เย่หลิงถงอึ้ง หรือหลินสวินที่ตนเห็น ไม่ใช่คนเดียวกันกับที่ผู้อาวุโสพูดถึง?
ทว่าหลังจากนางอธิบายรูปลักษณ์ของหลินสวิน คำตอบของเย่ฉิงเทียนทำให้นางตระหนักได้ว่า ที่แท้หลินสวินทั้งสองคนนี้ก็คือคนเดียวกันดังคาด
“คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะรอดกลับมาจากส่วนลึกของทะเลกลืนวิญญาณจริงๆ…”
แม้ว่าเย่ฉิงเทียนจะเป็นราชันระดับสังสารวัฏ แต่ตอนนี้เมื่อแน่ใจแล้วว่าหลินสวินยังมีชีวิตอยู่ ในใจก็ยังเกิดคลื่นระลอกใหญ่อย่างควบคุมไม่อยู่
ในข่าวที่เขาได้ยินมากล่าวว่า เมื่อไม่กี่เดือนก่อน หลินสวินถูกตามฆ่าในส่วนลึกของทะเลกลืนวิญญาณ คนที่ลงมือเป็นถึงกลุ่มสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับสังสารวัฏ!
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้แทบไม่มีใครเชื่อว่าหลินสวินจะยังสามารถรอดกลับมาได้ ตอนที่เย่ฉิงเทียนรู้ข่าวนี้ก็เคยถอนหายใจอย่างเสียดาย
เรียกได้ว่าในบรรดาคนรุ่นหนุ่มสาวของจักรวรรดิ ถ้าพูดถึงบุคคลระดับผู้กล้าที่สะดุดตาและโดดเด่นที่สุด หลินสวินคือที่หนึ่ง!
ปาฏิหาริย์และเรื่องราวอันรุ่งโรจน์ที่เกิดขึ้นในตัวเขายิ่งมากจนนับไม่ถ้วน
ถ้าเด็กหนุ่มผู้กล้าระดับนี้ตายไป ถือว่าเป็นความสูญเสียอันหนักหน่วงสำหรับจักรวรรดิ
แต่ใครจะสามารถจินตนาการได้ว่า หลินสวินที่ลือกันว่าตายไปแล้วกลับรอดกลับมา! น่าทึ่งเกินไปแล้ว
ถูกราชันระดับสังสารวัฏตามฆ่าเชียวนะ! ถ้าเย่ฉิงเทียนเป็นหลินสวินยังรู้สึกหนังหัวชาวาบ
สิ่งที่เหลือเชื่อที่สุดคือ เขาตัวคนเดียวกลับสามารถรอดชีวิตจากส่วนลึกของทะเลกลืนวิญญาณที่เต็มไปด้วยอันตรายได้ นี่เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมากจริงๆ
ถึงอย่างไรเป็นที่ทราบกันดีว่า ผู้ฝึกปราณที่สามารถเข้าไปในทะเลกลืนวิญญาณได้ อย่างน้อยๆ ต้องมีพลังปราณระดับราชันสังสารวัฏ
หากผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ บุกเข้าไปโดยพลการ เก้าในสิบส่วนจะต้องมอดม้วยอย่างแน่นอน
แต่หลินสวินกลับรอดกลับมาได้อย่างปลอดภัย!
กลุ่มราชันระดับสังสารวัฏยังไม่สามารถพรากชีวิตเขาไปได้ แม้แต่ทะเลกลืนวิญญาณอันโหดร้ายก็ไม่สามารถหยุดฝีเท้าที่จะกลับจักรวรรดิจื่อเย่าได้
ในสถานการณ์เช่นนี้จะไม่ให้เย่ฉิงเทียนตะลึงได้อย่างไร
แน่นอนว่าเขาเป็นราชันระดับสังสารวัฏคนหนึ่ง เรื่องธรรมดาย่อมไม่สามารถทำให้เขารู้สึกอะไรได้ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นกับหลินสวินเหลือเชื่อมากจริงๆ ทำให้เย่ฉิงเทียนไม่สามารถนิ่งเฉยไว้ได้
บรรยากาศค่อนข้างเงียบ
เย่หลิงถงสัมผัสได้อย่างมีไหวพริบว่า หลังจากมั่นใจในฐานะของหลินสวินแล้ว แม้แต่ผู้อาวุโสเองก็ดูเหมือนจะตะลึง
ทำให้นางยิ่งสงสัยว่าหลินสวินคนนั้น… เป็นใครกันแน่ เขาดูเหมือนเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่พลังต่อสู้เก่งกาจมากก็เท่านั้น ทว่าชนชั้นนำตระกูลเย่ทุกคนที่พูดถึงชื่อของเขา เหตุใดสีหน้าถึงล้วนเปลี่ยนไป
เย่หลิงถงแอบตัดสินใจ ว่าต่อไปจะรวบรวมข่าวสารเกี่ยวกับหลินสวิน เพื่อไปทำความเข้าใจว่าเด็กหนุ่มที่เต็มไปด้วยความลึกลับคนนี้เป็นเทพศักดิ์สิทธิ์จากไหนกันแน่
“ตั้งแต่เขาหายตัวไปจนถึงตอนนี้ก็ผ่านไปครึ่งปีเต็มแล้ว และตอนที่ข่าวการตายของเขาได้รับการยืนยัน นครต้องห้ามยิ่งเกิดความวุ่นวายขึ้นไม่น้อย แต่ตอนนี้…”
สายตาของเย่ฉิงเทียนลึกล้ำ หว่างคิ้วเผยแววประหลาด “ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว! เมื่อเขาหวนกลับนครต้องห้ามอีกครั้ง จะต้องเกิดมรสุมใหญ่โตแน่!”
