หลูเหวินถิงสีหน้าถมึงทึง ดวงตาทั้งสองดุจเปลวเพลิงร้อนระอุ คำราม “คนล่ะ แม่งเอ๊ย! ก่อนหน้านี้ข้าบอกว่าอย่างไร ไม่ว่าอย่างไรให้พวกเจ้าคุ้มครองคุณชายหลินให้ดี แต่ตอนนี้พวกเจ้ากลับหนีเอาตัวรอด! คิดว่าข้าหลูเหวินถิงไม่กล้าฆ่าคนจริงๆ หรือ”
น้ำเสียงราวฟ้าร้องกัมปนาทแทบพลิกตลบหลังคา ทหารยามทั้งหมดนอกห้องตกใจจนสั่นเทาไม่หยุด พวกเขาเพิ่งเคยเห็นหลูเหวินถิงมีโทสะถึงเพียงนี้เป็นครั้งแรก
ภายในห้องพวกหูทงสีหน้ากระอักกระอ่วนก้มหัว บนใบหน้าเจือแววละอาย
“หูทง เจ้าอยู่ก่อน คนอื่นไสหัวไปให้หมด!”
หลูเหวินถิงรู้ว่ามัวแต่โกรธเช่นนี้หาใช่หนทางไม่ เรื่องเร่งด่วนคือต้องรีบเข้าใจสถานการณ์แล้วกู้คืนแก้ไข
หลังพวกอาปี้และหยางสยงจากไป หูทงสูดหายใจลึกบอกเล่าเรื่องราวยามไปทำภารกิจที่หุบเขาพยัคฆ์ออกมาทั้งหมด
เฮือก!
เมื่อได้ยินว่าหลินสวินใช้ธนูยักษ์โจมตีผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทหลายคนบาดเจ็บสาหัสติดต่อกัน อานุภาพยิ่งใหญ่สะท้านขวัญ หลูเหวินถิงก็อดสูดหายใจเย็นเยียบไม่ได้
และเมื่อรู้ว่าเพื่อให้พวกหูทงมีเวลาหนี หลินสวินเลือกจะอยู่ต่อเพียงลำพัง สกัดกั้นผู้แข็งแกร่งเผ่าพ่อมดเถื่อนซึ่งไล่สังหารพวกนั้น หลูเหวินถิงก็หน้าเปลี่ยนสีไปอีกครา ใจพลันกระตุกวูบ
“มิน่าล่ะพวกเจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ ยังสามารถวิ่งกลับมาถึงค่ายได้…”
หลูเหวินถิงเหล่มองหูทงปราดหนึ่ง ก่อนหน้านี้เขาก็เห็นแล้วว่ายามพวกหูทงหวนกลับมา แต่ละคนล้วนบาดเจ็บหนักแทบทั้งสิ้น ทั่วร่างอาบโลหิต ที่สามารถมีชีวิตรอดกลับมายังค่ายได้ช่างเป็นปาฏิหาริย์อย่างหนึ่ง
แต่หลังทราบสาเหตุของเรื่องนี้ หลูเหวินถิงถึงตระหนักได้ว่าที่พวกหูทงสามารถหอบชีวิตกลับมาได้ เป็นเพราะมีหลินสวินสกัดกั้นศัตรูบนสมรภูมิให้ทั้งสิ้น!
หูทงสูดหายใจลึก กัดฟันคุกเข่าลงกับพื้นพลางกล่าว “ชีวิตนี้ของข้าเป็นคุณชายหลินมอบให้ กลับมาครานี้คิดขอความช่วยเหลือจากใต้เท้าหลู ขอท่านส่งตัวยอดฝีมือไปช่วยคุณชายหลิน หากเขาตายในสมรภูมิ ข้าคงอยู่ในความเสียใจละอายทรมานชั่วชีวิต!”
“พูดเรื่องซังกะบ๊วยพวกนี้ให้น้อยหน่อย ครั้งนี้หากคุณชายหลินเกิดเรื่อง อย่าว่าแต่เจ้ากับข้า แม้แต่แม่ทัพจ่างซุนล้วนต้องติดร่างแห!”
หลูเหวินถิงแค่นเสียงหนึ่งก่อนรีบเร่งจากไป
เขาร้อนใจดั่งเพลิงผลาญ รู้ว่าเรื่องนี้ไม่อาจล่าช้าเด็ดขาด หากว่าเจ้าหนูนั่นเกิดพลาดพลั้งอะไรขึ้น ด่านใต้เท้าราชันกระหายเลือดนั่นคงผ่านได้ยากแล้ว…
“แม้แต่แม่ทัพจ่างซุนล้วนพลอยติดร่างแห?”
หูทงหวาดผวา เพิ่งตระหนักว่าที่มาของคุณชายหลินนั่นดูเหมือนจะน่ากลัวยิ่งกว่าที่เขาจินตนาการ
หลังจากนั้นไม่นาน ในกระโจมแม่ทัพขั้นสูงสุดแห่งค่ายหมายเลขเจ็ดมีเสียงคำรามดั่งอสนีพิโรธดังออกมา “หลูเหวินถิง เจ้าเด็กนั่นมาวันแรก เจ้าก็หาเรื่องใหญ่มาให้ข้าแล้ว! เจ้านี่มันเป็นหัวหน้ากองพลาธิการจนปัญญาอ่อนแล้วรึ ใครใช้ให้เจ้าส่งเด็กนั่นไปโรมรันกลางสมรภูมิ! หา!”
