แต่เป็นเพราะเขาคุ้นเคยกับเรือรบวีรชนม่วงมาก!
เขาเป็นคนออกแบบเรือรบวีรชนม่วงรูปแบบใหม่นี้ รู้โครงสร้างของมันเป็นอย่างดี ถึงขั้นที่พูดได้อย่างไม่เกินจริงว่า ใต้หล้านี้ถ้าพูดถึงความเข้าใจต่อเรือรบวีรชนม่วง นอกจากเหล่าโม่ ก็ไม่มีใครรู้ดีกว่าหลินสวินแล้ว
ในสถานการณ์เช่นนี้ ทุกดอกที่เขายิ่งล้วนเล็งใส่จุดอ่อนที่สุดของเรือรบวีรชนม่วง หากยังไม่สามารถทำได้ขนาดนี้ต่างหากถึงจะเรียกว่าแปลก
เพลิงไฟลุกโชน แผดเผาทะเลสีคราม ทุกอย่างจบลงแล้ว
หลินสวินเก็บธนูวิญญาณไร้แก่นสาร แล้วพาเย่หลิงถงที่ยังคงตกอยู่ท่ามกลางความตะลึงจากไป
……
“เจ้าบอกว่า เย่เสี่ยวชีไปฝึกปราณที่ดินแดนรกร้างโบราณแล้วงั้นหรือ”
ระหว่างทางเมื่อถามถึงเบาะแสของเย่เสี่ยวชี หลินสวินก็อดตกใจไม่ได้
“ใช่แล้ว เย่เสี่ยวชีถูกผู้อาวุโสส่งไปด้วยตัวเองเมื่อสามเดือนก่อน ในบรรดาคนรุ่นหนุ่มสาวของตระกูลเย่ พี่เสี่ยวชีเป็นคนเดียวที่ได้สิทธิพิเศษนี้ เขาแบกความหวังทั้งหมดของตระกูลเย่ไว้”
เย่หลิงถงพูดถึงตรงนี้แววตาพลันเผยความชื่นชมอย่างควบคุมไม่อยู่ เย่เสี่ยวชีไปเป็นผู้กล้าอันดับหนึ่งที่ได้รับการยอมรับจากคนหนุ่มสาวตระกูลเย่ มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยม ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทะเลตะวันออก
เพียงแต่…
เมื่อเย่หลิงถงเอาเย่เสี่ยวชีกับคุณชายตรงหน้าคนนี้มาเทียบกัน กลับส่ายหน้าอย่างจนปัญญา เพราะเทียบไม่ได้เลยจริงๆ
เด็กหนุ่มคนนี้ทำลายเรือรบวีรชนม่วงสิบลำของตระกูลหานอย่างง่ายดาย ราวกับสัตว์ประหลาดพลิกฟ้าอย่างไม่มีผิดเพี้ยน เมื่อเทียบกับเขาแล้ว พี่เสี่ยวชีดูด้อยลงไปถนัดตา
‘ดูเหมือนว่าตอนนี้ผู้ฝึกปราณมากมายในจักรวรรดิจื่อเย่าจะตระหนักถึงปัญหาของ ‘พิบัติมหามรรค’ แล้ว…’
หลินสวินคิดไตร่ตรองบางอย่าง
เย่เสี่ยวชีไม่ใช่คนแรกที่ไปฝึกปราณที่ดินแดนรกร้างโบราณแล้ว
ก่อนหน้าเขายังมีไป๋หลิงซี ซ่งอี้ เว่ยฉือเจ๋อที่ถูกเหล่าตัวแทนจากสำนักเก่าแก่พาไปฝึกปราณที่ดินแดนรกร้างโบราณ ตอนงานเลี้ยงวันเฉลิมพระชนมพรรษาสามร้อยปีของจักรพรรดินี
นอกจากนี้ดรุณจ้าวกระบี่เซี่ยอวี้ถัง คุณชายใหญ่อัครการค้าสือซวน คุณชายใหญ่ตระกูลซ่งซ่งอวิ๋นจี้ ผู้สืบทอดสำนักศึกษามฤคมรกตกู้อวิ๋นถิง…และอีกหลายคน ผู้กล้าชั้นยอดรุ่นหนุ่มสาวของนครต้องห้ามได้เดินทางไปล่วงหน้าแล้ว
นี่คือทิศทางลม
หลินสวินไม่ต้องเดาก็รู้ว่า หลังจากนี้จะต้องมีลูกหลานตระกูลทรงอิทธิพลถูกส่งไปฝึกปราณที่ดินแดนรกร้างโบราณมากขึ้นเรื่อยๆ
ถึงอย่างไรตามข่าวลือ อีกไม่เกินสิบปี ดินแดนที่ถูกมองว่าเป็นโลกชั้นล่างแห่งนี้จะเกิดพิบัติมหามรรคที่แท้จริงขึ้น!
