เสียงนั่นมีพลังตะลึงโลก กึกก้องทะลุเมฆเหนือเก้าชั้นฟ้า สะเทือนไปทั่วทุกสารทิศ ราวกับเสียงฟ้าคำรน ดุจดั่งมังกรครวญ แผ่กระจายเป็นวงกว้างและน่าเกรงขาม
ชั่วขณะนั้น ผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนเหล่านั้นเพียงรู้สึกเหมือนจิตวิญญาณถูกค้อนยักษ์กระแทกจนเกือบแตกสลาย ภาพตรงหน้าพร่ามัว
หลายคนที่พลังอ่อนด้อย ถูกสะเทือนจนกระอักเลือด ร่างกายซวนเซล้มลงพื้น
แม้แต่เหล่าผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนระดับมหาเวทที่ความสามารถยอดเยี่ยมก็ไม่วายจิตวิญญาณรวดร้าวรุนแรง อดส่งเสียงร้องออกมาไม่ได้
เหลือเชื่อเกินไปแล้ว เพียงเสียงเดียวเท่านั้น ทว่ากลับประหนึ่งมีอานุภาพศักดิ์สิทธิ์ น่าสะพรึงกลัวไร้เทียมทาน
ฉึบ!
แทบจะในเวลาเดียวกัน คมดาบสีขาวเจิดจ้าโฉบผ่าน เหมือนลำแสงที่กะพริบอยู่กลางอากาศ ทะยานผ่านข้างตัวเหล่าผู้แข็งแกร่งเผ่าพ่อมดเถื่อน
ฉัวะๆๆๆ!
ทันใดนั้นลำคอของผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนแต่ละคนถูกตัดขาด เลือดสดๆ พุ่งออกมาประหนึ่งน้ำพุ ถูกฆ่าตายคาที่ ไวจนพวกเขาไม่ทันตอบสนองด้วยซ้ำ
ที่น่ากลัวที่สุดคือ จิตวิญญาณของผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนเหล่านั้นเพิ่งจะได้รับบาดเจ็บสาหัส คมดาบสีขาวเป็นประกายราวกับหิมะนี่ก็ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน เข้ามากวาดล้างชีวิตในสนามรบ
นี่ใช่ศึกสงครามซะที่ไหน เป็นการสังหารหมู่ชัดๆ!
“หนีเร็ว!”
เสียงกรีดร้องด้วยความหวาดผวาดังก้องไปทั่ว ทัพผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนนับร้อยคนหนีกระจัดกระจายออกไปในทันที
ตอนนี้ไม่ต้องให้เหยียนจิ่วเกอเตือน แต่ละคนก็หนีเร็วกว่ากระต่าย อยากให้พ่อแม่คลอดขาออกมาเพิ่มอีกสักสองข้างเสียเหลือเกิน
เพียงแต่แม้พวกเขาไว คมดาบสีขาวสว่างจ้านั่นกลับไวกว่าพวกเขา อีกทั้งเสียงคำรามปานฟ้าร้องในที่นั้นก็ยังคงสั่นสะเทือน จู่โจมและโจมตีจิตวิญญาณของผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนเหล่านั้น ทำให้การหนีของพวกเขาได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง
ชั่วขณะเดียวบริเวณนั้นพลันวุ่นวายอลม่าน ทุกแห่งหนเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวนหวาดกลัว มีเพียงคมดาบที่ประหนึ่งลำแสงนั่นพริบไหวคำราม ตัดศีรษะเปื้อนเลือดมากมายร่วงลงพื้นไป
“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร…”
ผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทคนหนึ่งสีหน้าเศร้าโศก อดหันกลับไปมองไม่ได้
พลันเห็นว่าในระยะอันไกลโพ้น เด็กหนุ่มคนนั้นยืนอยู่เพียงลำพัง สองมือยังคงไพล่หลัง มีเพียงด้านหลังที่ปรากฏภาพมายาสัตว์เทพ เป็นสิ่งที่คล้ายกับมังกรฟ้าบรรพกาล กำลังแหงนหน้าร้องคำราม
“นี่มัน…”
ผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทคนนั้นขนลุกซู่ไปทั้งตัว ภาพมายาสัตว์เทพนั่นน่าสะพรึงกลัวเกินไป หัวเป็นมังกร ร่างกายเป็นเจียว หนวดยาวราวรุ้งทองทิ้งดิ่ง ดวงตาราวกับพระอาทิตย์ศักดิ์สิทธิ์แรงกล้า ทั่วทั้งตัวเปล่งประกายแสงสีทองเจิดจรัสอย่างไร้ขีดจำกัด บดบังท้องฟ้าทั้งผืนเอาไว้!
มันแหงนหน้าขึ้นคำรามราวกับฟ้าร้อง ดุจมังกรครวญ สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีคลื่นเสียงแผ่กระจาย อากาศบริเวณนั้นถูกโจมตีจนแตกสลาย กลายเป็นความปั่นป่วนม้วนตัวออกมา
“สัตว์เทพผูเหลางั้นหรือ?!”
ผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทคนนั้นตกใจจนสั่นเทิ้มไปทั้งกาย จากนั้นเขารู้สึกเพียงว่าเสียงคำรามเสียงหนึ่งดังกรอกหู จิตวิญญาณเกิดเสียงดังตูม ราวกับถูกฟ้าผ่า เจ็บจนเขากุมศีรษะโอดครวญ
ฉัวะ!
