ทว่าตอนนี้สำหรับพวกหลินสวินแล้ว กลับเห็นได้ชัดว่าดูยาวนานและแสนทรมานเป็นพิเศษ
ราชันระดับสังสารวัฏรวมสิบสามคนกรีธาทัพมาพร้อมกัน สำแดงกระบวนสังหาร โจมตีจนพลิกฟ้าคว่ำดิน หมายจะพิฆาตพวกเขา
หากไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ คงไม่สามารถจินตนาการถึงความรู้สึกน่าสะพรึงที่ทำให้ผู้คนสิ้นหวังเช่นนั้นได้อย่างสิ้นเชิง
เจ้าคางคกที่แต่เดิมร้องลั่นด้วยความดาลเดือดไม่หยุดยังนิ่งเงียบอย่างน่าประหลาดใจ สีหน้าของเขาเคร่งขรึมอึมครึม เจียนจะมีน้ำไหลพรากออกมา สิ่งที่ฉายเด่นกลางนัยน์ตาคือความกังวล ยังมีความเดือดดาลและเคียดแค้นไม่รู้จบ
สถานการณ์เช่นนี้ ลางร้ายล้อมกาย ประดุจเดินอยู่บนเส้นแห่งความเป็นความตาย หากประมาทเพียงเสี้ยวเดียว ก็จะตกสู่จุดจบที่ไม่อาจฟื้นคืนมาได้ตลอดกาล
หลินสวินเองก็นิ่งเงียบเช่นกัน นัยน์ตาดำสนิทลุ่มลึกจนน่ากลัว ราวกับก้นเหวไร้จุดสิ้นสุด
ไปๆ มาๆ แม้ในระดับหยั่งสัจจะเขาอาจกำราบศัตรูแทบทั้งปวงได้ ทว่าครั้นเผชิญหน้ากับราชันระดับสังสารวัฏ ท้ายที่สุดก็ยังอ่อนแอเกินไปอยู่ดี!
ความรู้สึกที่ได้แต่เผ่นหนี ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงไปต่อต้านเช่นนั้น ทำให้หลินสวินโหยหาจะครอบครองพลังแข็งแกร่งยิ่งกว่าเป็นครั้งแรก
ใช่แล้ว พลัง!
……
ดวงหน้าพริ้มพรายของอาหูขาวซีดเล็กน้อย ถึงแม้การแสดงออกจะยังคงนิ่งสงบ ทว่าร่างกายที่สั่นน้อยๆ และหยาดเหงื่อชุ่มบนหน้าผากของนางกลับเผยให้เห็น ว่านางกำลังฝืนตนประคับประคอง จวนเจียนจะถึงขีดสุด
เวลาหนึ่งเค่อ
สำหรับนางแล้วเห็นชัดว่าทรหดและยาวนานเช่นเดียวกัน ดุจว่ากำลังดิ้นรนอยู่หน้าประตูนรก ใครก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าความตายจะมาเยือนเมื่อไรกันแน่
ได้เห็นฉากนี้ หลินสวินอยากถามอยู่หลายหนว่า ไฉนรู้ทั้งรู้ว่าจะเกิดเคราะห์สังหารระดับนี้ขึ้น เจ้ายังอยากช่วยพวกเราอีก
ทว่าท้ายที่สุดหลินสวินก็ไม่ได้เอ่ยปาก
เวลานี้ไม่ใช่จังหวะที่ดีที่สุดในการพูดคุยกันสักนิด สิ่งนี้จะกระทบต่ออาหู และยิ่งกระทบต่อชะตาชีวิตของพวกเขาทุกคนอีกด้วย
เพียงแต่ว่าส่วนลึกภายในจิตใจ ไม่ว่าเหตุผลใดที่ทำให้อาหูทำเช่นนี้ หลินสวินก็จดจำความเมตาอันใหญ่หลวงครั้งนี้เอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ตูม!
