เขามีลางสังหรณ์ไม่ดีอย่างหนึ่ง
ข่าวลือว่าเขาสิ้นชีพถูกเผยแพร่ในนครต้องห้ามตั้งแต่สองสามเดือนก่อน ในสถานการณ์เช่นนี้ผู้ที่ได้รับผลกระทบและแรงการโจมตีมากที่สุด ก็คือตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตอย่างไม่ต้องสงสัย
ถึงอย่างไรพูดอย่างเคร่งครัด ตอนนี้หลินสวินเป็นเหมือนกระดูกสันหลังของภูเขาชำระจิต ถ้ารู้ว่าเขาตายไปแล้ว พวกพญาแร้ง เสี่ยวเคอและจูเหล่าซานจะยังทุ่มเทเพื่อภูเขาชำระจิตอีกหรือไม่
ในทำนองเดียวกัน ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ ตระกูลหลินแห่งแสงอุดรที่ย้ายเข้าไปอยู่ในภูเขาชำระจิตแล้วจะมีปฏิกิริยาอย่างไร
นี่ไม่ใช่แค่เรื่องภายในของภูเขาชำระจิต ตระกูลรองทั้งสามอย่างธารประจิม คานเมฆาและยอดวายุ รวมทั้งตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงอย่างตระกูลจั่วและตระกูลฉิน ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ขยับตัว
“เอ่อ…” สีหน้าของมู่หวั่นซูเปลี่ยนไปเล็กน้อย เหมือนอยากพูดอะไรแต่ก็หยุดไป
“พูดมาเถอะ ข้าก็พอจะเดาได้รางๆ” ลางสังหรณ์ไม่ดีในใจหลินสวินทวีความรุนแรงขึ้นกว่าเดิม
นัยน์ตาดำของเขาลุ่มลึกดุจเหว ไอสังหารแท้จริงถาโถมออกมา
ทันใดนั้นราชันอินทรีแดงที่อยู่ข้างๆ ขนลุกซู่ขึ้นมา ในใจยิ่งหวาดกลัวและกริ่งเกรง
ในฐานะอสูรมารบำเพ็ญชั้นยอด ราชันอินทรีแดงสัมผัสได้อย่างฉับไวว่าไอสังหารที่คล้ายมีแต่ไม่มีของหลินสวินน่าสะพรึงกลัวมาก นั่นเป็นกลิ่นอายที่บ่มเพาะจากการฆ่าฟันมานานและอาบเลือดมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน!
มันไม่สามารถจินตนาการได้จริงๆ เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์ที่อายุเพียงสิบกว่าปีคนนี้ กลับเหมือนฆาตกรที่ฆ่าคนมาแล้วมากมาย ประหนึ่งเทพสังหารที่เดินออกจากภูเขาศพทะเลเลือดอย่างไรอย่างนั้น
“เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง สถานการณ์ของภูเขาชำระจิตในตอนนี้แม้จะไม่มั่นคง แต่ยังสามารถยืนหยัดต่อไปได้ระยะหนึ่ง”
มู่หวั่นซูสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดต่อว่า “ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เจ้ากลับมาแล้ว จะต้องคลี่คลายสถานการณ์ได้อย่างแน่นอน”
หลินสวินส่ายหน้า “พี่หวั่นซู พี่ไม่ต้องปลอบใจข้า”
“นี่……”
มู่หวั่นซูลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ถอนหายใจ พูดไปตามความจริง “เมื่อก่อนตอนที่เจ้ายังอยู่ในนครต้องห้าม ไม่ว่าจะเป็นตระกูลรองทั้งสามอย่างธารประจิม คานเมฆาและยอดวายุ หรือจะเป็นเหล่าตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงอย่างตระกูลจั่ว ฉินและฉือ ย่อมไม่กล้าลงมือสุ่มสี่สุ่มห้า”
“แต่ปัญหาคือเจ้าหายตัวไปครึ่งปีเต็มๆ แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นไม่กี่เดือนก่อนในนครต้องห้ามยังมีข่าวลือว่าเจ้าตายแล้ว เพราะฉะนั้น…”
ไม่ต้องพูดจนจบ แต่ความหมายที่ซ่อนอยู่นั้นชัดเจนมากแล้ว
เวลาครึ่งปีอาจจะดูสั้น แต่สำหรับเหล่าขุมอำนาจตระกูลทรงอิทธิพลในนครต้องห้ามแล้ว การหายตัวไปของหลินสวินดึงดูดความสนใจอย่างไม่ต้องสงสัย
เหตุผลก็ง่ายมาก ในนครต้องห้าม หลินสวินเป็นปฐมาจารย์สลักวิญญาณที่มีชื่อเสียงสะเทือนทั่วหล้า เป็นเจ้าของภูเขาชำระจิต ยิ่งเป็นผู้กล้าที่แข็งแกร่งและโดดเด่นที่สุดแห่งยุค
ผู้กล้าที่สะดุดตาไร้ที่เปรียบราวกับปีศาจอสูรเช่นนี้ จู่ๆ ก็หายไปนานครึ่งปีเต็ม ทั้งยังมีข่าวที่เชื่อถือได้อ้างว่าเขาตายในส่วนลึกของทะเลกลืนวิญญาณ
ในสถานการณ์เช่นนี้ย่อมกระตุ้นความสงสัยและปฏิกิริยาตอบสนองจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะกับพวกศัตรู แน่นอนว่าต้องกระเหี้ยนกระหือรือขึ้นมาเพราะเหตุนี้
นี่ก็คือใจคน!
