ระหว่างทางหลังจากเย่หลิงถงสงบสติอารมณ์ลงพลันสังเกตถึงความผิดปกติ เมื่อครู่นี้ปฏิกิริยาของคุณชายผู้นี้แปลกมาก ปากบอกว่าไปก็ไปทันที ดูผิดปกติไม่น้อย
“จะเกิดอันตรายขึ้นที่นั่น”
หลินสวินไม่ปิดบัง พูดเสียงเรียบ “ถ้าการรับรู้ของข้าไม่ผิด อันตรายนั่นมาจากตระกูลหาน พวกเขาไม่เพียงส่งตัวหานอวิ๋นฉงมา แต่ยังเคลื่อนขบวนเรือรบวีรชนม่วงอีกสิบลำ”
พูดถึงตอนท้าย แววแปลกประหลาดแวบผ่านนัยน์ตาเขา
เพราะเรือรบวีรชนม่วงสิบลำนั้นเป็นเรือรบรูปแบบใหม่ที่เขากับเหล่าโม่ร่วมกันพัฒนาขึ้น
“อันตราย?”
เย่หลิงถงตกใจ สีหน้าเปลี่ยนไปฉับพลัน “คุณชาย เหตุใดท่านถึงไม่บอกพวกของญาติผู้พี่ของข้า…”
พูดถึงตรงนี้นางก็ตระหนักได้ทันที มุมปากอดเผยยิ้มขื่นไม่ได้
“เจ้าจะโทษว่าข้าใจร้ายหรือไม่” หลินสวินคล้ายจะยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้ม
เย่หลิงถงรีบส่ายหัว สีหน้าอึมครึมไม่แน่วนิ่ง สุดท้ายก็ถอนหายใจเบาๆ พร้อมเอ่ย “ญาติผู้พี่ข้าทำเกินไปจริงๆ นี่…อาจเรียกได้ว่ากรรมตามสนอง”
จากนั้นนางรวบรวมความกล้าพูดขึ้นว่า “คุณชาย ข้า…ข้าอยากกลับไปดูสักหน่อย ไม่ว่าอย่างไรข้าก็เป็นคนตระกูลเย่ ปล่อยให้พวกญาติผู้พี่ประสบเคราะห์โดยไม่ทำอะไรไม่ได้”
ได้ยินเช่นนี้ทำให้หลินสวินอึ้งไปเล็กน้อย พลันพยักหน้าพูด “ก็ได้ แต่ข้าจะไม่ยุ่งเรื่องนี้อีก”
เขาชื่นชมเย่หลิงถงมาก นางเป็นผู้หญิงที่แยกแยะบุญคุณความแค้นออกจากกันอย่างชัดเจนและมีเหตุผล ถ้าไม่เป็นเช่นนี้ ตอนจากมาเขาก็คงไม่พาเย่หลิงถงมาด้วย
“ขอบคุณคุณชาย!” เดิมทีเย่หลิงถงไม่ได้คาดหวังอะไร แต่พอเห็นหลินสวินตอบตกลงในทันที ภายในใจก็ยิ่งรู้สึกขอบคุณ
“ไปกันเถอะ”
ยานขนส่งอวกาศเคลื่อนไหวกลางอากาศอย่างรวดเร็วและหายไปในชั่วพริบตา
……
โครม! โครม! โครม!
กลางอากาศ เรือรบวีรชนม่วงสิบลำราวกับเมฆดำมากมายที่ลอยปกคลุมผืนฟ้า เรือรบคำราม กระบวนรอยสลักวิญญาณหนาแน่นเปล่งประกายเรืองรอง
ปืนใหญ่สลักวิญญาณมากมายลากหางยาวฉีกทลายอากาศ ส่งเสียงสนั่นแก้วหู ปืนใหญ่หนาแน่นและน่ากลัวพวกนั้นปกคลุมทะเลผืนนี้เอาไว้
พลันเห็นน้ำทะเลเดือดพล่าน พัดกระพือคลื่นทะลวงฟ้า อากาศแปรปรวน พลังอันน่ากลัวโหมกระหน่ำราวกับพายุ
และภายใต้การปิดล้อมโจมตีของปืนใหญ่มากมายนี้ เงาร่างของเย่ตงเคอและกลุ่มผู้ติดตามจมหายไปทันที
เรือรบวีรชนม่วงถือเป็นอาวุธพิฆาตชนิดหนึ่งที่สามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะปวดหัวได้ และเมื่อเทียบกับการโจมตีของเรือรบวีรชนม่วง พวกเย่ตงเคอดูด้อยค่าและเปราะบางมากเกินไป
ทันทีที่การต่อสู้เริ่มขึ้น พวกเขาก็ตกอยู่ในอันตรายถึงที่สุด
“น่าชังนัก! เพราะเด็กเมื่อวานซืนนั่นคนเดียว ทำให้ข้าต้องเป็นแบบนี้!”
เสียงคำรามโกรธแค้นดังขึ้น ตอนนี้เย่ตงเคอราวกับสัตว์ที่จนตรอก ดวงตาแดงก่ำ สีหน้าบิดเบี้ยวและอาฆาตแค้น เต็มไปด้วยความไม่ยินยอม
เขารู้ว่าวันนี้ยากจะหนีความตายพ้น!
