Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 739

สรุปบท ตอนที่ 739 การก้มหัวจากพ่อมดเถื่อน: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 739 การก้มหัวจากพ่อมดเถื่อน – ตอนที่ต้องอ่านของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนนี้ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 739 การก้มหัวจากพ่อมดเถื่อน จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 739 การก้มหัวจากพ่อมดเถื่อน
ตอนที่ 739 การก้มหัวจากพ่อมดเถื่อน
โดย
ProjectZyphon
ภายใต้บรรยากาศที่เงียบสงัด ร่างอันสง่างามของจ้าวซิงเย่ปรากฏขึ้น

ดวงตาคู่งามของนางลึกล้ำปานมหาสมุทร กวาดมองไปทั่ว ความกดดันที่ยากพรรณนาก็แผ่กระจายตามออกมา

ราชินีกระหายเลือด!

ตอนที่จำฐานะของจ้าวซิงเย่ได้ ชิงเฮ่อและกลุ่มผู้แข็งแกร่งหัวใจตกไปอยู่ตรงตาตุ่มอย่างสิ้นเชิง สีหน้าซีดเซียว

ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดหลินสือเอ้อร์ถึงเหิมเกริมเช่นนี้ และเข้าใจแล้วว่าเหตุใดศรธนูนั่นจึงมีอานุภาพที่ตะลึงโลกไร้เทียมทานเช่นนี้

ทุกอย่างล้วนเพราะผู้หญิงคนนี้คนเดียว!

ผู้หญิงอันตรายที่สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนมานานนับพันปี!

พวกเขามั่นใจว่าแม้จะเผชิญหน้ากัน ราชันนภาเพลิงคงจะไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของผู้หญิงคนนี้ได้

“กลับไปบอกราชันกู่เจินว่า หลังจากนี้ถ้ามีบุคคลระดับราชันกล้าเข้าไปกำเริบเสิบสานในค่ายจักรวรรดิอีก ก็อย่าโทษว่าข้าตาต่อตาฟันต่อฟัน!”

เหนือความคาดหมายของทุกคน จ้าวซิงเย่ไม่ได้โจมตีต่อ แต่หลังจากพูดทิ้งท้ายเอาไว้ประโยคหนึ่งก็พาหลินสวินหมุนตัวจากไป

สังหารราชันภายในธนูเดียว จากนั้นพูดทิ้งท้ายไว้ประโยคหนึ่งก็จากไปอย่างคนบรรลุเป้าหมาย!

พวกชิงเฮ่อมองจ้าวซิงเย่และหลินสวินจากไป ค่อยๆ ห่างออกไปเรื่อยๆ แต่กลับไม่มีใครกล้าเข้าไปขวาง ถึงขั้นที่ไม่กล้าพูดจา บรรยากาศดูเงียบงันผิดปกติ

……

ในวันนั้นที่ค่ายพ่อมดเถื่อน

ภายในกระโจมหลังหนึ่ง ชายชราในชุดหนังสัตว์ รูปร่างค่อมโก่ง ผมบางประปราย ดูชราอย่างมาก เมื่อได้ยินคำเตือนจากจ้าวซิงเย่ เขาก็ดูเงียบมากเช่นกัน

เนิ่นนานเขาจึงถอนหายใจเบาๆ เอ่ยเสียงแหบพร่าและทุ้มต่ำ “ศรธนูพลิกฟ้า! จ้าวซิงเย่!”

ภายในกระโจมยังมีบุคคลชั้นยอดของเผ่าพ่อมดเถื่อนนั่งอยู่ โดยระดับที่ต่ำที่สุดคือราชันกึ่งระดับ สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันก็ไม่น้อย

เพียงแต่ตอนนี้สีหน้าของพวกเขาดูอึมครึมมาก

โดยเฉพาะเมื่อได้ยินเสียงถอดถอนใจของชายชรา สีหน้าของพวกเขายิ่งมืดทะมึนจนแทบจะมีน้ำหยดลงมาได้แล้ว

ภายในวันเดียว จินเจาสุ่ยราชันสายคนเถื่อนทองคำถูกฆ่า ราชันนภาเพลิงแห่งสายคนเถื่อนอัคคีก็ถูกฆ่า และต่างตายด้วยน้ำมือผู้หญิงคนเดียวกัน การโจมตีอย่างหนักหน่วงเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!

“เดิมข้าคิดว่าก่อนที่พิบัติมหามรรคจะมาเยือน พวกเราสามารถฉวยโอกาสนี้กวาดล้างค่ายทัพจักรวรรดิให้สิ้นซากในคราเดียว ทำสิ่งที่หลายพันปีมาไม่เคยสำเร็จได้เสียที ใครจะคิดว่ากลับมีการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้เกิดขึ้น…”

ชายชราสีหน้าไม่ยินดียินร้าย ดวงตาทั้งคู่แฝงความโชกโชน พูดเสียงเบา “เสียดายจริงๆ…”

ราชันคนหนึ่งขมวดคิ้ว ส่งเสียงอย่างโกรธเคือง “หากไม่ใช่เพราะหลินสือเอ้อร์และธนูในมือที่จู่ๆ โผล่มา จะเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ขึ้นได้อย่างไร”

กลุ่มผู้ยิ่งใหญ่ที่นั่งอยู่ได้ยินชื่อ ‘หลินสือเอ้อร์’ ต่างขมวดคิ้ว ไอสังหารพลุ่งพล่านขึ้นในใจ

