ตอนที่ 674 – ตอนที่ต้องอ่านของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
ตอนนี้ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 674 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
อาทิเช่น การจัดตำแหน่งงานของคนตระกูลหลินทุกคนหลังจากรวมขุมอำนาจตระกูลหลินสายรองเข้าเป็นหนึ่ง นี่เป็นเรื่องที่ยุ่งยากวุ่นวายอย่างยิ่งเรื่องหนึ่ง
ผลประโยชน์ที่เกี่ยวโยงกับตระกูลหลินสายรองต้องจัดการอย่างเหมาะสม หาไม่แล้วจะเป็นการฝังปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ไว้มากมาย
หลินสวินมอบอำนาจเต็มในการจัดการเรื่องนี้แก่หลินจง ให้เขาหารือกับคนชั้นแนวหน้าของตระกูลรองอื่น
นอกจากนี้ยังมีการจัดแจงเรื่องการอบรมบ่มเพาะคนตระกูลหลินรุ่นเยาว์ การแก้ไขกฎระเบียบตระกูล ขยายและสร้างความมั่นคงให้กับแผนการบางอย่างของภูเขาชำระจิต…
และอีกมากมาย เหล่านี้เป็นเรื่องที่ตระกูลใหญ่ต้องเผชิญ หากไม่จัดการให้ดี ภายหลังไม่ช้าก็เร็วจะเกิดปัญหาได้
ยังดีที่เรื่องนี้หลินสวินเพียงต้องเตรียมกรอบใหญ่ไว้ให้กรอบหนึ่ง เรื่องที่เป็นรูปธรรมมอบให้ผู้อื่นไปทำก็พอแล้ว
และก็เป็นตอนนี้เอง ที่หลินสวินได้ประกาศอย่างชัดเจนว่า ไม่แน่ว่าอีกไม่นานเท่าไรตัวเขาก็จะจากไปยาวๆ ช่วงหนึ่ง ส่วนการพัฒนาตระกูลหลินในภายภาคหน้า รวมถึงตำแหน่งผู้นำตระกูลหลิน ภายหน้าย่อมต้องมอบให้คนในตระกูลสักคนมาครอบครอง
พร้อมกันนั้นหลินสวินก็แจ้งเงื่อนไขการช่วงชิงตำแหน่ง ‘ผู้สืบทอด’ ตระกูลหลิน บ่งชี้โดยกระจ่างว่าในกำหนดเวลาสิบปี จะเลือกผู้สืบทอดที่สามารถแบกรับหน้าที่ยิ่งใหญ่ของตระกูลหลินได้ จากคนตระกูลหลินสายรองทั้งสี่!
ภายในสิบปี คนในสายรองทั้งสี่สามารถเข้าร่วมแข่งขันได้ แต่ผลลัพธ์สุดท้าย จะต้องให้หลินจงตัดสินใจ
ส่วนหลินจง จะควบคุมอาสัญสลายอาวุธสำคัญประจำตระกูล เมื่อเลือกผู้สืบทอด เขาจะทำหน้าที่เป็นผู้ปกป้องประจำตระกูล ช่วยเหลือผู้นำตระกูลคนใหม่อย่างเต็มที่!
เรื่องนี้มีความเกี่ยวพันมากมาย เป็นการตัดสินใจที่หลินสวินกับหลินจงปรึกษากันเนิ่นนานถึงชี้ขาดออกมา
ช่วยไม่ได้ หลินสวินย่อมไม่สามารถบัญชาการภูเขาชำระจิตไปตลอดชีวิต เขายังมีเรื่องมากมายต้องไปสะสาง ในสถานการณ์เช่นนี้ ใช้เวลาสิบปีมาเลือกผู้นำตระกูลคนใหม่มาควบคุมสถานการณ์โดยภาพรวมของตระกูลหลิน เป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
และเมื่อได้รู้ข่าวนี้ คนในตระกูลสายรองก็อึกทึกครึกโครมโดยสมบูรณ์แล้ว ทุกคนแทบจะทำใจเชื่อไม่ได้
แม้แต่หลินเป่ยกวง หลินซีซี หลินอวิ๋นเหิง คนใหญ่คนโตรุ่นอาวุโสเหล่านี้ก็ล้วนนิ่งอึ้งอยู่เช่นนั้น
ใครก็ไม่คิดว่า หลินสวินเพิ่งเข้าควบคุมตระกูลหลิน ก็เริ่มวางแผนจัดแจงเรื่องผู้สืบทอดแล้ว
นี่พิสูจน์ได้อย่างไม่ต้องสงสัยว่า ในใจหลินสวิน เขาไม่ได้มีความละโมบอยากได้ตำแหน่งผู้นำตระกูลหลินเลย!