แต่ในใจเขากลับอัดอั้นมากเกินไป คิดว่าหลินสวินจงใจแก้แค้นและทำร้ายเขา ทำให้เขาชิงชังจนคลุ้มคลั่ง
“ได้ยินหรือยัง แม้ก่อนตายญาติผู้พี่คนนี้ของเจ้าก็ยังคิดว่าข้าทำร้ายเขา คนแบบนี้ต่อให้วันนี้ตระกูลหานไม่ฆ่าเขา ข้าก็ไม่ปล่อยเขาเอาไว้แน่”
ในระยะที่ไกลจากสนามรบไม่มาก ยานขนส่งอวกาศจอดอยู่กลางอากาศ หลินสวินสองมือไพล่หลัง นัยน์ตาดำเย็นชา มองดูทุกอย่างนิ่งๆ
เย่หลิงถงที่อยู่ข้างๆ ทั้งตกใจทั้งขึ้งโกรธ ที่ตกใจคือตระกูลหานเคลื่อนขบวนเรือรบวีรชนม่วงสิบลำออกมาจริงๆ นี่ทำให้นางรู้สึกใจหาย
ที่โกรธคือ จนถึงขนาดนี้แล้วเย่ตงเคอยังไม่รู้ตัว คิดว่าทุกอย่างที่เขาประสบเป็นเพราะคุณชายคนนี้ สมควรตายจริงๆ!
แต่ในฐานะคนตระกูลเย่ เย่หลิงถงยังคงทนเห็นพวกเย่ตงเคอถูกเรือรบของตระกูลหานฆ่าตายไม่ได้จริงๆ
“ข้า… ยอมให้เขาตายในมือคุณชาย!” เย่หลิงถงกัดฟันแน่น ตอนนี้นางโกรธจนไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว
“ตายในมือใครก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ”
หลินสวินเหลือบมองนางปราดหนึ่ง รู้ว่าในใจนางยังมีความคิดเพ้อฝัน หวังให้ตนลงมือช่วยเย่ตงเคอ
ใบหน้างามของเย่หลิงถงซีดเซียวขึ้นมาทันที ร่างกายสั่นไหว นางรู้ว่าคนผู้นี้จะไม่ลงมืออีกแล้ว…
และในเวลาเดียวกัน ในสนามรบที่ห่างออกไปเสียงคำรามอย่างอาฆาตแค้นของเย่ตงเคอยังคงดังก้อง สาปแช่งเด็กหนุ่มคนนี้ คิดว่าเขาน่ารังเกียจและจงใจไม่เตือน อยากให้พวกตนตาย
ได้ยินทั้งหมดนี้เย่หลิงถงหมดหวังอย่างสิ้นเชิง ลอบถอนหายใจในใจ ‘ทำตัวเองแท้ๆ…’
ครู่หนึ่งหลังจากนั้นเสียงของพวกเย่ตงเคอก็หายไปอย่างสิ้นเชิง ถูกปืนใหญ่หนาแน่นนั่นจู่โจมสังหาร ไม่สามารถฟื้นคืนมาได้อีกแล้ว
“แย่แล้ว พวกเขาเห็นเราแล้ว กำลังพุ่งสังหารมาทางนี้!”
ทันใดนั้นเย่หลิงถงสั่นไปทั้งตัว สังเกตเห็นว่าเรือรบวีรชนม่วงสิบลำที่อยู่ไกลๆ กำลังพุ่งเข้ามาหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว
“นั่นมันนางหนูตระกูลเย่!”
“แปลกจริง ผู้อาวุโสหานอวิ๋นฉงหายไปไหน ด้วยพลังของเขา ปล่อยให้พวกลูกหมาตระกูลเย่มีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ได้อย่างไร”
“อย่าเพิ่งสนใจเลย ฆ่าพวกเขาก่อนค่อยว่ากัน!”
เสียงโหวกเหวกดังมาจากกลุ่มเรือรบวีรชนม่วง นั่นคือเสียงของผู้ฝึกปราณตระกูลหานที่ไอสังหารพลุ่งพล่าน
“คุณชาย พวกเรารีบไปกันเถอะ”
ใบหน้างามของเย่หลิงถงซีดขาว วันนี้นางผ่านเหตุการณ์ตามฆ่าที่อันตรายมาแล้วครั้งหนึ่ง ไม่ง่ายเลยกว่าจะรอดมาได้ และยังเห็นโศกนาฏกรรมเกิดขึ้นกับญาติผู้พี่ของตนกับตา
ตอนนี้ตระกูลหานระดมกำลังอีกครั้ง ส่งเรือรบวีรชนม่วงสิบลำมาปิดล้อมปราบปรามพวกเขา การโจมตีทั้งหมดนี้ทำให้เย่หลิงถงรู้สึกประหนึ่งพังทลาย
ในอดีตนางเคยเจอเรื่องอันตราย น่าสะพรึงกลัว และน่าคับแค้นแต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้แบบนี้ซะที่ไหน?
“ไป? ทำไมต้องไป”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์