถวิญญาณชั้นยอดเม็ดหนึ่ง”
บนโต๊ะเรียงรายไปด้วยอาหารเลิศรสหลายหลาก ล้วนเป็นเอกลักษณ์แห่งท้องทะเล รสชาติพิเศษและหาได้ยาก
ไม่ต้องพูดถึงจักรวรรดิจื่อเย่า แค่ในทะเลกลืนวิญญาณก็ไม่ใช่สิ่งที่บุคคลทั่วไปสามารถลิ้มรสได้
เท่านี้ก็รู้แล้วว่าชิงเลี่ยต้อนรับพวกหลินสวินด้วยใจจริงๆ
“พี่ใหญ่ ท่านเองก็จะไปตลาดนัดโจมเมฆาหรือ”
ขณะพูดคุย เมื่อรู้จุดหมายครานี้ของชิงเลี่ย หลินสวินอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจอยู่บ้าง “ช่างบังเอิญจริงๆ”
“ทำไม เจ้าหนูเจ้าเองก็จะไปร่วมสนุกด้วยรึ” ชิงเลี่ยถาม
หลินสวินจึงบอกเล่าเรื่องราวที่ตนอยากประมูล ‘ยานขนส่งอวกาศ’ ออกมา
“เจ้าบอกว่าจะโดยสารยานนี้กลับจักรวรรดิจื่อเย่า? เพราะเหตุใดกัน” ชิงเลี่ยกล่าวประหลาดใจ
หลินสวินจนปัญญา ได้แต่เล่าเรื่องราวของตนใน ‘แดนลับอสูรมารอริยะ’ โดยคร่าวๆ รอบหนึ่ง
ใครเล่าจะคาดคิด เมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมดชิงเลี่ยถึงกับอ้าปากค้าง ถลึงตามองหลินสวินพลางกล่าว “ที่แท้เจ้าก็คือเด็กหนุ่มเทพมารเผ่ามนุษย์นั่น”
“เอ้อ…” หลินสวินชะงักงัน “พี่ใหญ่… ท่านเองก็เคยได้ยินมาก่อนหรือ”
ชิงเลี่ยแววตาแปลกประหลาด ท่าทางเหมือนเพิ่งได้รู้จักหลินสวินใหม่อีกครั้ง “ให้ตาย ตอนนี้ในหมู่ขุมอำนาจในน่านสมุทรทะเลใต้ ข่าวเกี่ยวกับ ‘เด็กหนุ่มเทพมาร’ แพร่สะพัดอย่างบ้าคลั่ง ข้าไม่ใช่คนหูหนวกก็ต้องรู้เป็นธรรมดา”
พูดถึงตรงนี้เขายังคงยากจะเชื่ออยู่บ้าง “เพียงแต่ ทั้งหมดนี้เจ้าเป็นคนทำงั้นรึ เจ้าหนูเจ้าดุดันเกินไปหน่อยกระมัง”
“ไม่เพียงแค่ดุดัน เจ้าหมอนีวิปริตชัดๆ!” เจ้าคางคกที่กำลังก้มหน้าก้มตาสวาปามกล่าวเสริมประโยคหนึ่ง
“ข้าเองก็ถูกบีบบังคับ ข้าไม่ได้อยากหาเรื่องคนอื่น แต่พี่ใหญ่ท่านเองก็รู้ การช่วงชิงวาสนาเช่นนี้ ไม่อาจหลีกเลี่ยงการเข่นฆ่า”
หลินสวินจนปัญญาอยู่บ้าง เขารู้สึกว่าตนเองบริสุทธิ์อย่างยิ่ง
ชิงเลี่ยตะลึงงัน หลุดหัวเราะอยู่ครู่ใหญ่ ชี้หลินสวินพลางกล่าว “เจ้าหนู เจ้านี่ได้รับประโยชน์แล้วยังมาตีหน้าใสซื่อ ข้าได้ยินมาว่าการเข้าสู่แดนลับอสูรมารอริยะครานี้ ผู้ที่เก็บเกี่ยวได้มากที่สุดก็คือเจ้า!”