ถึงตอนนั้นมหามรรคบกพร่องอย่างรุนแรง อย่าว่าแต่ฝึกปราณเลย แม้แต่หนทางเลื่อนระดับก็คงจะถูกตัดไปด้วย สำหรับผู้ฝึกปราณแล้ว นี่เท่ากับการตัดความหวังทั้งหมดในการแสวงมรรคาของพวกเขา
การเดินทางไปของเย่เสี่ยวชีก็เป็นตัวอย่างหนึ่ง
‘กลับนครต้องห้ามคราวนี้ จะต้องเริ่มเตรียมความพร้อมเพื่อเดินทางไปยังดินแดนรกร้างโบราณ…’
หลินสวินสูดหายใจเข้าลึกๆ ตัดสินใจในใจ
หลังผ่านประสบการณ์ที่ไร้ความแน่นอนในส่วนลึกของทะเลกลืนวิญญาณ ทำให้หลินสวินเข้าใจอย่างชัดเจนว่า ถ้าอยากแสวงหามกุฎมรรคาของตนต่อ ก็ต้องไปสู่โลกฝึกปราณที่กว้างกว่า
พูดง่ายๆ ก็คือ ต่อไปหลินสวินไม่เหมาะที่จะฝึกปราณในโลกชั้นล่างแห่งนี้แล้ว
“คุณชาย ก่อนไปขอทราบชื่อเสียงเรียงนามของท่านได้หรือไม่”
เวลาหนึ่งก้านธูปหลังจากนั้น ในตำแหน่งใกล้ชายฝั่งทะเลตะวันออก เย่หลิงถงตัดสินใจจะจากไป แต่คำขอเดียวก่อนไปคืออยากรู้ชื่อของหลินสวิน
หลินสวินชะงัก ก่อนจะพยักหน้าตอบตกลง
“ลาก่อน”
หลินสวินประสานหมัด แล้วเคลื่อนยานขนส่งอวกาศมุ่งหน้าไปยังแผ่นดินใหญ่ที่อยู่ห่างออกไป
“ที่แท้เขาก็ชื่อหลินสวิน…”
เย่หลิงถงพึมพำ รู้สึกคุ้นชื่อนี้ แต่กลับนึกไม่ออกว่าเคยได้ยินที่ไหน
……
ตระกูลเย่แห่งทะเลตะวันออก
เย่หลิงถงกลับมาพร้อมข่าวเรื่องที่ถูกตระกูลหานตามฆ่า ทำให้เบื้องบนของตระกูลเย่ต่างเดือดเป็นฟืนเป็นไฟ
ในวันนั้นเอง ตระกูลเย่ได้เคลื่อนกำลังอันแข็งแกร่งมุ่งหน้าไปยังส่วนลึกของทะเลตะวันออก เพื่อช่วงชิงสายแร่วิญญาณกับตระกูลหาน
และในวันเดียวกัน ในโถงประชุมตระกูลเย่ เย่หลิงถงรายงานอีกข่าวทำให้กลุ่มเบื้องบนตระกูลเย่อึ้งไปอีกครั้ง
มหายุทธ์ระดับหยั่งสัจจะขั้นสูงอย่างหานอวิ๋นฉง กลับถูกเด็กหนุ่มคนหนึ่งตบตายภายในฝ่ามือเดียวงั้นหรือ!?
หากไม่ใช่เพราะเย่หลิงถงเป็นพยานด้วยตัวเอง บรรดาคนเบื้องบนตระกูลเย่ก็คงจะไม่เชื่อ
เพียงแต่ไม่นาน ความตะลึงเช่นนี้ก็ถูกความเดือดดาลเข้ามาแทนที่
“อะไรนะ ตงเคอตายแล้วงั้นหรือ พวกเจ้าไปด้วยกันไม่ใช่หรือ ทำไมเจ้ายังอยู่แต่ตงเคอกลับตาย”
เสียงคำรามอย่างเดือดดาลของเย่หนานหลินดังขึ้นภายในห้องโถง ราวกับสายฟ้ากระหน่ำ
เขาคือบิดาของเย่ตงเคอ ความเจ็บปวดจากการสูญเสียลูกทำให้เขาไม่สามารถสงบได้ ตกอยู่ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยว โมโหจนตาแดงก่ำ
“เล่ามา! มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!? หากเจ้ากล้าปิดบัง ข้าจะจัดการเจ้าเป็นคนแรก!”