เสียงการจู่โจมสนั่นโลกต่างประดังพรั่งพรูอยู่ทุกเวลา ทำให้ลมเมฆเปลี่ยนสี สรรพสิ่งล้วนสั่นสะเทือน ระหว่างทางทั้งโขดหินและหมู่เกาะถูกทำลายราบไปไม่รู้เท่าไร
ยิ่งไม่รู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มากมายแค่ไหน ที่ถูกทำลายในเคราะห์สังหารซึ่งมาเยือนอย่างปุบปับฉากนี้
และกับเรื่องทั้งหมดนี้ ราชันระดับสังสารวัฏที่ไล่สังหารเหล่านั้นกลับไม่ใส่ใจ
ในสายตาพวกเขามีแต่ยานขนส่งอวกาศลำนั้นเท่านั้น!
ในนั้นซุกซ่อนมหาศุภโชคที่พวกเขาปรารถนาเอาไว้ ไม่ว่าเป็นใครล้วนไม่อาจหักใจพลาดโอกาสทองหายากระดับนี้ไปทั้งนั้น
เพียงแต่เหนือความคาดหมายของพวกเขา ยานขนส่งอวกาศลำนั้นเหมือนเป็นแสงสายหนึ่งก็ไม่ปาน ไม่เพียงความเร็วที่ไวอย่างมหัศจรรย์ราวกับเคลื่อนย้าย ทั้งพิกัดยังล่องลอย แม้จะเผชิญกับการจู่โจมสังหารของพวกเขา ก็ยังสามารถหลบหนีหลุดรอดได้ทุกครั้ง!
สิ่งนี้ทำให้พวกเขาประหลาดใจล้นเหลือ สีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
ยานสมบัติลำหนึ่งเท่านั้น บรรทุกเจ้าเด็กที่ไม่ควรค่าชายตาแลไม่กี่คนเอาไว้ ถ้าหากปล่อยให้มันหนีรอด เช่นนั้นพวกเขาคงต้องขายหน้าทั้งเผ่าแล้ว
หากแพร่ไปทั่วน่านสมุทรทะเลใต้ คงหนีไม่พ้นต้องกลายเป็นตัวตลกคนหนึ่งอย่างแน่นอน
ไล่ตาม!
สัตว์ประหลาดเฒ่าทุกคนต่างมีโทสะ ลงมือจัดการสุดกำลัง
……
ท้ายที่สุดอาหูก็ไม่สามารถยืนหยัดได้ถึงหนึ่งเค่อ ระหว่างทางนางแค่นเสียงอู้อี้ออกมาคราอย่างแรง มุมปากที่ซีดขาวไปนานแล้วผุดคราบเลือดสีแดงสดหนึ่งสาย
หนำซ้ำบริเวณหว่างคิ้วของนางยิ่งปรากฏความเหนื่อยล้าที่ยากขจัดทิ้งเสี้ยวหนึ่ง
ขาดอีกเพียงครู่เดียวเท่านั้น…
จะล้มเหลวในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสุดท้ายกระนั้นหรือ
ภายในใจอาหูปรากฏความโรยแรงอันลุ่มลึกขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง นางฮึดสู้เต็มที่ รีดเร้นพลังของตนอย่างถึงที่สุด
“บอกเคล็ดวิธีบังคับกับข้า ให้ข้าจัดการเอง”
เวลานี้เสียงของหลินสวินพลันดังกระทบโสต อาหูนิ่งงัน เมื่อหันมองไปก็เห็นนัยน์ตาดำที่ทั้งเยือกเย็นและลึกล้ำคู่นั้นของหลินสวิน
นางเลือกจะเชื่อตามจิตใต้สำนึก เอ่ยขึ้นมาว่า “ได้!”
