Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 648

สรุปบท ตอนที่ 648: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

อ่านสรุป ตอนที่ 648 จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 648 คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 648 หวนกลับนครต้องห้าม
ตอนที่ 648 หวนกลับนครต้องห้าม
โดย
ProjectZyphon
“พี่หวั่นซู ท่านรู้หรือไม่ว่าครึ่งปีมานี้ตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตเป็นอย่างไรบ้าง” สุดท้ายหลินสวินก็อดถามไม่ได้

เขามีลางสังหรณ์ไม่ดีอย่างหนึ่ง

ข่าวลือว่าเขาสิ้นชีพถูกเผยแพร่ในนครต้องห้ามตั้งแต่สองสามเดือนก่อน ในสถานการณ์เช่นนี้ผู้ที่ได้รับผลกระทบและแรงการโจมตีมากที่สุด ก็คือตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงอย่างไรพูดอย่างเคร่งครัด ตอนนี้หลินสวินเป็นเหมือนกระดูกสันหลังของภูเขาชำระจิต ถ้ารู้ว่าเขาตายไปแล้ว พวกพญาแร้ง เสี่ยวเคอและจูเหล่าซานจะยังทุ่มเทเพื่อภูเขาชำระจิตอีกหรือไม่

ในทำนองเดียวกัน ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ ตระกูลหลินแห่งแสงอุดรที่ย้ายเข้าไปอยู่ในภูเขาชำระจิตแล้วจะมีปฏิกิริยาอย่างไร

นี่ไม่ใช่แค่เรื่องภายในของภูเขาชำระจิต ตระกูลรองทั้งสามอย่างธารประจิม คานเมฆาและยอดวายุ รวมทั้งตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงอย่างตระกูลจั่วและตระกูลฉิน ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ขยับตัว

“เอ่อ…” สีหน้าของมู่หวั่นซูเปลี่ยนไปเล็กน้อย เหมือนอยากพูดอะไรแต่ก็หยุดไป

“พูดมาเถอะ ข้าก็พอจะเดาได้รางๆ” ลางสังหรณ์ไม่ดีในใจหลินสวินทวีความรุนแรงขึ้นกว่าเดิม

นัยน์ตาดำของเขาลุ่มลึกดุจเหว ไอสังหารแท้จริงถาโถมออกมา

ทันใดนั้นราชันอินทรีแดงที่อยู่ข้างๆ ขนลุกซู่ขึ้นมา ในใจยิ่งหวาดกลัวและกริ่งเกรง

ในฐานะอสูรมารบำเพ็ญชั้นยอด ราชันอินทรีแดงสัมผัสได้อย่างฉับไวว่าไอสังหารที่คล้ายมีแต่ไม่มีของหลินสวินน่าสะพรึงกลัวมาก นั่นเป็นกลิ่นอายที่บ่มเพาะจากการฆ่าฟันมานานและอาบเลือดมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน!

มันไม่สามารถจินตนาการได้จริงๆ เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์ที่อายุเพียงสิบกว่าปีคนนี้ กลับเหมือนฆาตกรที่ฆ่าคนมาแล้วมากมาย ประหนึ่งเทพสังหารที่เดินออกจากภูเขาศพทะเลเลือดอย่างไรอย่างนั้น

“เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง สถานการณ์ของภูเขาชำระจิตในตอนนี้แม้จะไม่มั่นคง แต่ยังสามารถยืนหยัดต่อไปได้ระยะหนึ่ง”

มู่หวั่นซูสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดต่อว่า “ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เจ้ากลับมาแล้ว จะต้องคลี่คลายสถานการณ์ได้อย่างแน่นอน”

หลินสวินส่ายหน้า “พี่หวั่นซู พี่ไม่ต้องปลอบใจข้า”

“นี่……”

มู่หวั่นซูลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ถอนหายใจ พูดไปตามความจริง “เมื่อก่อนตอนที่เจ้ายังอยู่ในนครต้องห้าม ไม่ว่าจะเป็นตระกูลรองทั้งสามอย่างธารประจิม คานเมฆาและยอดวายุ หรือจะเป็นเหล่าตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงอย่างตระกูลจั่ว ฉินและฉือ ย่อมไม่กล้าลงมือสุ่มสี่สุ่มห้า”

“แต่ปัญหาคือเจ้าหายตัวไปครึ่งปีเต็มๆ แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นไม่กี่เดือนก่อนในนครต้องห้ามยังมีข่าวลือว่าเจ้าตายแล้ว เพราะฉะนั้น…”

ไม่ต้องพูดจนจบ แต่ความหมายที่ซ่อนอยู่นั้นชัดเจนมากแล้ว

เวลาครึ่งปีอาจจะดูสั้น แต่สำหรับเหล่าขุมอำนาจตระกูลทรงอิทธิพลในนครต้องห้ามแล้ว การหายตัวไปของหลินสวินดึงดูดความสนใจอย่างไม่ต้องสงสัย

เหตุผลก็ง่ายมาก ในนครต้องห้าม หลินสวินเป็นปฐมาจารย์สลักวิญญาณที่มีชื่อเสียงสะเทือนทั่วหล้า เป็นเจ้าของภูเขาชำระจิต ยิ่งเป็นผู้กล้าที่แข็งแกร่งและโดดเด่นที่สุดแห่งยุค