……
ฟิ้ว!
ยานขนส่งอวกาศเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงสุดกลางอากาศ ราวกับสายฟ้าแลบที่ไหววาบและหายไปที่ปลายขอบฟ้า
ในที่สุดเขาก็กลับมาที่จักรวรรดิจื่อเย่าแล้ว ทำให้หลินสวินรู้สึกผ่อนคลายและดีใจเหมือนนกที่ได้กลับเข้ารัง
ด้วยระดับพลังปราณของเขาในตอนนี้บวกกับยานขนส่งอวกาศ แม้ราชันระดับสังสารวัฏมาเอง เกรงว่าก็คงหยุดเขาไม่ได้
เช่นเดียวกัน ถ้าไม่ใช่การปะทะกันซึ่งๆ หน้า ระดับที่ต่ำกว่าราชันระดับสังสารวัฏ ไม่มีใครสามารถข่มขวัญหลินสวินได้อีกแล้ว!
ดังนั้นระหว่างทางกลับไปนครต้องห้าม หลินสวินจึงไม่อำพรางและไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดเรื่องอะไรที่เหนือความคาดหมายขึ้น
‘ลองนับดูแล้ว ครั้งนี้ข้าจากไปครึ่งปีเต็มแล้ว ก็ไม่รู้ว่าพวกซย่าจื้อ ลุงจง เสี่ยวเคอ พญาแร้ง จูเหล่าซานจะเป็นอย่างไรบ้าง…’
ระหว่างทางความคิดของหลินสวินกำลังโลดแล่น คิดถึงญาติพี่น้องและสหายเก่ามากมาย จิตใจอดล่องลอยไม่ได้ ไม่ได้เจอกันครึ่งปี ตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง
“หืม?”
ทันใดนั้นคลื่นสงครามระลอกหนึ่งพลันกระจายออกมาจากระยะไกล ทำให้หลินสวินตื่นจากห้วงความคิด
นี่เป็นเทือกเขาสลับทับซ้อนและรกร้าง รอบๆ ไม่มีบ้านเมือง ดูเก่าแก่และดั้งเดิมอย่างมาก
และตอนนี้ มีศึกหนึ่งกำลังระเบิดขึ้นที่นั่น!
ขบวนพ่อค้าประมาณสามสี่สิบคน ถูกสัตว์อสูรมารจำนวนนับไม่ถ้วนปิดล้อมอยู่ในหุบเขาและกำลังเข่นฆ่ากันอย่างรุนแรง
“ในอาณาเขตจักรวรรดิจื่อเย่ามีสัตว์อสูรมารมากมายเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
หลินสวินแปลกใจไม่น้อย พลันชะลอความเร็ว
สิ่งที่ถูกเรียกว่าสัตว์อสูรมารนี้ เป็นสัตว์ประหลาดที่เปิดสติปัญญา รู้จักการบำเพ็ญตน หรือสามารถเรียกอย่างกว้างๆ ว่าเป็นอสูรมารบำเพ็ญ
สัตว์อสูรมารระดับนี้ ความสามารถนั้นมากกว่าสัตว์ปีศาจทั่วไป เหล่าสัตว์อสูรมารระดับราชัน ถึงขั้นสามารถเทียบกับมหายุทธ์ชาวมนุษย์ได้ เรียกลมเรียกฝน ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้
เพียงแต่เท่าที่หลินสวินรู้ เมื่อหลายปีก่อน สิ่งที่กระจายอยู่ในจักรวรรดิจื่อเย่ามากที่สุดเป็นเพียงสัตว์ปีศาจธรรมดา น้อยมากที่จะเห็นสัตว์อสูรมาร
แต่ตอนนี้สัตว์อสูรมารในหุบเขากลับหนาแน่นราวกับกระแสน้ำ มีทั้งสัตว์ปีกสีทองอร่ามและมีสัตว์บกที่วิ่งเหมือนสายฟ้า รูปร่างแปลกประหลาด มีกลิ่นอายดุร้าย
เสียงคำรามนั่นราวกับเสียงร่ำไห้ของผีสาง ก้องกังวานอยู่ท่ามกลางฟ้าดิน ชวนให้รู้สึกหวาดหวั่น
ดูผิดปกติมาก!
“หรือเพราะพิบัติมหามรรคที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น ฟ้าดินผืนนี้จึงค่อยๆ เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงแปลกประหลาดบางอย่างขึ้น”
หลินสวินขมวดคิ้ว
ไม่นานเขาก็ต้องแปลกใจอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าขบวนพ่อค้าที่ถูกสัตว์อสูรมารจำนวนนับไม่ถ้วนล้อมโจมตีอยู่นั้น มีธงของอัครการค้าแขวนอยู่!
หลินสวินหยุดนิ่งทันใด และเก็บยานขนส่งอวกาศอย่างไม่ลังเล เคลื่อนไหวลงจากอากาศและเข้าไปใกล้หุบเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์