อวดอ้างยิ่งนัก!
เมื่อได้ยินความเห็นเช่นนี้ นครต้องห้ามก็เกิดเสียงอึกทึกครึกโครมขึ้นอีก ผู้ฝึกปราณบางคนดูแคลนการแสดงออกเช่นนี้ คิดว่าพูดจาเกินจริง หลินสวินเด็กหนุ่มน้อยๆ คนหนึ่ง จะคู่ควรกับคำสรรเสริญใหญ่โตเช่นนี้ได้อย่างไรกัน
แต่การดูแคลนเช่นนี้กลับถูกผู้อื่นเย้ยหยัน คิดว่าพวกเขาอิจฉาริษยา เป็นพวกองุ่นเปรี้ยว
ผู้ฝึกปราณส่วนมากก็ยังยอมรับความเห็นเช่นนี้
ตั้งแต่หลินสวินเข้ามายังนครต้องห้าม กระทั่งตอนนี้ก็แค่สามปีเท่านั้น แต่กลับสร้างปาฏิหาริย์ไม่รู้ตั้งเท่าไร ประสบความสำเร็จดึงดูดสายตาไม่รู้กี่ครั้ง
เด็กหนุ่มปฐมาจารย์สลักวิญญาณ
อาจารย์สำนักศึกษามฤคมรกต
เจ้าแห่งภูเขาชำระจิต
…เหนือหัวของเขาปกคลุมไปด้วยรัศมีมากมาย กระทั่งตอนนี้ เขาใช้ทวนเล่มเดียวมอบความตายให้กับมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติหกคน ทำให้ตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงจั่วและฉินสองตระกูลปราชัยกลับไป ผู้กล้ารุ่นเยาว์เช่นนี้ จะไม่คู่ควรกับคำสรรเสริญเช่นนี้หรือ
คุณชายไร้เทียมทาน อำนาจทั่วนครหลวง!
หลินสวิน… คู่ควร!
เมื่อมีคนยินดีก็ต้องมีคนเศร้าใจ ณ ตระกูลจั่วและฉินกลับเงียบเหงาอึมครึม ตามข่าวซุบซิบ เมื่อฉินชางเจี่ยกลับถึงตระกูล ก็ทำลายถ้วยชาล้ำค่าไปไม่รู้เท่าไร ทำให้ทั้งตระกูลฉินล้วนเงียบเชียบราวจิ้งหรีดเหมันต์
และก็มีข่าวซุบซิบว่า ยามผู้อาวุโสท่านหนึ่งของตระกูลจั่วปิดด่านเก็บตัว เกือบโมโหจนธาตุไฟเข้าแทรก ทำให้เบื้องบนตระกูลจั่วตกใจกระเจิดกระเจิงไปหมด
แต่ไม่ว่าอย่างไร ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากความวุ่นวายครั้งนี้ ก็เริ่มพัฒนาและปรากฏอานุภาพ กำลังกระจายจากนครต้องห้ามไปยังทั้งจักรวรรดิและทั่วใต้หล้าแล้ว!
……
และขณะเดียวกันกับที่คลื่นมหึมาเดือดพล่านครึกโครมนี้กำลังดำเนินไป พวกหลินสวิน หลินจงกลับถูกจ้าวไท่ไหลพามายังสถานที่เงียบเชียบห่างไกลถึงที่สุดแห่งหนึ่ง
ที่แห่งนี้มีนามว่า เรือนโอบดารานิทราบุหลัน
ชื่ออันเต็มไปด้วยกลิ่นอายเหนือธรรมดาไม่ยึดติดกับโลกนี้เป็นชื่อของ…ร้านอาหาร
โอบดารา นิทราบุหลัน เกรงว่านี่จะมีเพียงเซียนถึงสามารถเป็นอิสระและไม่ยึดติดเช่นนี้ได้ แต่ที่นี่กลับเป็นร้านอาหารร้านหนึ่ง
เถ้าแก่ร้านอาหารเป็นผู้อาวุโสตัวเล็กที่เส้นผมบางตา ร่างผอมกะหร่อง ทั้งยังขี้โมโห ไม่เกี่ยวข้องกับเซียนเลยแม้แต่น้อย
เขาถูกจ้าวไท่ไหลเรียกว่า ‘เฒ่าโดดเดี่ยว’
พูดง่ายๆ ก็คือ เป็นตาเฒ่าที่โดดเดี่ยวไม่สุงสิงกับใครผู้หนึ่ง
เมื่อเห็นพวกจ้าวไท่ไหล เฒ่าโดดเดี่ยวก็กลอกตา แสดงสีหน้าชิงชัง ตะคอกด่าา “คนติดหนี้มากินข้าวโดยไม่เสียเงินอีกแล้วหรือ”
จ้าวไท่ไหลหัวเราะคิกคัก ตบหน้าอกอย่างลำพองแล้วเอ่ยว่า “ครั้งนี้มีคนจ่าย ยกอาหารที่เจ้าถนัดที่สุดมาให้พวกเราโต๊ะหนึ่ง”
เฒ่าโดดเดี่ยวร้องหึหยันแล้วมุดเข้าไปในครัว ทำกับข้าวเสียงดังเคร้งๆ
‘เจ้าหนูเจ้าจำเขาไว้นะ’
จ้าวไท่ไหลยิ้มอย่างมีเลศนัย สื่อจิตบอกหลินสวิน ‘นี่เป็นถึงสัตว์ประหลาดเฒ่าเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ละทิ้งมหามรรค มาฝึกตนเองตามลำพังที่ข้าแนะนำเชียวนะ อย่ามองว่าเขาไม่มีพลังปราณเลยสักนิด ในโลกชั้นล่างนี้ไม่มีใครฆ่าเขาได้’
หลินสวินตระหนก เดิมทีเขาไม่สนใจเฒ่าโดดเดี่ยวนัก แต่คำพูดนี้ของจ้าวไท่ไหล กลับทำให้เขารับรู้ได้ว่านี่เป็นคนยอดเยี่ยมผู้หนึ่ง
ละทิ้งมหามรรค ฝึกตนเองตามลำพัง!