ผู้กล้าที่สะดุดตาไร้ที่เปรียบราวกับปีศาจอสูรเช่นนี้ จู่ๆ ก็หายไปนานครึ่งปีเต็ม ทั้งยังมีข่าวที่เชื่อถือได้อ้างว่าเขาตายในส่วนลึกของทะเลกลืนวิญญาณ

ในสถานการณ์เช่นนี้ย่อมกระตุ้นความสงสัยและปฏิกิริยาตอบสนองจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะกับพวกศัตรู แน่นอนว่าต้องกระเหี้ยนกระหือรือขึ้นมาเพราะเหตุนี้

นี่ก็คือใจคน!

หลินสวินยกยิ้มเย็นเยียบตรงมุมปาก นัยน์ตาดำยิ่งดูลึกล้ำ

เขารู้ดีว่าตราบใดที่ตนยังอยู่ในนครต้องห้าม ก็ไม่มีใครกล้าแตะต้องตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิต แม้แต่พวกตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงก็ไม่กล้าแตกหักกับเด็กหนุ่มปฐมาจารย์สลักวิญญาณที่สามารถหลอมชุดศึกสลักวิญญาณอย่างตน!

ยิ่งไปกว่านั้น ราชวงศ์ก็คงไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอย่างแน่นอน เพราะผู้ยิ่งใหญ่ลึกลับในราชวงศ์ท่านนั้นได้ให้คำมั่นสัญญาแล้วว่าจะให้การสนับสนุนหลินสวินเงียบๆ

ตามเหตุผลแล้วตระกูลรองทั้งสามอย่างธารประจิม คานเมฆาและยอดวายุ ก็ทำได้เพียงกล้ำกลืนความเจ็บช้ำใจ

แต่หากหลินสวินตายไปแล้ว ทุกอย่างก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลง คนจากไปชาก็เย็น น้ำใจที่มนุษย์มีต่อกันก็มีเพียงเท่านี้

เหตุใดสัตว์ประหลาดเฒ่าที่ควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างในตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงจึงปรากฏตัวน้อยมาก

เหตุผลแรกเพราะต้องปิดด่านฝึกปราณ แต่เหตุผลที่สำคัญกว่าคือ การมีสัตว์ประหลาดเฒ่าเช่นนี้ควบคุมสถานการณ์ จึงจะสามารถสยบรอบทิศ เป็นเสาหลักของตระกูล

คำว่าบ้านขาดเจ้าของไม่ได้ แคว้นขาดกษัตริย์ไม่ได้ก็เป็นเช่นนี้

มู่หวั่นซูไม่ได้พูดถึงรายละเอียดอะไรมาก แต่หลินสวินก็เข้าใจว่าสถานการณ์ของตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตในตอนนี้ไม่ดีนัก

“ลองนับเวลาดูแล้ว ก็ได้เวลาจัดการภัยเงียบที่มีอยู่ของตระกูลหลินแล้ว…”

หลินสวินยืนอยู่บนดาดฟ้า เสื้อผ้าโบกสะบัดไปตามสายลมจนเกิดเสียงดัง สีหน้าไร้อารมณ์ นัยน์ตาดำไม่ยินดียินร้าย

มู่หวั่นซูที่อยู่ข้างๆ รู้สึกหายใจไม่ออกอย่างไม่ทราบสาเหตุ แน่นหน้าอกเหมือนถูกพลังที่มองไม่เห็นบีบคั้น

นี่ทำให้นางหัวใจกระเพื่อมไหว ตระหนักได้ว่าเด็กหนุ่มที่หายไปจากภูเขาชำระจิตครึ่งปีเต็มตรงหน้าคนนี้โกรธจริงๆ แล้ว

นครต้องห้าม…

จะต้องเกิดคลื่นลมที่ไม่อาจคาดการณ์ได้อย่างแน่นอน!

……

ครึ่งวันหลังจากนั้น หน้าประตูใหญ่ฝั่งตะวันออกของนครต้องห้าม

ยานสำเภาลำหนึ่งเคลื่อนตัวลงจากฟ้า หลินสวินในชุดสีขาวพระจันทร์เงยหน้าขึ้นมองประตูเมืองเก่าแก่สูงตระหง่านที่จากมาครึ่งปี พลันอดสูดหายใจเข้าลึกๆ ไม่ได้

ถึงขั้นที่มีบางส่วนฉวยโอกาสซ้ำเติม คิดว่าตระกูลหลินสายตรงจะต้องถูกกำจัดออกโดยสิ้นเชิง ภูเขาชำระจิตจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่

ครึ่งปีที่ผ่านมาหัวหน้าทหารยามได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ตระกูลหลินประสบแทบจะทั้งหมด แน่นอนว่าต้องรู้สึกสะเทือนใจมาก

ในระหว่างที่ตระกูลหลินเจริญรุ่งเรืองขึ้น ได้ล่วงเกินตระกูลทรงอิทธิพลมากมาย เช่นตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงอย่างตระกูลฮวา ตระกูลซ่ง ตระกูลฉือ ตระกูลฉิน และตระกูลจั่ว