ทั้งอาณาบริเวณทั่วค่ายหมายเลขเจ็ด ผู้ฝึกปราณแห่งจักรวรรดินับไม่ถ้วนต่างหยุดกระทำการในมือ ใจสั่นสะท้านอยู่บ้าง แม่ทัพจ่างซุนเป็นอะไรไป ทำไมถึงส่งเสียงโกรธแค้นราวอสนีบาตเช่นนี้
“ทหาร! ระดมพลขึ้นเรือรบดำเกิงเหินลำหนึ่งมุ่งหน้าไปหุบเขาพยัคฆ์พร้อมข้า! ใครแม่งกล้าล่าช้าเสียเวลา ข้าจะปลิดชีพพวกมัน!”
ไม่นานนักตามหลังเสียงคำรามสะท้านฟ้า เงาร่างสูงสง่าผ่าเผยของจ่างซุนเลี่ยทะลวงขึ้นเหนือเมฆ ราวควันสงคราม แผ้วพานวายุเมฆา
ทันใดนั้นทั้งค่ายต่างอึกทึกครึกโครม ผู้ฝึกปราณแห่งจักรวรรดิมากมายถูกเรียกระดมพลอย่างรวดเร็ว ก้าวขึ้นเรือรบดำเกิงเหินขนาดใหญ่ของจักรวรรดิพร้อมจ่างซุนเลี่ย ไอสังหารพุ่งทะยานแผ่ซ่านทั้งค่าย
ผู้ฝึกปราณมากมายเห็นเหตุการณ์นี้กับตาตนเองล้วนตกตะลึงอ้าปากค้าง เป็นคนใหญ่คนโตที่ไหนกันแน่ ถึงกับทำแม่ทัพจ่างซุนรีบเร่งกระวนกระวายเช่นนี้
…
หุบเขาพยัคฆ์ ปลายสุดของอุโมงค์ใต้ดิน
“ศรนภาคราม…”
ยามหลินสวินใช้ศรเทพสีดำซึ่งหยั่งถึงในมือ จิตวิญญาณพลันสั่นสะท้านครู่หนึ่ง เกิดอาการเจ็บแปลบราวดาบระเบิด
ขณะเดียวกันภาพอันน่าหวาดกลัวหนึ่งปรากฏขึ้นในสมอง
ส่วนลึกของหมู่ดาวอันกว้างใหญ่ไพศาล ศรเทพสีดำดอกหนึ่งวาบกะพริบส่งเสียงตูม พลันมีดาวดวงหนึ่งแตกสลายกลายเป็นฝุ่นผง
พลังทำลายล้างชั่วพริบตานั้นทำเอาหลินสวินมือเท้าเย็นเยียบ หนังหัวชาไปหมด
ยิงดาวแตกระเบิด?
เกรงว่าคงมีแต่อริยะอุบัติบนโลก จึงจะสามารถครองพลานุภาพล้นฟ้าเช่นนี้กระมัง
ไม่รอหลินสวินได้ตอบสนอง ภาพประหลาดสะเทือนใต้หล้าอีกภาพหนึ่งปรากฏขึ้นอีก ก็เห็นส่วนลึกของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ปรากฏสัตว์ปีศาจใหญ่มหึมาที่แบกตำหนักสำริดตัวหนึ่ง
สัตว์ปีศาจข้ามผ่านห้วงอากาศพุ่งแหวกหมู่ดาว ตำหนักสำริดบนหลังมันอบอวลไอคลุมครือ มองเห็นไม่ชัดเจน
แต่แค่เพียงภาพนี้ก็ทำให้หลินสวินหวั่นไหวอย่างบอกไม่ถูกแล้ว นี่ช่างเหมือนตำนานเทพในสมัยบรรพกาล คาดไม่ถึงโดยสิ้นเชิง
ท้องฟ้าดารายิ่งใหญ่ไพศาลระดับใด กวาดมองตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ใครเล่าจะสามารถปีนขึ้นฟ้าเหนืออวกาศได้
แต่บัดนี้กลับมีสัตว์ปีศาจแบกตำหนักสำริดเดินทะลวงผ่านอยู่ภายใน ไอคลุมครือไร้ขอบเขต ไม่รู้ทิศทางไปและหนทางกลับของมัน!
ตูม!
ศรเทพสีดำนั้นพลันปรากฏอีกครั้ง คล้ายหมายจู่โจมทำลายตำหนักสำริดบนหลังสัตว์ปีศาจนั่น
แต่ท้ายที่สุดกลับถูกคทาหยกสมปรารถนาลึกลับเจิดจรัสด้ามหนึ่งสกัดกั้นอย่างแรง ชั่วขณะพลันระเบิดเป็นแสงศักดิ์สิทธิ์ชวนประหวั่นไร้ขอบเขต ซัดดวงดาวที่อยู่ใกล้เคียงให้ดับสลายโดยพร้อมเพรียง!
ภาพเหตุการณ์มาถึงตรงนี้ก็พลันเลือนหายไป
แต่หลินสวินกลับเหงื่อกาฬไหลอาบทั่วร่าง หวั่นหวาดอยู่ในใจ นั่นต้องมีพลังระดับใดจึงสามารถทำได้ถึงขั้นนี้?
คทาหยกสมปรารถนาลึกลับเจิดจรัสนั่นออกมาจากมือผู้ใด
ตำหนักสำริดซึ่งอบอวลไอคลุมครือจะถูกจู่โจมสลายหรือไม่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์