เย่หนานหลินจ้องเย่หลิงถงเขม็ง สายตาเหี้ยมโหดน่ากลัว เย่หลิงถงตกใจจนใบหน้างามซีดเซียว หวาดหวั่นอย่างมาก
เหล่าชนชั้นนำคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ต่างฉงนใจ จริงสิ หานอวิ๋นฉงถูกฆ่าไปแล้ว ในสถานการณ์เช่นนี้เย่ตงเคอตายได้อย่างไร
เย่หลิงถงรู้ว่าปิดไม่อยู่จึงพูดไปตามความจริง
ทันใดนั้นเหล่าชนชั้นนำต่างขมวดคิ้ว ส่วนเย่หนานหลินเดือดดาลจนถึงขีดสุดแล้ว “เพราะปฏิเสธคำเชิญชวนของลูกชายข้า เด็กหนุ่มคนนั้นจึงเจตนาแก้แค้นเขางั้นหรือ รังแกกันเกินไปแล้ว!”
เย่หลิงถงรวบรวมความกล้ากัดฟันพูด “ท่านลุงสาม เรื่องนี้คงต้องโทษพี่ตงเคอ เขาไม่รู้จักกาลเทศะ ตอบแทนบุญคุณด้วยความแค้น ข้าพยายามเกลี้ยกล่อมเขา แต่กลับถูกเขาต่อว่าและกล่าวโทษ ท่านว่า นี่ไม่ใช่การหาเรื่องใส่ตัวหรือ”
“กำเริบเสิบสาน! เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครถึงได้กล้าบอกว่าตงเคอไม่รู้จักกาลเทศะ ตอบแทนบุญคุณด้วยความแค้นงั้นหรือ เจ้าปากร้ายจริงๆ!”
เย่หนานหลินตบโต๊ะที่อยู่ข้างหน้าเขาจนแหลกละเอียด ลุกขึ้นยืนราวกับสัตว์ป่าที่เดือดดาล จ้องเย่หลิงถงพร้อมไอสังหารที่พลุ่งพล่าน
เย่หลิงถงตกใจ รู้สึกเย็นเยียบไปทั้งตัวราวกับตกไปอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง ในใจน้อยเนื้อต่ำใจและกรุ่นโกรธอย่างที่สุด ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น นิสัยและอารมณ์ของเย่ตงเคอเหมือนท่านลุงสามไม่มีผิด
“แม้เด็กหนุ่มคนนั้นจะช่วยชีวิตเจ้าเอาไว้ แม้ตงเคอจะตายในมือของตระกูลหาน แต่ก็เกี่ยวข้องกับเด็กหนุ่มคนนี้ ตายเปล่าแบบนี้ไม่ได้”
ชนชั้นนำตระกูลเย่อีกคนพูดด้วยเสียงอึมครึม
“ใช่ ตระกูลเย่ของข้ายึดครองทะเลตะวันออกมานานขนาดนี้ ยังไม่เคยเกิดเรื่องที่เลวร้ายขนาดนี้มาก่อน หากแพร่กระจายออกไปข้าเกรงว่าคนนอกจะหัวเราะเยาะ ข้าคิดว่าจะปล่อยตระกูลหานไปง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด นอกจากนี้เด็กหนุ่มคนนั้นก็ต้องชดใช้อย่างสาสม!”
ชนชั้นนำคนอื่นๆ ต่างส่งเสียง
เห็นเช่นนี้เย่หลินถงพลันสิ้นหวัง อดพูดไม่ได้ว่า “ท่านลุงท่านอาทุกท่าน หากไม่ใช่เพราะคุณชายท่านนั้นช่วยเอาไว้ ครั้งนี้ข้าคงไม่สามารถกลับมาพร้อมข่าวที่ตระกูลหานจะไปช่วงชิงสายแร่วิญญาณได้ทันถ่วงที พวกท่านทำเช่นนี้ เห็นจะ…”
นางไม่ได้พูดให้จบ แต่ความหมายของคำพูดก็ชัดเจนมากแล้ว นี่ก็เหมือนการตอบแทนบุญคุณด้วยความแค้นมิใช่หรือ
ทันใดนั้นสีหน้าของกลุ่มชนชั้นนำพลันอึมครึมลง ดูไม่พอใจไม่น้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์