หลินสวินยกยิ้มเย็นเยียบตรงมุมปาก นัยน์ตาดำยิ่งดูลึกล้ำ
เขารู้ดีว่าตราบใดที่ตนยังอยู่ในนครต้องห้าม ก็ไม่มีใครกล้าแตะต้องตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิต แม้แต่พวกตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงก็ไม่กล้าแตกหักกับเด็กหนุ่มปฐมาจารย์สลักวิญญาณที่สามารถหลอมชุดศึกสลักวิญญาณอย่างตน!
ยิ่งไปกว่านั้น ราชวงศ์ก็คงไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอย่างแน่นอน เพราะผู้ยิ่งใหญ่ลึกลับในราชวงศ์ท่านนั้นได้ให้คำมั่นสัญญาแล้วว่าจะให้การสนับสนุนหลินสวินเงียบๆ
ตามเหตุผลแล้วตระกูลรองทั้งสามอย่างธารประจิม คานเมฆาและยอดวายุ ก็ทำได้เพียงกล้ำกลืนความเจ็บช้ำใจ
แต่หากหลินสวินตายไปแล้ว ทุกอย่างก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลง คนจากไปชาก็เย็น น้ำใจที่มนุษย์มีต่อกันก็มีเพียงเท่านี้
เหตุใดสัตว์ประหลาดเฒ่าที่ควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างในตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงจึงปรากฏตัวน้อยมาก
เหตุผลแรกเพราะต้องปิดด่านฝึกปราณ แต่เหตุผลที่สำคัญกว่าคือ การมีสัตว์ประหลาดเฒ่าเช่นนี้ควบคุมสถานการณ์ จึงจะสามารถสยบรอบทิศ เป็นเสาหลักของตระกูล
คำว่าบ้านขาดเจ้าของไม่ได้ แคว้นขาดกษัตริย์ไม่ได้ก็เป็นเช่นนี้
มู่หวั่นซูไม่ได้พูดถึงรายละเอียดอะไรมาก แต่หลินสวินก็เข้าใจว่าสถานการณ์ของตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตในตอนนี้ไม่ดีนัก
“ลองนับเวลาดูแล้ว ก็ได้เวลาจัดการภัยเงียบที่มีอยู่ของตระกูลหลินแล้ว…”
หลินสวินยืนอยู่บนดาดฟ้า เสื้อผ้าโบกสะบัดไปตามสายลมจนเกิดเสียงดัง สีหน้าไร้อารมณ์ นัยน์ตาดำไม่ยินดียินร้าย
มู่หวั่นซูที่อยู่ข้างๆ รู้สึกหายใจไม่ออกอย่างไม่ทราบสาเหตุ แน่นหน้าอกเหมือนถูกพลังที่มองไม่เห็นบีบคั้น
นี่ทำให้นางหัวใจกระเพื่อมไหว ตระหนักได้ว่าเด็กหนุ่มที่หายไปจากภูเขาชำระจิตครึ่งปีเต็มตรงหน้าคนนี้โกรธจริงๆ แล้ว
นครต้องห้าม…
จะต้องเกิดคลื่นลมที่ไม่อาจคาดการณ์ได้อย่างแน่นอน!
……
ครึ่งวันหลังจากนั้น หน้าประตูใหญ่ฝั่งตะวันออกของนครต้องห้าม
ยานสำเภาลำหนึ่งเคลื่อนตัวลงจากฟ้า หลินสวินในชุดสีขาวพระจันทร์เงยหน้าขึ้นมองประตูเมืองเก่าแก่สูงตระหง่านที่จากมาครึ่งปี พลันอดสูดหายใจเข้าลึกๆ ไม่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์