นอกจากนี้ยังมีตระกูลฉู่ซึ่งเป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่นักสลักวิญญาณ หรือแม้แต่ราชวงศ์ก็ยังถูกหลินสวินล่วงเกินไม่ใช่แค่ครั้งเดียว

แต่พอไม่มีหลินสวินแล้ว ตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตก็ถูกตระกูลอิทธิพลจำนวนไม่น้อยจับจ้องทันที ถูกต่อต้านและกดดันจนสะบักสะบอม

แต่หัวหน้าทหารยามคิดไม่ถึงเลยว่า ผ่านไปครึ่งปี ผู้กล้ารุ่นเยาว์ที่ได้รับการยืนยันว่าตายไปตั้งนานแล้ว จะกลับมาอีกครั้ง!

“คราวนี้นครต้องห้ามต้องเกิดความฮือฮาและคลื่นลูกใหญ่อีกครั้งแล้ว!”

หัวหน้าทหารยามพึมพำ

และยามนี้หลินสวินมาถึงหน้าภูเขาชำระจิตแล้ว คลายค่ายกลคุ้มกันภูเขาอย่างเงียบๆ แล้วเดินขึ้นยอดภูเขาชำระจิตไป

เพียงแต่ตอนที่เขาอยู่ระหว่างทาง ก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังมาจากโถงประชุมบนยอดเขา ทำให้เขาหรี่ตาลง

……

“ขนาดนี้แล้ว หลินจงเจ้ายังจะปล่อยให้ตระกูลล่มสลายโดยที่ไม่ทำอะไรเลยอีกหรือ ตอนนี้ได้รับการยืนยันว่าหลินสวินตายไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ควรเลือกผู้สืบทอดเพื่อรับช่วงต่อภูเขาชำระจิต!”

“ใช่แล้ว ช่วงนี้คนตระกูลหลินแห่งแสงอุดรของข้าไม่กล้าออกจากบ้าน เพราะอะไรกัน เหตุผลก็เพราะหลินสวินล่วงเกินตระกูลทรงอิทธิพลไว้มากมาย! ตอนนี้เราเป็นเหมือนหนูข้างถนนที่ใครๆ ก็รังเกียจ ไม่สามารถใช้ชีวิตต่อไปได้แล้ว”

“ฝูงมังกรไร้หัว บังเกิดศึกทั้งภายนอกและภายใน ถ้ารู้เช่นนี้แต่แรก ตระกูลหลินแห่งแสงอุดรของพวกเราก็ไม่ควรเข้ามาอยู่ในภูเขาชำระจิต พอไอ้หนูนั่นตาย ทำให้พวกเราต้องเดือดร้อนไปด้วย ถูกทุกฝ่ายมองเป็นศัตรูและกดดัน ต่อไปจะให้พวกเรามีที่ยืนในนครต้องห้ามได้อย่างไร”

“หลินจง เจ้าในฐานะคนเก่าแก่ของตระกูลหลิน ทั้งยังครอบครองอาวุธสังหารอย่าง ‘อาสัญสลาย’ ขอเพียงแค่เจ้าพยักหน้าให้ตระกูลหลินแห่งแสงอุดรของข้าครอบครองภูเขาชำระจิต บางทีอาจเปลี่ยนสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกในตอนนี้ได้ มิฉะนั้นกลัวว่าจะรักษาภูเขาชำระจิตไว้ไม่ได้!”

ภายในโถงประชุม กลุ่มคนใหญ่คนโตเบื้องบนของตระกูลหลินแห่งแสงอุดรต่างส่งเสียง บ้างก็กล่าวโทษ บ้างก็ข่มขู่ บ้างก็ขึ้งโกรธ โดยพุ่งเป้าไปที่หลินจงคนเดียว

หัวหน้าตระกูลหลินแห่งแสงอุดรหลินไหวหย่วนเองก็อยู่ด้วย เพียงแต่ตอนนี้สีหน้าของเขาไร้อารมณ์ ท่าทีดูคลุมเครือ

“ทุกท่าน ก่อนที่คุณหนูซย่าจื้อจะปิดด่านเคยพูดไว้แล้วว่านายน้องยังมีชีวิตอยู่ เหตุใดพวกท่านต้องบีบบังคับกันเช่นนี้”

หลินจงสีหน้าอึมครึม แฝงความเดือดดาลที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ “ยิ่งไปกว่านั้น ทุกอย่างที่นายน้อยทำในช่วงไม่กี่ปีมานี้ก็เพื่อตระกูลหลินของพวกเรามิใช่หรือ พวกท่านลองถามตัวเองดูว่าตอนที่นายน้อยยังอยู่ ใครบ้างไม่ได้รับผลประโยชน์จากภูเขาชำระจิต ตอนนี้นายน้อยเพียงหายตัวไประยะหนึ่ง พวกท่านก็นั่งไม่ติด หวังจะช่วงชิงอำนาจในภูเขาชำระจิต นี่ไม่ใช่ใจร้อนเกินไปหรือ”

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์