เด็กหนุ่มคนเดียวเท่านั้น แต่หลังจากปรากฏตัวในสมรภูมิกระหายเลือดก็ป่วนจนคลื่นลมเต็มฟ้า ทำให้พวกเขาตกอยู่ในสภาพอึดอัด ถูกโจมตีและพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง นี่ดูเหลือเชื่อและพาให้เดือดดาลอย่างมาก

“โทษคนอื่นตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร”

ชายชราที่นั่งอยู่บนตำแหน่งประธานดูนิ่งสงบผิดปกติ “ตั้งแต่มหาวาสนามาเยือนในป่าต้นหม่อนเป็นต้นมา เผ่าของเราสูญเสียราชันไปสี่คนแล้ว จะเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว”

“หรือท่าน… ท่านจะยอมจ้าวซิงเย่นั่นจริงๆ?” คนใหญ่คนโตที่นั่งอยู่ต่างตกใจ

“เดิมทีผู้หญิงคนนี้ก็กระหายเลือดเป็นนิสัย ยิ่งตอนนี้ในมือมีสมบัติเย้ยฟ้า ถ้าสู้กับนางอีก แม้พวกเราสู้สุดกำลัง ผลลัพธ์ในตอนท้ายก็มีแต่จะสูญเสียทั้งสองฝ่าย”

ชายชรายืนขึ้นอย่างงกๆ เงิ่นๆ เดินออกนอกกระโจมไปพร้อมร่างที่ค่อมโก่ง “สั่งการลงไปว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปให้หยุดลั่นกลองรบ สงบศึกกับศัตรู”

ในระหว่างที่พูด ตัวเขาก็จากไปแล้ว

เพียงแต่แม้ตัวเขาจะจากไปแล้ว แต่คำพูดอันเบาแผ่วที่พูดทิ้งท้ายเอาไว้กลับประหนึ่งหนักเป็นพันชั่ง กดทับหัวใจของผู้ยิ่งใหญ่ทุกคนในค่าย ทำให้ในใจพวกเขาแม้จะอัดอั้นและเดือดดาลอย่างที่สุด แต่กลับไม่อาจไม่ยอมรับ

พร้อมๆ กันนั้น เรื่องที่หลินสวินให้ความช่วยเหลือสุดกำลัง ให้ยืมธนูอย่างใจกว้างก็แพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว กลายเป็นเรื่องน่ายินดีในชั่วขณะ

ผู้ฝึกปราณจักรวรรดิต่างสรรเสริญหลินสวินว่าคำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวมอย่างสุดหัวใจ มีคุณธรรมส่องสว่างโลก เป็นตัวอย่างของทุกคน และเป็นต้นแบบของเหล่าทหารหาญแห่งจักรวรรดิ

แต่ตอนที่ฉินฉู่ได้ยินข่าวนี้กลับโกรธจนแทบกระอักเลือด

ตอนแรกเขาก็เคยยืมธนูของหลินสวิน แต่ตอนนั้นหลินสวินปฏิเสธอย่างไม่ลังเล เช่นนี้น่ะหรือที่เรียกว่าคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมอย่างสุดหัวใจ

ไหนจะบอกว่ามีคุณธรรมส่องสว่างโลก เป็นต้นแบบของเหล่าทหารหาญแห่งจักรวรรดิอีก?

ถุ้ย!

เขามีสิทธิ์รับหรือ

ฉินฉู่ยิ่งคิดก็ยิ่งหดหู่ใจ โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงตอนที่ตน ‘ยืมสมบัติ’ ไม่สำเร็จ แล้วยังถูกจ้าวซิงเย่เล่นงานอย่างหนัก ในใจเขาก็ยิ่งอัดอั้น

ทว่าไม่ว่าเขาจะคั่งแค้นอย่างไร ตอนนี้ในค่ายจักรวรรดิชื่อของ ‘หลินสือเอ้อร์’ เรียกได้ว่าดุจดั่งอาทิตย์กลางท้องฟ้า ถูกผู้ฝึกปราณมากมายเคารพยกย่อง

กลับเป็นตัวฉินฉู่เอง ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องที่เขาเคย ‘ยืม’ สมบัติของหลินสวินอย่างแข็งกร้าว ทำให้เขาโดนด่าลับหลังอย่างรุนแรง เสื่อมเสียชื่อเสียง

นี่ทำให้ฉินฉู่โกรธจนจมูกเบี้ยว อยากจะฆ่าพวกที่วิจารณ์และเยาะเย้ยเขาลับหลังแทบทนไม่ไหว

……

คืนที่หวนกลับค่ายหมายเลขเจ็ด

ภายในเรือนหลังหนึ่ง จ้าวซิงเย่เรียกหลินสวินเข้ามาหาโดยเฉพาะ จากนั้นก็หยิบธนูวิญญาณไร้แก่นสารและศรแห่งนภาครามออกมา สีหน้าดูเคร่งขรึมและจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนพร้อมเอ่ย “สมบัติคู่นี้มีปัญหาใหญ่ ต่อไปหากไม่ใช่สถานการณ์คับขันถึงชีวิต อย่าใช้จะดีที่สุด มิฉะนั้นจะต้องโดนพลังสะท้อนกลับจากมันแน่!”

……………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์