ต่อมา ชิงเลี่ยอดไม่ได้ที่จะถามเรื่องที่เกิดขึ้นในแดนลับอสูรมารอริยะ
นอกจากเรื่องส่วนตัวยิ่งส่วนหนึ่งแล้ว หลินสวินก็มิได้ปกปิดอะไร บอกเล่าทีละเรื่อง
“ถ้าเช่นนั้น ท่านย่าเทพสังหารเผ่าวาฬมังกรถูกวานรเฒ่าผู้อยู่ในระดับอริยะตนหนึ่งสังหารจริงดังคาด…”
ชิงเลี่ยเหมือนครุ่นคิดอะไรได้ เขาตื่นตะลึงอยู่ในใจ กี่ปีแล้วที่ทะเลกลืนวิญญาณไร้อริยะปรากฏกาย
แต่ในแดนลับอสูรมารอริยะนั่นกลับมีอริยะซึ่งยังมีลมหายใจปรากฏตัว ข่าวนี้ช่างน่าอัศจรรย์เกินไปแล้ว ทำให้ชิงเลี่ยไม่อาจไม่ให้ความสนใจ
เนิ่นนานเขาจึงพึมพำกับตนเอง “บางทีพิบัติซึ่งไม่เคยมีมาก่อนนับแต่โบราณจวบจนปัจจุบัน คงใกล้มาเยือนจริงๆ แล้ว…”
พิบัติมหามรรค!
เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินสวินหนังตาพลันกระตุกอย่างอดไม่อยู่ นึกถึงทุกสิ่งที่จ้าวจิ่งเซวียนเคยบอก มากสุดร้อยปี มหาสงครามที่แท้จริง หรือมหากลียุคที่แท้จริงจะมาเยือน!
และทั้งหมดนี้ล้วนเกิดจาก ‘พิบัติมหามรรค’!
หลังผ่านไปครู่ใหญ่ชิงเลี่ยถอนหายใจพลางกล่าว “น่าเสียดาย ช่วงเวลาอันใกล้นี้ข้าไม่อาจจากไปไกล มิฉะนั้นคงสามารถส่งเจ้ากลับจักรวรรดิจื่อเย่าด้วยตนเอง”
เขาเปลี่ยนประเด็นทันที “แต่ว่า ข้าสามารถช่วยประมูลยานขนส่งอวกาศนั่นมาให้เจ้าได้”
หลินสวินเพิ่งคิดจะบอกปัดก็ได้ยินชิงเลี่ยเอ่ยว่า “เจ้าอย่าได้ปฏิเสธ ชุมนุมประมูลสมบัติครานี้ ผู้ที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมล้วนเป็นคนใหญ่คนโตจากแต่ละเผ่า เป็นราชันระดับสังสารวัฏเช่นข้าก็มีจำนวนไม่น้อย ตอนนี้ศัตรูที่เจ้ามีเรื่องด้วยมีมากเกินไป ไม่ควรปรากฏตัวเปิดเผยฐานะ ให้ข้าช่วยเจ้าจะปลอดภัยที่สุด”
หลินสวินในใจสั่นสะท้าน แค่ชุมนุมประมูลสมบัติงานหนึ่ง ถึงกับดึงดูดราชันระดับสังสารวัฏมากมายมาเข้าร่วม นี่เห็นได้ว่าไม่ธรรมดายิ่ง
“เช่นนั้นต้องลำบากพี่ใหญ่แล้ว” หลินสวินสีหน้าจริงจัง
“เรื่องขี้ปะติ๋ว” ชิงเลี่ยพลันยิ้มปราศจากกังวล
…
หลังจากนั้นทั้งสองคุยถึง ‘โบราณสถานบรรพกาล’ ในคราแรกที่พบกัน
ชิงเลี่ยบอกกับหลินสวินว่า โบราณสถานแห่งนั้นก็อยู่ในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกันอย่างคาดไม่ถึง ถึงแม้ต่างจากแดนลับอสูรมารอริยะโดยสิ้นเชิง แต่หากกล่าวถึงความล่อแหลมอันตรายและความเร้นลับ ก็ไม่ด้อยไปกว่าแดนลับอสูรมารอริยะเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์