เพียงจุดนี้ก็ทำให้หลินสวินตื่นตะลึงได้แล้ว
เขาอดใจถามไม่ได้ว่า ‘อริยะก็ไม่ได้หรือ’
จ้าวไท่ไหลส่ายหัว ‘ไม่แน่ใจ แต่ที่ข้าบอกเจ้าได้ก็คือ ตาแก่นี่เคยเผลอพูดว่า อริยมรรคที่พูดถึงในโลกปัจจุบัน ยังไม่เท่าวิชา ‘ฝึกตนเอง’ ของเขา แน่ล่ะ เขาอาจจะโม้ก็ได้’
หลินสวินอึ้งไป
ไม่นานนักสำรับอาหารก็ถูกยกขึ้นมาเต็มโต๊ะ หน้าตาพูดไม่ได้ว่าดี แต่ก็ไม่ถึงกับแย่ ทว่ากลับล้วนเป็นอาหารที่หลินสวินไม่เคยเห็นมาก่อน
ก็เห็นว่าจ้าวไท่ไหลสองตาเปล่งประกาย พอได้จับตะเกียบก็กินอย่างตะกละตะกลาม กินไปเอ่ยไปอย่างตื่นเต้นว่า “เร็วเข้าๆๆ รีบกินสิ ทั้งชีวิตข้าเพิ่งได้กินสำรับที่ตาแก่นี่เป็นคนปรุงเป็นครั้งที่สาม”
เมื่อเห็นว่าเขาพูดอย่างอวดอ้างและจริงจังเช่นนี้ ทันใดนั้นพวกหลินสวิน หลินจง เสี่ยวเคอ จูเหล่าซาน หลิวไหวหย่วนก็ลงมืออย่างไม่ลังเล
เพียงคำเดียวก็ทำให้หลินสวินดวงตาแข็งทื่อ จิตใจสั่นระรัว ปลายลิ้นเหมือนปลดปล่อยต่อมรับรสทั้งหมด รสชาติเลอเลิศบอกไม่ถูกปะทุไปทั่วร่าง
อร่อยยิ่งนัก!
เดิมทีหลินสวินคิดจะถามว่าสำรับบนโต๊ะนี้มีชื่อว่าอะไร อีกทั้งใช้เครื่องปรุงและวัตถุดิบอะไรกันแน่
แต่ตอนนี้เขากลับไม่อาจสนใจสิ่งเหล่านี้ได้ ก้มหน้าก้มตากินอย่างบ้าคลั่งเหมือนจ้าวไท่ไหล
หลินจง เสี่ยวเคอ จูเหล่าซาน และหลินไหวหย่วนที่อยู่ข้างกันก็เป็นเช่นนี้ แต่ละคนก้มหน้าก้มตากินเหมือนคนหิวโซ
ในชั่วขณะหนึ่ง ห้องนั้นก็เหลือเพียงเสียงเคี้ยวอาหาร ดูแปลกประหลาดนัก
ที่ต้องรู้ก็คือ ผู้ที่อยู่ในห้องนั้นไม่มีใครไม่เคยเปิดหูเปิดตารู้เรื่องราวในโลก ทั้งในด้านการฝึกปราณยังทะลวงถึงระดับสูงยิ่งนานแล้ว ไม่กินอาหารก็อยู่ได้
แต่ตอนนี้ แต่ละคนกลับกินอย่างตะกละตะกลาม พาให้คนตกตะลึง
ครู่หนึ่งผ่านไป
สำรับอาหารทั้งโต๊ะถูกกินจนหมดเกลี้ยง จ้าวไท่ไหลเม้มปาก รู้สึกว่ายังไม่หนำใจ ถอนใจแล้วเอ่ยว่า “ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรถึงจะได้กินอาหารรสเลิศเช่นนี้อีก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์