ไม่ต้องพูดมากความ สัตว์ประหลาดเฒ่าทุกคนต่างรู้สึกถึงความน่ากลัวของ ‘สตรีหมอก’ ผู้นั้น ทำให้หัวใจของพวกเขาสั่นรัว หนังศีรษะชาวาบ
แต่ว่า สายไปแล้ว
หลังจากสตรีหมอกปรากฏกาย ไม่เคยเปล่งเสียงสักคำ ลึกลับและทำให้ผู้คนสะพรึงกลัว
นางโบกมือเบาๆ
มองเห็นพลังไร้รูปสายหนึ่งแผ่กระจาย ทำให้พื้นที่บริเวณนี้พลิกตลบ ห้วงอากาศพังครืนและจมดิ่ง
ฝั่งตรงข้ามชายชราชุดคลุมดำรับแรงกระแทกเป็นคนแรก ยังไม่ทันแม้แต่จะขัดขืนก็ถูกพลังสายนั้นครอบงำ
จากนั้นภาพชวนตะลึงก็ปรากฏขึ้น ร่างของชายชราชุดคลุมดำส่งเสียงดังปึงปัง กลายร่างเป็นปักษาเทพวิหคเพลิงคะนองตัวหนึ่ง
จากนั้นร่างนั้นของเขาหดเล็กลงหลายเท่า กลายเป็นมดขนาดเล็กร่วงลงบนมือของสตรีหมอกผู้นั้นอย่างแผ่วเบา
และเวลานี้เอง สัตว์ประหลาดเฒ่าทั้งกลุ่มถึงได้สังเกตเห็น ในมือของสตรีหมอกคนนั้นถือบาตรสีม่วงที่แหว่งมุมใบหนึ่ง ภายในนั้นมีไอคลุมเครือปั่นป่วน ทำให้ผู้คนหวาดผวา
วิหคเพลิงคะนองที่แปลงร่างมาจากชายชราชุดคลุมดำก็ถูกกำราบไว้ในบาตรสีม่วงใบนั้น และไม่ได้ส่งเสียงดังออกมาอีกเลย
“นี่…”
สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ ต่างสูดหายใจเย็นเยียบ แต่ละคนสีหน้าขาวซีด เพิ่งจะประจันหน้ากัน หนึ่งในราชันระดับสังสารวัฏของพวกเขาก็ถูกกำราบเสียแล้ว!
ไม่สิ ถูกดูดกลืนต่างหาก ถูกดูดซับเข้าไปในสมบัติของอีกฝ่ายราวกับเป็นอสูรวิญญาณยอมจำนนตัวหนึ่งไม่ผิดเพี้ยน และถูกสยบเอาไว้ได้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสำหรับราชันระดับสังสารวัฏคนใดก็ตาม ถูกจับกุมด้วยวิธีเยี่ยงนี้ นั่นมันทรมานเสียยิ่งกว่าฆ่าพวกเขาให้ตายชัดๆ!
อย่างไรเสียพวกเขาก็เกือบจะยืนหยัดอยู่บนตำแหน่งปลายยอดของผู้ฝึกปราณในโลก อำนาจไพศาล สั่นสะเทือนทั่วเขตแดน ตกเป็นเป้าสายตาทุกผู้คน
ทว่าตอนนี้กลับถูกคนบังคับให้ยอมจำนนและดูดกลืนเหมือนอสูรวิญญาณ เป็นเรื่องน่าอดสูอย่างยิ่ง
แต่ในขณะเดียวกัน วิธีการชั้นยอดที่คาดเดาไม่ได้และสูงล้ำของสตรีหมอกนั้น ก็ทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านั้นสั่นสะท้านด้วยความกลัว หวาดหวั่นสุดขีด
แม้แต่ราชันระดับสังสารวัฏยังเป็นประหนึ่งหมด ถูกสยบด้วยการโจมตีเดียว สตรีหมอกลึกลับผู้นี้จะน่าสะพรึงถึงขั้นไหนกันเล่า
นางเป็นใครกันแน่
ในเวลาเดียวกันหลินสวินและเจ้าคางคกก็ตกใจเช่นกัน นัยน์ตาหดรัด ภายในใจบังเกิดความตกใจที่อธิบายออก
วิธีการที่คาดเดาไม่ได้ของธิดาหมอกทำให้พวกเขานึกถึงวานรเฒ่าตัวนั้น น่าหวาดกลัวและแข็งแกร่งแบบนี้เช่นเดียวกัน เห็นราชันระดับสังสารวัฏเป็นดั่งมด มีกลิ่นอายทรงพลังสะเทือนจักรวาลอย่างหนึ่งแผ่คลุมฟ้าดิน
นางก็เป็นอริยะผู้หนึ่งเช่นกันหรือ
บนผิวทะเลพยับหมอกสีเทาขุ่น สตรีหมอกลึกลับผู้นั้นหาได้ออมมือไม่ พลังไร้รูปสายหนึ่งแผ่กระจายออกจากตัวนางอีกครั้ง
“หนี!”
สัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านั้นหวาดกลัวจนใจเสาะโดยสิ้นเชิง ตาแทบถลนเบ้า แต่ละคนเข้าแทบจะบ้าคลั่ง เผ่นหนีสุดแรงเกิด
ทว่าเพียงชั่ววูบเท่านั้น พวกเขาก็พบว่าห้วงอากาศรอบบริเวณราวกับถูกปิดผนึก กลายเป็นกรงแห่งฟ้าดิน ทำเอาพวกเขาไม่สามารถทะลุผ่านไปได้!