นี่ทำให้คนชั้นแนวหน้าหลายคนมีสีหน้าอ่านยาก หากรู้อย่างนี้ก่อน ก่อนหน้านี้ใครจะคิดต่อต้านหลินสวินเล่า
ทั้งหมดนี้ล้วนผิดที่พวกเขาให้ความสำคัญกับการแก่งแย่งอำนาจมากเกินไป!
แต่สำหรับคนในตระกูลหลินสายรองเหล่านั้นแล้ว ทุกคนล้วนตื่นเต้น เลือดในกายพลุ่งพล่าน เต็มไปด้วยปณิธานต่อสู้!
ตระกูลหลินในตอนนี้มีชื่อเสียงสะเทือนนครต้องห้ามแล้ว อานุภาพราวอาทิตย์เที่ยงวัน ขนาดขุมอำนาจตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงก็ไม่กล้าล่วงเกินง่ายๆ อีก
พูดได้ว่า ขอเพียงไม่เกิดภัยพิบัติร้ายแรงใด ไม่ช้าก็เร็วสักวันหนึ่ง ตระกูลหลินต้องขยับไปอยู่ในหมู่ตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงอีกครั้งแน่!
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากใครสามารถควบคุมอำนาจใหญ่ของตระกูลหลิน กลายเป็นนายแห่งภูเขาชำระจิตนี้ได้ เช่นนั้นจะต่างอะไรกับหนึ่งก้าวทะยานฟ้าเล่า!
ในนครต้องห้ามแห่งนี้ ก็เป็นคนที่สามารถทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนยำเกรง สามารถทัดเทียมกับบุคคลชนชั้นสูงที่แท้จริง!
และตำแหน่งนี้ก็จะถือกำเนิดจากตระกูลสายรอง แม้เวลาสิบปีไม่ถือว่าสั้น แต่ใครจะสงบใจได้กัน
แม้แต่หลินไหวหย่วนยังจิตใจปั่นป่วนไม่หยุดหย่อน
ส่วนบุคคลสำคัญอย่างหลินเป่ยกวง หลินซีซี และหลินอวิ๋นเหิง ก็เริ่มใคร่ครวญแล้วว่าในสิบปีนี้จะเคลื่อนไหวอย่างไรดี ถึงจะบ่มเพาะตัวเลือกสักคนหนึ่งจากในสายของตน ให้สามารถรับภาระใหญ่หลวงของตระกูลหลินได้
แต่พวกเขาต่างก็รู้ดีว่าการแข่งขันนี้จะต้องยากและดุเดือดแน่
ระหว่างพวกเขาสี่สายรอง ใครก็ไม่อาจทนเห็นอีกฝ่ายมีผู้สืบทอดที่ควบคุมอำนาจใหญ่ทั้งตระกูลหลินปรากฏตัวขึ้น!
และนี่ ก็เป็นเป้าหมายที่หลินสวินจัดแจงเช่นนี้ เขาต้องการให้สี่สายรองแข่งกัน!
มีเพียงทำเช่นนี้ถึงจะเลือกผู้สืบทอดที่สามารถควบคุมอำนาจใหญ่ของตระกูลหลินได้ จากการทดสอบและคัดเลือกในทุกๆ ขั้น
แน่นอนว่า ขณะเดียวกันหลินสวินก็จัดการให้หลินจงสั่งการในภาพรวม ควบคุมตรวจสอบทุกอย่างนี้ ทำเช่นนี้ก็เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเจตนาร้าย ขัดแย้งและทำร้ายกันเอง
……
หลังจากการประชุมตระกูลจบลง หลินสวินก็ไปยังหอบรรพชนหลังเขาชำระจิตคนเดียว ยืนอยู่หน้าป้ายบรรพชนตระกูลหลินตามลำพัง หยุดยืนนิ่งเงียบอยู่พักใหญ่
บนป้ายนั้นมีชื่อของปู่ทวดเต้าเฉิน และมีชื่อของบิดามารดา ท่านปู่ รวมถึงญาติมิตรทั้งหมด
ทั้งคุ้นเคยและแปลกหน้า
เพราะไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน
แต่หลินสวินรู้ว่าเขาหลอมรวมเข้ากับตระกูลหลินนานแล้ว ในฐานะลูกหลานตระกูลหลินสายตรง เรื่องบางเรื่องก็เป็นสิ่งที่เขาต้องทำอยู่ดี
อย่างเช่นแก้แค้นให้ท่านพ่อ ท่านแม่ และญาติมิตร!
