หลินสวินเสียบดาบหักลงไปในหินหยกอัศจรรย์ที่เปล่งแสงออกมากองนั้นโดยไม่ลังเล
ก็เห็นว่าดาบหักส่งเสียงดังฟู่ราวกำลังร้องเรียก คมดาบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายคลุมเครือ เริ่มดูดซับพลังชีวิตยิ่งใหญ่ในนั้นอย่างบ้าคลั่ง
หลินสวินก็อดยินดีปรีดาและเฝ้าคอยไม่ได้ เขามีลางสังหรณ์ว่าครั้งนี้ต่อให้ดาบหักไม่อาจแปรเปลี่ยนไปโดยสมบูรณ์ อย่างน้อยอานุภาพก็คงเพิ่มพูนขึ้นมาก!
ในขณะเดียวกัน หลินสวินก็นำหินหยกอัศจรรย์ก้อนหนึ่งออกมาแล้วบีบให้แหลก ดังคาด ภายในนั้นมีใบไม้สีเขียวเปล่งประกายใบหนึ่ง รูปร่างเหมือนเหรียญทองแดง สีเขียวเข้มราวหินหยกแกะสลัก อวลไปด้วยพลังชีวิตมหาศาล
หลินสวินลองดูดซับพลังดู
ทันใดนั้นพลังชีวิตบริสุทธิ์ผุดผ่องแปรสภาพเป็นกระแสร้อนระอุถาโถมเข้ามาทั่วร่าง ทำให้รูขุมขนทุกกระเบียดบนร่างกายเขาขยายออก สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณโคจรอย่างมีชีวิตชีวา ประหนึ่งบรรลุเป็นเซียนในชั่วพริบตา
พลังกายที่ใช้ไประหว่างเร่งเดินทางก่อนหน้านี้ก็ฟื้นฟูดังเก่า อยู่ในสภาวะสุดยอดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
สิ่งที่ทำให้หลินสวินหน้าเปลี่ยนสีก็คือ พลังจิตวิญญาณของเขาถึงกับได้รับการบำรุงอันหาได้ยาก เปลี่ยนเป็นยิ่งแหลมคมประณีต!
‘เป็นพลังชีวิตที่ลี้ลับจริงๆ มีพลังมรรคบริสุทธิ์ที่ไม่อาจคาดเดาได้’
หลินสวินสัมผัสโดยถ้วนถี่ ข้อดีไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ขนาดเลือดเนื้อกระดูกทั่วสรรพางค์กายยังได้รับการบำรุง แม้จะเล็กละเอียดถึงที่สุด แต่กลับดีอย่างบอกไม่ถูก
จู่ๆ จิตสังหารสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นและพุ่งเข้ามาแทงหลินสวินอย่างจัง!
หลินสวินหายตัววูบ โคจรก้าวย่างชือน้ำแข็งแล้วหายลับไปจากที่เดิม
ตูม!
หอกกระดูกเล่มหนึ่งเคลื่อนผ่าน แทงอย่างรุนแรงไปไกล สร้างหลุมที่ลึกจนมองไม่เห็น ซัดฝุ่นดินจนกระจายเต็มฟ้า
หากเมื่อครู่หลินสวินช้าอีกนิดเดียว ศีรษะก็คงถูกทะลวง!
นัยน์ตาดำของหลินสวินแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาและน่ากลัว ในมือง้างธนูวิญญาณไร้แก่นสารชี้ไปทิศหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป
ที่นั่นมีผู้แข็งแกร่งเผ่าพ่อมดเถื่อนคนหนึ่งปรากฏตัวราวเงามืด ในบริเวณป่าหินที่หมอกเลือดหนาแน่นเช่นนี้แทบจะมองเห็นได้ยาก
ผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทสายคนเถื่อนมืด!
“ถ้าไม่อยากตายก็รีบไสหัวไป ที่นี่เป็นอาณาเขตเผ่าพ่อมดเถื่อนของพวกเรา!” ผู้แข็งแกร่งสายคนเถื่อนมืดดูแข็งกร้าวถึงที่สุด ดวงตาจ้องเขม็งบริเวณที่ดาบหักเสียบลงไป
ที่นั่นมีหินหยกอัศจรรย์กองอยู่แน่นขนัด ฉายแสงสีสันสดใส งดงามโดดเด่นสะดุดตายิ่ง บดบังไว้ไม่อยู่
“ข้าว่าเจ้าเบื่อชีวิตแล้ว!”
ยามหลินสวินเอ่ยปากก็ยิงธนูออกไปดอกหนึ่งโดยไม่ลังเล
ผึง!
สายธนูสีแดงฉานราวโลหิตส่งเสียงกังวาน รอบคันธนูที่สร้างขึ้นจากกระดูกขาวเกิดเสียงคำรามเดือดดาลลึกลับ พายุโหมคลั่ง
“เจ้าคือ…”
ผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทสายคนเถื่อนมืดผู้นี้หรี่ตาลงเหมือนจำฐานะหลินสวินได้ หน้าเปลี่ยนสีโดยพลัน ก่อนร้องเสียงแหลมในทันใด แล้วหลบหนีไปอีกด้านหนึ่ง
ปึ้ก!