“ไม่…!”
พวกเขาขวัญแทบบินด้วยความหวาดกลัว สีหน้าแปรเปลี่ยน หวาดหวั่นเป็นล้นพ้น นี่ก็เป็นบริเวณที่อันตรายของสุสานสมุทรฝังมรรคหรือ
ปึง!
ผู้อาวุโสคนหนึ่งประสบพิบัติ เงาร่างกลายเป็นจระเข้นอเขียวตัวหนึ่ง จากนั้นพลันหดเล็กลงมีขนาดเท่ามด ถูกเก็บเข้าไปในบาตรสีม่วงในมือสตรีหมอกคนนั้น
ภาพนี้พิศวงและน่าตกใจ สตรีหมอกลึกลับสุดหยั่งถึงผู้หนึ่ง ตั้งแต่ปรากฏกายยังไม่ได้เอ่ยเลยสักคำ แต่นางลงมือสองครั้ง กลับสยบราชันระดับสังสารวัฏสองคนได้อย่างง่ายดาย!
ท่าทางที่เป็นเอกเทศและน่าหวาดกลัวนั้น ราวกับเทพที่สามารถทำได้ทุกสิ่งในตำนาน สามารถกวาดล้างโลกได้
“ไม่…!”
สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นๆ ร้องคำราม เผ่นหนีอย่างบ้าคลั่ง งัดพลังสุดแรงเกิดเรียกสมบัติในก้นกรุต่างๆ นานาออกมา คล้ายกับมดในหม้อร้อนก็มิปาน
หากมีทางเลือก พวกเขาจะไม่ยอมย่างกรายเข้าสู่สุสานสมุทรฝังมรรคที่อัปมงคลและลี้ลับนี้เด็ดขาด
น่าเสียดาย มานึกเสียใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้ว
……
ด้านนอก
ยังมีสัตว์ประหลาดเฒ่าหกเจ็ดคนคอยสอดส่องอยู่ พวกเขาไม่เต็มใจออกไปจากที่แห่งนี้ ในใจต่างไตร่ตรอง คิดเสาะหาโอกาสแบ่งสันปันส่วนกัน
สำหรับพวกเขาแล้ว หลินสวินก็เป็นเหมือนมหาศุภโชคที่มีชีวิตอยู่ บนตัวซุกซ่อนสิ่งของมากมายที่ทำให้พวกเขาตาลุกวาวน้ำลายหก
อย่างคัมภีร์อริยมรรคที่ตกทอดมาจากเกาะอริยะปัญจธาตุ
หรืออย่างตำราทองสาส์นหยกจากภูเขาเทพหมอกม่วง
ไม่ว่าจะเป็นชิ้นไหน ล้วนเชื่อมโยงถึงความลับแห่งมรดกอริยมรรคทั้งสิ้น เพียงพอจะทำให้ราชันระดับสังสารวัฏคนใดก็ตามเข่นฆ่ากันอย่างบ้าคลั่งได้
ยิ่งกว่านั้นบนตัวหลินสวินยังมีสมบัติที่ชิงมาจากบุตรเทพแต่ละเผ่าที่เขาสังหารมากมาย สิ่งนี้ก็แสนยั่วยวนหาใดเปรียบเช่นกัน
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ผู้ใดยังจะเต็มใจยอมแพ้และจากไปทั้งอย่างนี้อีกเล่า
“ทุกท่าน ไม่สู้พวกเราร่วมมือกันเป็นอย่างไร ไม่ว่าใครได้รับศุภโชคนี้ไปในท้ายที่สุด ตอนที่เขากลับมาจากสุสานสมุทรฝังมรรค พวกเราก็ลงมือฆ่ามันทันที หากเป็นเช่นนี้ศุภโชคก็จะเป็นของพวกเราแล้ว”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งเสนอความเห็น ทำให้ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ต่างสะท้านใจเป็นอย่างยิ่ง
“อ๊าก…!”
ทว่าขณะนั้นเอง เสียงร้องโหยหวนเสียงหนึ่งดังลอยออกมาจากส่วนลึกของสุสานสมุทรฝังมรรคสีเทาหม่น เจือความหวาดหวั่นไม่มีที่สิ้นสุดอยู่ด้วย
สัตว์ประหลาดเฒ่าทั้งหมด ณ ที่นั้นต่างสั่นเทิ้มทั่วร่าง สีหน้าเปลี่ยนไปในบัดดล เป็นผู้อาวุโสของเผ่าวิหคเพลิงคะนอง! เขาประสบกับสิ่งที่ไม่คาดคิดอะไรในนั้นงั้นหรือ
สิ่งนี้ทำให้ในใจของพวกเขาเย็นเยียบ คลางแคลงไม่สงบนิ่ง ในใจแอบรู้สึกโชคดีที่ตอนนั้นไม่ได้เลือกรุดหน้าเข้าสู่สุสานสมุทรฝังมรรค
สถานที่บัดซบนั่นสยองเกินไปแล้ว พิศวงถึงขีดสุด ในกาลเวลาที่ล่วงเลยมา ไม่รู้ว่ามีบุคคลเก่งกาจตั้งเท่าใดที่มอดม้วยอยู่ในนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์