……
เวลาพลบค่ำ ดวงอาทิตย์ยามสายัณห์สาดแสงราวอัคคี
ใกล้กับหอบรรพชนหลังเขา วิเวกวังเวงและเงียบเชียบ
ยามหลินสวินจะจากไป ก็พบหลินเทียนหลง หลินเนี่ยนซาน และหลินเฟยเฟิงที่ถูกกักขังอยู่ที่นี่
ทว่าจากคำพูดของเสิ่นทั่ว เรื่องนี้เป็นเรื่องเล็ก ทุกคนเข้าใจได้
เมื่อเกี้ยวสมบัติผ่านใจกลางนครต้องห้าม บนจอภาพวิญญาณมหึมานั้นกำลังฉายการต่อสู้ดุเดือดครั้งหนึ่ง
เด็กหนุ่มในชุดขาวพระจันทร์คนหนึ่งมือถือทวนยาวสีเทาเข้มยืนอยู่ในห้วงอากาศ ต่อสู้ดุเดือดกับมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติหกคน แสงเทพเปล่งประกายปะทะกัน ระเบิดออกเป็นคลื่นอากาศน่าหวาดหวั่น งดงามสะดุดตา
คนสัญจรไปมาหนาแน่นหยุดอยู่หน้าจอภาพวิญญาณ พากันเงยหน้าขึ้น ดวงตาจดจ้องการประลองครั้งนี้ตาไม่กะพริบ สีหน้าแต่ละคนตื่นเต้น กลั้นลมหายใจจดจ่อ ทั้งยังมีเสียงร้องแหลมด้วยความตกใจดังขึ้นตลอด
“นี่…”
หลินสวินอึ้งไป นี่ไม่ใช่การต่อสู้ที่ตนฟาดฟันกับพวกฉินเสวียนตู้ที่เป็นมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติหกคนหรอกหรือ
“ข่าวนี้เริ่มฉายตั้งแต่ครึ่งเดือนก่อนแล้ว ฉายซ้ำมาไม่รู้กี่ครั้ง แต่ทุกครั้งก็ยังดึงดูดให้คนนับไม่ถ้วนมาดูได้ดังเดิม เป็นความรุ่งเรืองที่ไม่เคยมีมาก่อน”
เสิ่นทั่วที่อยู่ข้างๆ อธิบาย สีหน้าของเขาแฝงความตื่นเต้น ต่อให้เป็นเขา ครั้งแรกที่ได้เห็นภาพจริงของการต่อสู้นี้ ก็สั่นสะท้านจนไม่อาจควบคุมได้
ส่วนในนครต้องห้ามตอนนี้ หากไม่เคยได้ยินเรื่องการประลองครั้งนี้ เช่นนั้นก็ไม่สมควรเป็นชาวนครต้องห้าม!
นี่ก็คืออิทธิพลของการต่อสู้นี้ จนกระทั่งปัจจุบัน ควันหลงก็ยังกระจายอยู่ และทำให้หลินสวินยิ่งถูกคนจำได้มากขึ้นโดยไม่รู้ตัว
คุณชายไร้เทียมทาน อำนาจทั่วนครหลวง!
คำสรรเสริญนี้พูดออกมาได้อย่างง่ายดายหรือ
ตอนนี้เพียงยกประโยคนี้ขึ้นมา แทบทุกคนล้วนนึกถึงชื่อหนึ่งโดยไม่ได้นัดหมาย…หลินสวิน!
ถึงกับว่า ตอนนี้ผู้ฝึกปราณในนครต้องห้ามมากมายล้วนกำลังพร่ำบ่น คิดว่าหลินสวินโด่งดังเกินไปแล้ว ไม่ว่าไปที่ไหน ไม่ว่าจะเป็นโรงเตี๊ยมโรงน้ำชา หรือในตรอกซอกซอย ที่ไหนๆ ก็ล้วนได้ยินเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหมอนี่
ถึงขั้นที่ว่าแม้แต่คณิกาในหอโคมเขียวต่างเขียนเพลงเกี่ยวกับหลินสวิน แข่งกันขับร้อง ทำให้ผู้อื่นกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“พี่เสิ่น ครั้งนี้เรียกข้าไปที่สำนักศึกษามฤคมรกต ตกลงมีเรื่องอะไรกันแน่”
หลินสวินชักสายตากลับมา สุดท้ายก็อดถามออกไปไม่ได้ ด้วยการร้องขออย่างแข็งขันของเสิ่นทั่ว เขาจึงเปลี่ยนวิธีเรียกขาน เริ่ม ‘เรียกพี่เรียกน้อง’ กับเสิ่นทั่ว
ในความคิดของเสิ่นทั่ว เพียงหลินสวินใช้ฐานะปฐมาจารย์สลักวิญญาณ ก็สามารถเป็นที่พึ่งให้นักสลักวิญญาณคนใดๆ ได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขาในตอนนี้ยังเป็นผู้กล้าไร้เทียมทานที่ ‘อำนาจทั่วนครหลวง’ ผู้หนึ่ง
หากให้หลินสวินเรียกเขาว่า ‘ผู้อาวุโส’ อีก เช่นนั้นก็เป็นการให้เกียรติเสิ่นทั่วเกินไปแล้ว เขารับไว้ไม่ไหว
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์