หลินสวินก้าวไปเบื้องหน้า สูดหายใจลึกหนึ่งเฮือก ท่าทางเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นและจดจ่ออย่างสิ้นเชิง ราวกับก้นสมุทรที่เมื่อถึงเวลา ไม่ว่ากระแสคลื่นจะซัดสาดอย่างไรก็ยังคงไม่ไหวติง
เดิมทีเจ้าคางคกวิตกกังวลหาใดเปรียบ อยากถามสักคำนักว่าเจ้าไหวหรือ
ทว่าท้ายที่สุดเขาก็กลั้นเอาไว้ เห็นได้ชัดแล้วว่าอาหูยืนหยัดต่อไปไม่ไหวแล้ว พริบตาสถานการณ์ก็เลวร้ายและอันตรายเยี่ยงนี้ ก็ได้แต่ลองเสี่ยงดูสักตั้ง
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้เจ้าคางคกและอาหูคาดไม่ถึงคือ หลังจากที่หลินสวินจับเคล็ดการบังคับได้แล้ว ถึงกับแสดงมาตรฐานที่เยี่ยมยอดหาใดเปรียบออกมา!
ภายใต้การบังคับของเขา ยานขนส่งอวกาศได้เปลี่ยนจากร้ายกลายเป็นดี หลบเลี่ยงเคราะห์สังหารครั้งแล้วครั้งเล่าได้อย่างหวุดหวิด ทักษะการบังคับอันชำนาญเช่นนั้น ไม่ได้ด้อยไปกว่าตอนอาหูเป็นผู้บังคับเองด้วยซ้ำ ดูไม่ออกโดยสิ้นเชิงว่าหลินสวินบังคับยานขนส่งอวกาศเป็นครั้งแรก
จนกระทั่งในเวลาต่อมา อาจเพราะคุ้นเคยกับการควบคุมประเภทนี้แล้ว ทักษะของหลินสวินก็เริ่มแม่นยำ ช่ำชองและแยบยลขึ้นเรื่อยๆ
เจ้าคางคกมองจนไม่วางตา กู่ร้องว่าวิปริต
ส่วนอาหูเองก็นิ่งงันไปเช่นเดียวกัน ดวงตาสุกปลั่งมองไปที่ดวงหน้าเกลี้ยงเกลาของเด็กหนุ่มข้างกาย ก่อนปรากฏแววแปลกประหลาดที่หาได้ยาก
สิ่งที่พวกเขาไม่รู้คือ ตลอดทางก่อนหน้านี้หลินสวินลอบจับตามองและเรียนรู้อย่างลับๆ และสันทัดจัดเจนในทักษะการบังคับของอาหูตั้งนานแล้ว
กอปรกับเขาสลักรอยสลักวิญญาณตั้งแต่เยาว์วัย เดิมทีก็เป็นหนุ่มน้อยปฐมาจารย์สลักวิญญาณผู้หนึ่งอยู่แล้ว และตอนนี้เขาแค่บังคับสมบัติที่ปกคลุมด้วยกระบวนสลักวิญญาณโบราณมากมายลำหนึ่งเท่านั้น ย่อมไม่ยากสำหรับหลินสวินอยู่แล้ว
กระทั่งอาศัยองค์ความรู้แกร่งกล้าที่เขามีต่อกระบวนสลักวิญญาณ เมื่อบังคับยานสมบัติ ยิ่งสามารถแสดงศักยภาพอันยิ่งใหญ่ที่สุดออกมา
ในจุดนี้เกรงว่าแม้แต่อาหูยังไม่อาจทำได้
“หืม? ทำไมถึงเป็นเช่นนี้”
“สมควรตาย พลังของยานขนส่งอวกาศลำนี้ไฉนจึงน่าเหลือเชื่อถึงเพียงนี้ ไม่ใช่บอกว่านี่เป็นสมบัติอริยะบรรพกาลที่ชำรุดชิ้นหนึ่งหรอกหรือ”
“น่าชังนัก! หากให้ข้ารู้ว่าผู้ใดใช้สมบัติชิ้นนี้ช่วยเหลือไอ้เศษเดนนั่น ข้าจะป่นกระดูกมันเป็นแน่แท้!”
ด้านนอก ราชันระดับสังสารวัฏกลุ่มหนึ่งต่างสัมผัสได้อย่างรวดเร็วถึงการเปลี่ยนแปลงของยานขนส่งอวกาศ ครู่เดียวสีหน้าพลันเคร่งขรึมขึ้นอักโข
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์