ชายวัยกลางคนที่ผิวหนังคล้ำเขียวซึ่งเป็นผู้นำเอ่ยปาก ดวงตาสองข้างของเขาราวดวงตะวันเจิดจ้าสีเขียวสะกดวิญญาณ
เขามีนามว่ามู่หลิงเฟิง เป็นราชันกึ่งระดับผู้หนึ่งในเผ่าพ่อมดเถื่อน อยู่อันดับสี่สิบเจ็ดของกระดานรางวัลค่าหัวระดับราชันแห่งจักรวรรดิ พลังที่แท้จริงน่ากลัวกว่าหมานจิ่วที่ถูกหลินสวินฆ่าตายผู้นั้นเสียอีก
“ราชันเมฆาอสนีบัญชามาแล้วว่าครั้งนี้ต้องกำจัดเจ้าเด็กนั่น หาไม่แล้ว ภายหลังเขาจะต้องกลายเป็นบุคคลน่ากลัวที่ไม่อาจประเมินได้คนหนึ่งของจักรวรรดิมนุษย์แน่”
ชายชราทรงพลังที่หนวดเคราเผ้าผมเจิดจ้าราวทอง ผิวพรรณดั่งหล่อด้วยน้ำทองแดงที่อยู่ข้างๆ พูดเสียงขรึม
เขาเป็นราชันกึ่งระดับสายคนเถื่อนทองคำ มีนามว่าจินตู้เจิน
“ฆ่าเขาไม่ใช่เรื่องง่าย อย่าลืมสิ ในมือเขามีคันธนูและลูกศรที่สามารถสังหารราชันกึ่งระดับได้คู่หนึ่งอยู่!”
ชางหลันเสวี่ย ราชันกึ่งระดับสายคนเถื่อนวารีที่อยู่อีกด้านหนึ่งกล่าว นางเป็นคนงามที่รูปลักษณ์โดดเด่น ผมขาวราวหิมะ ทั้งร่างถูกน้ำและหมอกปกคลุมบดบัง ลึกลับและสง่างาม
“ไม่ต้องวิตกไป จากการวิเคราะห์ของราชันเผ่าข้า เด็กนี่อาศัยเพียงพลังปราณระดับหยั่งสัจจะไม่มีทางใช้อานุภาพของคันธนูและศรคู่นี้ได้อย่างเต็มที่หรอก”
มู่หลิงเฟิงที่เป็นผู้นำสีหน้ามั่นใจ พูดเสียงเรียบว่า “อีกอย่าง พลังของเขาอย่างมากก็ยิงได้เพียงดอกเดียว และนี่ก็เป็นโอกาสที่เราจะฆ่าเขา ขอเพียงหลบลูกศรของเขาได้ เรื่องที่เหลือก็ง่ายแล้ว”
“อิ๋งเชวี่ย นายน้อยราชวงศ์คนเถื่อนมืดหมายหัวมาแล้วว่าจะจับเป็นเจ้าเด็กนี่ พวกเราจะทำตามหรือไม่” จินตู้เจินนิ่วหน้าถาม
“ถ้ามีโอกาสก็ทำได้ แต่ถ้าไม่มีก็ฆ่ามันให้ตายไปเสีย!”
มู่หลิงเฟิงสูดลมหายใจลึก ดวงตาสีเขียวแผ่จิตสังหารน่าหวาดหวั่นออกมา “ครั้งนี้อย่าให้เด็กนี่หนีไปได้อีกเด็ดขาด!”
จินตู้เจินกับชางหลันเสวี่ยต่างพยักหน้า
หลินสือเอ้อร์ เด็กหนุ่มผู้ฝึกปราณเผ่ามนุษย์ที่เหยียบย่างเข้าสู่มกุฎมรรคาที่แข็งแกร่งที่สุด ปีศาจที่เคยใช้ท่าทางเย้ยฟ้าสังหารราชันกึ่งระดับผู้หนึ่ง และขณะเดียวกัน เขายังเป็นปฐมาจารย์สลักวิญญาณคนหนึ่งด้วย!
ไม่ว่าฐานะใดก็ล้วนมีเหตุผลเพียงพอให้พวกเขาปลิดชีพเขาโดยไม่สนราคาที่ต้องจ่ายทั้งปวง!
หาไม่แล้ว ทันทีที่ปีศาจเช่นนี้ผงาดขึ้นมา สำหรับพวกเขาเผ่าพ่อมดเถื่อนแล้วต้องเป็นหายนะที่ไม่อาจประเมินได้ครั้งหนึ่งแน่
“ไป!”
มู่หลิงเฟิงเริ่มเคลื่อนไหว
ครั้งนี้พวกเขาได้ยินข่าวก็มาถึงที่ เคลื่อนกำลังราชันกึ่งระดับถึงสามคน พูดได้ว่าเตรียมตัวอย่างพร้อมสรรพ จากจุดนี้ก็ดูออกว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับหลินสวินเพียงไหน ประหนึ่งปฏิบัติต่อเขาเป็นศัตรูตัวฉกาจไปแล้ว
หากภาพนี้กระจายออกไปสู่โลกภายนอก เกรงว่าจะก่อให้เกิดคลื่นใหญ่ทรงพลัง
อย่างไรเสียใครจะเคยเห็นว่าราชันกึ่งระดับถึงสามคนร่วมกันลงมือ และที่หมายต่อกรกลับเป็นเพียงเด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะผู้หนึ่งเล่า
นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!