แต่ช้าไปแล้วหนึ่งก้าว เขาถูกลูกศรวิญญาณโจมตีทะลุอกซ้าย ร่างกระเด็นใส่พื้นที่ห่างออกไปอย่างแรง เลือดสดๆ สาดกระเซ็น ราวถูกโจมตีสาหัส
“สวะอย่างเจ้ายังกล้าแย่งอาณาเขตผู้อื่นด้วยหรือ”
กร๊อบ!
เงาร่างหลินสวินไหววูบ หายตัวไปเหยียบหน้าอกของผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทสายคนเถื่อนมืดคนจนจม
“…เป็นเจ้า… หละ… หลิน…”
ผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทสายคนเถื่อนมืดผู้นั้นยังไม่ทันพูดจบก็ตายสนิท เดิมทีเขาก็ถือว่าเป็นบุคคลชั้นยอดผู้หนึ่ง ที่น่าเสียดายก็คือเขาเจอเข้ากับหลินสวิน ก็สมควรแล้วที่เขาจะเคราะห์ร้าย
ตอนหลินสวินกำลังเสาะหาทรัพย์หลังศึก ก็ค้นพบอย่างเหนือความคาดหมายว่าในห่อสัมภาระของเจ้าหมอนี่ก็บรรจุหินหยกอัศจรรย์นานาชนิดอยู่ไม่น้อย มีราวสิบกว่าก้อน
นี่ทำให้หลินสวินเข้าใจทันทีว่าไม่ได้มีเพียงตนที่ค้นพบความลับที่อยู่ในนั้น เกรงว่าผู้แข็งแกร่งคนอื่นตอนนี้ก็ล้วนล่วงรู้แล้ว
ดาบหักยังคงดูดซับพลัง คมดาบปกคลุมไปด้วยรัศมีพร่าเลือน ตามการสันนิษฐานของหลินสวิน ครั้งนี้อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาหนึ่งถ้วยน้ำชาถึงจะสามารถหลอมพลังชีวิตที่อยู่ในหินหยกอัศจรรย์เหล่านี้จนหมด
แต่ไม่นานนักหลินสวินก็นิ่วหน้า
ในหมอกหนาแน่นไกลออกไป เสียงท้องฟ้าแตกออกดังขึ้น และกำลังรุดหน้ามาทางนี้
…….
“เร็วเข้า อยู่ตรงนั้น!”
“อิ๋งทงต้องเจออันตรายบางอย่างแน่ ข้าได้ยินเขาร้อง”
“ข้าจะไปดูเสียหน่อยว่าไอ้สวะตัวไหนมันใจกล้าขนาดนี้!”
ท่ามกลางป่าหินที่อบอวลไปด้วยหมอกเลือด ผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนกลุ่มหนึ่งไอสังหารพวยพุ่ง พวกเขารวมตัวเป็นกลุ่มก้อน มีอยู่สิบกว่าคน ล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทน่าหวาดหวั่นทั้งสิ้น
กำลังพลเช่นนี้เรียกได้ว่าเป็นเอกอุในสมรภูมิกระหายเลือด สามารถก่อศึกขนาดย่อมได้ อย่างไรเสียผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทก็ไม่ได้พบเห็นได้มาก และสถานการณ์ที่ผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทสิบกว่าคนจะร่วมกันลงมือยิ่งหายากเข้าไปอีก
โดยทั่วไปในการต่อสู้ที่สมรภูมิกระหายเลือด ผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทหนึ่งคนมักจะรับหน้าที่หัวหน้าสั่งการ คอยบัญชาการ ฐานะและอานุภาพล้วนเรียกได้ว่าชั้นยอด
แต่ในป่าต้นหม่อนแห่งนี้ สถานการณ์ทำนองนี้ที่ระดับมหาเวทรวมตัวกันกลับพบเจอได้บ่อย อย่างไรเสียที่นี่ก็น่ากลัวเกินไป ขนาดราชันระดับสังสารวัฏยังต้องระมัดระวัง นับประสาอะไรกับพวกผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทเหล่านี้ จึงทำได้เพียงเกาะกลุ่มกันเคลื่อนไหว
“ได้ยินหรือยัง หลินสือเอ้อร์ที่เป็นผู้กล้ารุ่นเยาว์จากจักรวรรดินั่นก็เข้ามาในป่าต้นหม่อนแล้ว ตอนนี้พวกร้ายกาจหาใดเทียบกลุ่มหนึ่งของเผ่าพ่อมดเถื่อนของพวกเราล้วนกำลังหาร่องรอยของมันอยู่ หมายจะฆ่ามันให้ตาย”
“ได้ข่าวมาเหมือนกัน ข่าวนี้กระจายไปทั่วตั้งแต่หลายวันก่อนแล้ว ข้ายังได้ยินมาอีกว่า ‘ราชันเมฆาอสนี’ ผู้นั้นหมายมั่นว่าจะปลิดชีพเจ้าหลินสือเอ้อร์นั่น ข้อแรกก็เพื่อล้างแค้น ข้อสองก็เพื่อชิงคันธนูใหญ่ลี้ลับในมือมัน!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์