“ฮ่าๆ ก่อนหน้านี้ใครอวดอ้างว่าพลังต่อสู้ของชิงเจ๋อผู้นี้เย้ยฟ้ากัน เมื่อเทียบกับคุณชายหลิน เขาก็แค่เท่านี้!”
ผู้ฝึกปราณของจักรวรรดิที่อยู่ในระยะไกลต่างฮึกเหิม รู้สึกมีความสุขยิ่งนัก
หลายวันมานี้ข่าวลือเกี่ยวกับชิงเจ๋อทำให้ผู้ฝึกปราณในจักรวรรดิต่างรู้สึกหดหู่เป็นเท่าตัว ศิษย์สายในที่ยังหนุ่มคนหนึ่ง กลับสยบบุคคลสำคัญกลุ่มหนึ่งของจักรวรรดิในงานเลี้ยงราชวงศ์ ใครจะรู้สึกมีความสุขกับเรื่องนี้ได้เล่า
แต่ตอนนี้ได้เห็นหลินสวินสำแดงพลังอย่างยิ่งใหญ่ ภายใต้สถานการณ์ที่ปะทะกันซึ่งหน้า ก็ชิงตัดหน้าโจมตีชิงเจ๋อจนบาดเจ็บได้ก่อน ในฐานะผู้ฝึกปราณของจักรวรรดิย่อมฮึกเหิมเป็นธรรมดา
เพียงแต่เสียงโห่ร้องและความฮึกเหิมไม่ได้ดำรงอยู่นานก็ต้องหยุดชะงักทันที บรรยากาศเปลี่ยนเป็นเงียบสงัดและตึงเครียดอีกครั้ง
เหตุผลอยู่ที่กลิ่นอายของชิงเจ๋อในลานเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง มีกลิ่นอายน่ากลัวอันไร้รูปแผ่ซ่านออกจากรอบกายขา ดุจดังสัตว์ปีศาจบรรพกาลฟื้นตื่นจากการหลับใหล ทำให้ผู้ฝึกปราณของจักรวรรดิทั่วลานต่างสั่นงั่กทั่วสรรพางค์กาย รับรู้ได้ถึงแรงกดดันอันลึกลับ
ชิงเจ๋อในเวลานี้รอบกายรายล้อมด้วยเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีเขียวพลุ่งพล่าน เรือนผมสีเงินปลิวสยาย เปล่งประกายราวกับน้ำตกเงิย นัยน์ตาทั้งคู่ทอแสงศักดิ์สิทธิ์น่ากลัวออกมา
หากกล่าวว่าชิงเจ๋อก่อนหน้านี้เป็นเหมือนคมดาบไร้เทียมทานเล่มหนึ่ง เช่นนั้นเขาในตอนนี้ก็เป็นดั่งภูเขาไฟที่เดือดพล่าน บรรจุกลิ่นอายน่ากลัวเหมือนจะล้างจักรวาลผลาญพิภพก็ไม่ปาน!
เห็นได้ชัดเจนว่าบริเวณไหล่ซ้ายที่บาดเจ็บจนยุบตัวของเขาฟื้นสู่สภาพเดิมได้ในชั่วขณะ เสาะหาไม่พบร่องรอยอาการบาดเจ็บแม้เพียงเสี้ยวอีก
ไม่เพียงเท่านี้ ชิงเจ๋อในเวลานี้ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสบายๆ ก็ทำให้ฟ้าดินสะเทือนเลือนลั่นได้แล้ว แข็งแกร่งกว่าเมื่อครู่ตั้งไม่รู้เท่าไร!
แย่แล้ว!
คนใหญ่คนโตแห่งจักรวรรดิทั้งหมดล้วนหน้าเปลี่ยนสี เห็นชัดเจนยิ่งว่าชิงเจ๋อบันดาลโทสะแล้ว ไม่ได้กดพลังของตนอีกต่อไป
“พลังของมกุฎมรรคาข้าได้เรียนรู้แล้ว สามารถทำให้ข้าบาดเจ็บเล็กน้อยได้ ไม่ธรรมดาจริงๆ”
เสียงของชิงเจ๋อราบเรียบ ทว่าพลังอำนาจกลับน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ นัยน์ตาลุกโชน แสงศักดิ์สิทธิ์พวยพุ่ง “เพียงแต่เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าแค่นี้ก็จะทำให้ข้าปราชัยได้แล้ว”
ยามเอ่ยวาจาเขาก้าวออกมาก้าวหนึ่ง ห้วงอากาศยุบทลายแผดคำราม พลานุภาพปานล้างผลาญเช่นนั้นทำให้บุคคลชั้นยอดระดับกระบวนแปรจุติยังใจสั่น
แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
บางทีนี่จึงจะเป็นพลังแท้จริงที่ชิงเจ๋อมีในครอบครอง ก่อนหน้านี้เขากดพลังเอาไว้ ถึงได้รับบาดเจ็บด้วยความเลินเล่อ
ทว่าตอนนี้ย่อมไม่เหมือนกัน!