…….
ยุ่งยากเสียแล้ว!
หลินสวินขมวดคิ้ว เขากำลังหลบหนี เงาร่างไหววูบไม่ว่างเว้น
บริเวณนี้หมอกเลือดอบอวลกว้างขวางราวไร้ที่สิ้นสุด แต่หลินสวินก็รู้ว่าด้านหลังของตนมีศัตรูกำลังตามมาอย่างกระชั้นชิดชนิดกัดไม่ปล่อยอยู่!
ที่ทำให้เขาหวาดหวั่นที่สุดก็คือ เขาต้องการสลัดคู่ต่อสู้ให้พ้นหลายครั้งแล้ว แต่ทุกครั้งกลับล้มเหลว!
‘ดูท่าจะเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับกึ่งราชันลงมือเสียแล้ว และมีเพียงพวกเขาถึงกล้าไล่ตามมาโดยไม่หวาดกลัวเช่นนี้ ไม่มีความคิดจะปกปิดร่องรอยเลยสักนิด’
หลินสวินสีหน้าหนักอึ้ง เขารับรู้การไล่ล่าเช่นนี้ได้ ไม่ใช่เพราะพลังของเขาแข็งแกร่งอะไร แต่เพราะอีกฝ่ายไม่ปกปิดจิตสังหารกับความเป็นปฏิปักษ์นั้นเลย!
ราชันกึ่งระดับ!
แม้หลินสวินเคยปลิดชีพหมานจิ่ว แต่นั่นเป็นการอาศัยอานุภาพของธนูวิญญาณไร้แก่นสารกับศรแห่งนภาคราม อีกทั้งหลังจากยิงออกไปดอกหนึ่งแล้ว ก็แทบจะสูบเอาพลังภายในกายของเขาไปจนหมด
ตอนนี้แม้พลังปราณของเขาบรรลุระดับหยั่งสัจจะขั้นสูง พลังภายในกายทรงพลังขึ้นกว่าแต่ก่อนกว่าหนึ่งเท่า แต่หากใช้ธนูวิญญาณไร้แก่นสารกับศรแห่งนภาครามโดยไม่สนใจสิ่งใด ขนาดตัวเขาเองก็ไม่กล้ารับรองว่าจะยิงดอกที่สองได้หรือไม่!
กระทั่งสายัณห์มาเยือน หลินสวินผู้หนีมาโดยตลอดสีหน้ายิ่งเคร่งขรึม เขาสามารถรับรู้ได้ว่าศัตรูที่อยู่ด้านหลังยิ่งใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว…
เงาร่างเขาวูบหาย สูดลมหายใจลึกแล้วโคจรไอซวนหนี หลบซ่อนอยู่ในโกรกธารหินผาแห่งหนึ่งที่ห่างออกไปหลายพันจั้ง
“กลิ่นอายของเจ้าเด็กนี่จู่ๆ ก็หายไปจากตรงนี้”
หลินสวินเพิ่งหลบหนีไปไม่นาน เงาร่างของราชันกึ่งระดับมู่หลิงเฟิง จินตู้เจิน และชางหลันเสวี่ยก็มาถึงในทันใด
พวกเขาไม่ได้ปิดบังกลิ่นอาย อานุภาพน่าพรั่นพรึงม้วนกระจายออกมาราวพายุ ขับไล่หมอกเลือดทั้งหมดที่อยู่บริเวณนั้นจนหมดไป
“ยังจำข่าวการต่อสู้ที่หุบเขาพยัคฆ์ครั้งก่อนได้ไหม ตอนนั้นเจ้าเด็กนั่นก็ใช้วิชาซ่อนเงาร่างอย่างหนึ่งหลบซ่อนตัว”
จินตู้เจินเอ่ยปากเสียงค่อย ดวงตาของเขาแผ่รังสีสองสายออกมา กวาดไปยังฟ้าดินบริเวณใกล้เคียงราวดวงระวีสีทองคู่หนึ่ง
“หากคาดเดาตามนี้ เขาก็แค่เล่นมุกเดิมเท่านั้นล่ะสิ น่าจะหลบอยู่ใกล้ๆ นี้”
จินตู้เจินพูดไม่ทันขาดคำก็สะบัดแขนเสื้อ ระลอกคลื่นสีทองน่ากลัวแผ่ออกมารอบทิศโดยมีตัวเขาเป็นศูนย์กลาง
ตูม!
ชั่วพริบตาห้วงอากาศทุกกระเบียดพังลงมา ผืนพสุธาแตกระแหงแผ่ขยายออกรอบทิศ หินผาที่อยู่ตามทางก็ถูกทำลายให้เป็นจุณราวเศษกระดาษ
เพียงชั่วพริบตาเท่านั้นบริเวณนี้ก็เหมือนระเบิดออก พลังน่าหวาดหวั่นทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี
นี่ก็คือราชันกึ่งระดับ!
แม้ไม่ใช่ราชันที่แท้จริง แต่เท้าข้างหนึ่งได้เหยียบย่างเข้าสู่ระดับราชันแล้ว อยู่เหนือระดับมหาเวท ฝีมือน่ากลัวไร้ขอบเขต
‘เหี้ยมนัก!’
หลินสวินที่ซ่อนตัวในความมืดหนาวยะเยือกในใจ ยิ่งรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของราชันกึ่งระดับ หากต้านทานซึ่งหน้า เขาไม่มีโอกาสชนะแต่อย่างใด!
สวบ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์