เสิ่นทั่วลังเลครู่หนึ่งค่อยกล่าว “ครั้งนี้เชิญเจ้ากลับมาสำนักศึกษาก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้อยู่บ้าง คิดขอให้เจ้าช่วยหน่อย”
หลินสวินเลิกคิ้วขึ้นโดยพลัน “ยังมีเรื่องที่สำนักศึกษามฤคมรกตจัดการไม่ได้อีกหรือ”
เสิ่นทั่วยิ้มขื่น “ครั้งนี้ต่างจากแต่ก่อน สถานการณ์ไม่ธรรมดาอยู่บ้าง”
ถัดจากนั้นเสิ่นทั่วจึงอธิบายเรื่องราวความเป็นมาพักหนึ่ง
ที่แท้เมื่อวานนี้ มีคนใหญ่คนโตผู้หนึ่งจากแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ซึ่งตั้งอยู่ในดินแดนรกร้างโบราณ พาบรรดาศิษย์รุ่นเยาว์ส่วนหนึ่งมาเยือนโลกชั้นล่าง และมายังสำนักศึกษามฤคมรกต
จุดประสงค์ของพวกเขาครานี้ คือหมายอาศัยช่วงก่อนที่โลกชั้นล่างจะเกิด ‘พิบัติมหามรรค’ คัดเลือกกล้าพันธุ์ดีที่พลังแฝงเป็นเลิศคนหนึ่งจากสำนักศึกษามฤคมรกต และพาไปฝึกปราณยังแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์
เดิมทีนี่น่าจะเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง แต่ที่น่าอักอ่วนคือ ก่อนหน้านี้ศิษย์ผู้มีพรสวรรค์โดดเด่นส่วนหนึ่งในสำนักศึกษามฤคมรกต ได้รุดหน้าไปยังดินแดนรกร้างโบราณอยู่ก่อนแล้ว
เฉกเช่นกู้อวิ๋นถิงที่เคยประชันกับหลินสวิน หรืออย่างเหล่าผู้มากสามารถรุ่นเยาว์อย่างซ่งอี้ ไป๋หลิงซี จ้าวหยิน บัดนี้ต่างไม่อยู่ในสำนักศึกษามฤคมรกตนานแล้ว
ปัจจุบันศิษย์ที่ยังคงอยู่ในสำนักศึกษามฤคมรกตแม้ไม่ขาดแคลนผู้มีความสามารถและมพรสวรรค์ แต่เปรียบเทียบกันแล้วประสิทธิภาพกลับค่อนข้างด้อยกว่าบ้าง
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ผู้มาจากแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ต่างผิดหวังพอควร และเกิดการดูถูกเหยียดหยามต่อสำนักศึกษามฤคมรกต
เดิมทีนี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
แต่ในวันนี้ ศิษย์ส่วนหนึ่งในสำนักศึกษามฤคมรกตกลับเกิดความขัดแย้งกับผู้สืบทอดของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์
กล่าวถึงตรงนี้หว่างคิ้วเสิ่นทั่วเจือความอึมครึมวูบหนึ่ง ยิ่งมีความคับแค้นและโทสะเหลือจะเอ่ยประการหนึ่ง “เจ้าพวกนั้นกำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว เห็นศิษย์สำนักศึกษาเราเป็นมดปลวก คำพูดเย่อหยิ่งและสบประมาทถึงที่สุด ไม่เกรงใจแม้แต่น้อย”
“หลังจากนั้นศิษย์ในสำนักศึกษาไม่พอใจ ก็เลยเกิดการปะทะกับพวกเขาหรือ” หลินสวินกล่าวถาม