จากนั้นคมดาบสีขาวสว่างเจิดจ้าก็โฉบเข้ามาตัดหัวเขา
ไกลออกไปแสนไกล เหยียนจิ่วเกอที่ชิงหนีไปก่อนมองเห็นภาพนี้พอดีก็อดสูดหายใจด้วยความตกใจไม่ได้ พลันรู้สึกเย็นวาบไปทั้งกาย
ในการรับรู้ของเขา ผู้ใต้บังคับบัญชาและสหายเหล่านั้นถูกตัดหัวลงมากองเต็มพื้นราวกับฟางข้าว เลือดสดๆ มีให้เห็นทั่วทุกที่ น่าสยดสยองยิ่ง
“เจ้าเด็กนี่เป็น… เป็นเทพมารคนหนึ่งจริงๆ ด้วย!”
เหยียนจิ่วเกออดกรีดร้องออกมาไม่ได้ พยายามหนีอย่างเต็มกำลัง เขาตกใจแล้วจริงๆ อีกฝ่ายไม่ได้ใช้คันธนูและลูกศรที่อานุภาพสะเทือนไปทั้งสมรภูมิกระหายเลือดคู่นั้น ก็ยังสามารถกวาดล้างทัพของเขาได้อย่างง่ายดาย ฝีมือน่าสะพรึงกลัวเกินไปแล้ว
‘หนีไวเชียว’
หลินสวินมองไปยังทิศทางที่เหยียนจิ่วเกอหนีไป สุดท้ายก็ไม่ได้ตาม
ชิ้ง!
ดาบหักสีขาวสว่างเจิดจ้าที่เกือบจะโปร่งแสงถูกเก็บกลับไปในห้วงนิมิต ในเวลาเดียวกันภาพมายาสัตว์เทพที่อยู่ด้านหลังหลินสวินก็หายไปอย่างเงียบๆ
และในที่นั้นมีซากศพเต็มไปหมด นอกจากเหยียนจิ่วเกอ ผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนคนอื่นล้วนถูกฆ่าอย่างอนาถ!
ผลการรบนี้เรียกได้ว่าน่าทึ่ง ถึงอย่างไรแม้เหยียนจิ่วเกอจะหนีไปได้ แต่ในสนามรบก็มีผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทถึงสี่คนถูกฆ่า
ทั้งยังถูกกำจัดอย่างง่ายดายโดยไม่ต้องลงแรงมากมาย!
หลินสวินเริ่มเก็บทรัพย์หลังศึก
สำหรับเขาแล้วศึกนี้ถือว่าชนะมาอย่างผ่อนคลายมากจริงๆ ส่วนอานุภาพของ ‘เสียงคำรามผูเหลา’ ก็ทำให้หลินสวินพอใจอย่างมาก
กระบวนท่านี้คือมรดกลับ ‘ร่างที่หก’ ของมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร เป็นวิชาลับอันน่าสะพรึงที่เจาะจงโจมตีจิตวิญญาณโดยเฉพาะ หลินสวินเพิ่งหยั่งถึงควบคุมได้ไม่นาน
ทว่าด้วยระดับ ‘พลังจิต’ ของพลังจิตวิญญาณของเขา การฝึกเสียงคำรามผูเหลากลับไต่ระดับอย่างรวดเร็ว ง่ายกว่าฝึกไอซวนหนีอย่างมาก
เมื่อสำแดงกระบวนท่าวิชาลับนี้ออกมา ราวกับสัตว์เทพบรรพกาลผูเหลาคำราม เสียงสามารถเขย่าจักรวาล สะเทือนสุริยันจันทราภูผานทีจนแหลกละเอียด!
แม้จะเป็นมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติที่ควบรวมพลังจิตได้แล้ว หากถูกโจมตีเช่นนี้โดยไม่ทันระวัง ก็สามารถทำให้จิตวิญญาณได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน
ก่อนหน้านี้หลินสวินใช้เสียงคำรามผูเหลาโจมตีกองทัพศัตรูจนบาดเจ็บสาหัส แล้วฉวยโอกาสนั้นเรียกดาบหักออกมา เมื่อครู่นี้จึงคว้าชัยในศึกครั้งนี้ได้อย่างง่ายดาย
พูดง่ายๆ ก็คือ เสียงคำรามผูเหลาเป็นการโจมตีจิตวิญญาณ และหลังจากดาบหักเกิดการเปลี่ยนแปลง ก็กลายเป็นสมบัติระดับ ‘ศาสตราจิต’ ที่น่าสะพรึงกลัวชิ้นหนึ่ง เมื่อสองสิ่งนี้จับคู่กัน พลังทำลายล้างที่เกิดขึ้นเรียกได้ว่าตะลึงโลกอย่างแน่นอน
ปึง!
หลังจากจัดการสนามรบเสร็จแล้ว หลินสวินโยนห่อสัมภาระที่บรรจุทรัพย์หลังศึกแน่นขนัดลงพื้น จากนั้นก็จากไปเพียงลำพังพร้อมเสียงหวีดแหลม
ไม่นาน ขบวนผู้ฝึกปราณจักรวรรดิขบวนหนึ่งปรากฏตัวในสนามรบแห่งนี้
เมื่อเห็นกองเลือดและซากศพเกลื่อนพื้น ผู้ฝึกปราณจักรวรรดิเหล่านั้นก็อดอุทานอย่างตกใจไม่ได้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความตะลึง
“กลุ่มที่เท่าไหร่ของวันแล้ว”
มีคนอดถามไม่ได้
“กลุ่มที่ห้า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์