“ไม่ผิด เรื่องเกี่ยวกับเกียรติยศอัปยศ ใครจะสามารถระงับอารมณ์ลงได้เล่า”
เสิ่นทั่วสีหน้าอึมครึม เขาอายุปูนนี้แล้วยังถูกทำให้โกรธจนเป็นอย่างนี้ เห็นได้ว่าความโอหังของพวกผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์นั่นกำเริบเสิบสานมากเพียงใด
หลินสวินเข้าใจโดยส่วนใหญ่แล้ว ก่อนกล่าวหยั่งเชิง “ในการปะทะครานี้ บรรดาศิษย์เหล่านั้นของสำนักศึกษาเราคงจะไม่…”
เสิ่นทั่วสีหน้าเปลี่ยนเป็นเก้กังยิ่ง พยักหน้าขมขื่น “ไม่ผิด ล้วนแพ้หมด แพ้จนยับเยินไม่เป็นท่า”
ถูกคนดูแคลนและดูถูกก่อน จากนั้นจึงถูกคนที่ดูถูกตนเองเอาชนะในการปะทะ… ความรู้สึกนี้ช่างทำให้คนอึดอัดและอับอายเกินไปแล้ว
ชั่วขณะเดียวหลินสวินก็เข้าใจอารมณ์ของเสิ่นทั่ว ก่อนตบบ่าเขากล่าวปลอบใจ “ท่านก็อย่าได้คิดมาก อย่างไรเสียนั่นก็เป็นผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ ไม่ว่าจะยอมรับหรือไม่ ศักยภาพของพวกเขาก็แข็งแกร่งยิ่งจริงๆ”
เขาเคยประสบพลังที่แท้จริงของพวกเซียวหรัน ซูซิงเฟิง กงหยางอวี่ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ ย่อมรู้ชัดว่าผู้สืบทอดสำนักโบราณเหล่านี้ไม่มีบุคคลธรรมดาสักคน
เทียบกับบรรดาศิษย์สำนักศึกษามฤคมรกตเหล่านั้น ท้ายที่สุดก็ย่อมเห็นถึงความด้อยกว่าบางส่วน
นี่ใช่ว่าหลินสวินหยามน้ำหน้า แต่เป็นตัวเขาเคยรู้ซึ้งด้วยตนเอง เทียบเคียงอยู่ในใจ แล้วตัดสินออกมาเป็นความจริงเช่นนี้
แต่พอได้ยินคำพูดปลอบใจของหลินสวิน สีหน้าเสิ่นทั่วยิ่งงุ่มง่ามและคับแค้นกว่าเดิม ครู่ใหญ่จึงกล่าว “ศิษย์ของสำนักศึกษาเราหากพ่ายในมือผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ นั่นก็ช่างมันเถอะ แต่ครั้งนี้ผู้ลงมือเป็นแค่ผู้ติดตามข้างกายผู้สืบทอดพวกนั้น…”
หลินสวินชะงักงัน อดไม่ได้ที่จะลอบถอนใจ ศิษย์สำนักศึกษามฤคมรกตผู้สง่าผ่าเผย คนไหนบ้างไม่ใช่ผู้พร้อมสรรพซึ่งคัดเลือกจากการทดสอบทรหดหลายชั้น อย่างการทดสอบระดับอำเภอ การทดสอบระดับจังหวัด การทดสอบระดับมณฑล การทดสอบระดับอาณาจักร
กล่าวได้ว่า บรรดาศิษย์เหล่านั้นเป็นตัวแทนกลุ่มคนรุ่นเยาว์แห่งจักรวรรดิซึ่งมีพรสวรรค์และพลังแฝงที่สุด เป็นเสาหลักในอนาคตของจักรวรรดิ
แต่บัดนี้เมื่อบรรดาศิษย์เหล่านี้เผชิญหน้ากับการยั่วยุและดูถูก กลับยังสู้ไม่ได้แม้แต่ข้ารับใช้ข้างกายของอีกฝ่าย ทั้งยังพ่ายแพ้จนยับเยินไม่เป็นท่า นี่…
เห็นได้ว่าน่าอัปยศอดสูและเสียหน้าเกินไปแล้ว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์