“ดี!”
บุคคลสำคัญตระกูลจั่วคนหนึ่งรู้สึกตื่นเต้นในใจ ถึงกับส่งเสียงร้องออกมาอย่างอดไม่ได้ แล้วพลันเจอเข้ากับความไม่พอใจของผู้ฝึกปราณของจักรวรรดิทั้งหมดในบัดดล
คนตระกูลจั่วผู้นั้นรู้ว่าเสียกิริยาก็หุบปากทันที แต่ภายในใจกลับหัวเราะเย็นชาขึ้นมา เขารอคอยการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึงอย่างยิ่ง!
เผชิญหน้ากับชิงเจ๋อที่เปลี่ยนเป็นแกร่งกล้า หลินสวินก็กำลังสาวเท้าเช่นเดียวกัน ไม่ได้หลบเลี่ยง รูปร่างของเขาสูงโปร่ง โดดเด่นไม่แปดเปื้อนมลทิน รอบกายมีกลิ่นอายอันสมบูรณ์ประการหนึ่ง
“ข้าเพียงแต่ไม่เข้าใจเป็นอย่างยิ่ง เจ้าก่อนหน้านี้ยังคุยโวว่าจะกดพลังต่อสู้กับข้าอย่างยุติธรรม แต่ตอนนี้เห็นท่าไม่ค่อยดีกลับนึกเสียใจขึ้นมา การกระทำปลิ้นปล้อนสับปลับแบบนี้ อย่าบอกนะว่าเป็นสิ่งที่สืบทอดกันในสำนักกระบี่เทียมฟ้าของพวกเจ้าด้วย”
คำพูดหลินสวินฟังดูสบายๆ ยิ่งนัก แต่กลับเจือการถากถางทางอ้อม ทำเอาผู้ฝึกปราณของจักรวรรดิต่างนึกอยากหัวเราะแต่ก็หัวเราะไม่ออก ได้แต่กลั้นเอาไว้จนอึดอัดยิ่งนัก
แต่ความจริงก็เป็นเช่นนี้จริงๆ ก่อนหน้านี้ชิงเจ๋อแสดงออกอย่างถือดียิ่งนัก กล่าวว่าจะกดพลังเพื่อต่อสู้กับหลินสวินอย่างเท่าเทียม
ตอนนี้กลับเปลี่ยนใจกะทันหัน พฤติกรรมนี้ขายขี้หน้าจริงๆ
“บังอาจ!”
ไกลออกไปแววตาของกู้ตงถิงเย็นเยียบ คิดไม่ถึงว่าหลินสวินถึงกับอาศัยโอกาสนี้ดูหมิ่นสำนักกระบี่เทียมฟ้าของพวกเขา
กลับเห็นว่าชิงเจ๋อที่อยู่ในลานสีหน้านิ่งขรึม ท่าทางแปรเปลี่ยนเป็นน่ากลัวถึงขีดสุด จ้องไปที่หลินสวินแล้วกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้เป็นข้าเกรงใจเจ้า แต่เจ้ากลับไม่รู้คุณค่า ยังมาถากถางข้า ดูท่าเจ้าตั้งใจรนหาที่ตายจริงๆ สินะ”
ไอสังหารวนเวียนอยู่ภายในใจของเขา ก่อนหน้านี้ถูกโจมตีจนบาดเจ็บก็ทำให้เขาเสียหน้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้ยังถูกหลินสวินถากถางต่อหน้าธารกำนัลอีก มันทำให้เขาเดือดดาลอย่างสิ้นเชิง
ตูม!
ในดวงตาของชิงเจ๋อถึงกับมีรอยสลักปริศนาลักษณะเหมือนกระบี่คู่หนึ่งพุ่งยิงออกมา ตัดสลับกันกลางอากาศ คำรามเสียงดังเคร้งคร้าง ปลดปล่อยกลิ่นอายวิถีกระบี่คมกริบไร้เทียมทานออกมา
ฝั่งผู้ฝึกปราณของจักรวรรดิต่างสูดลมหายใจหนาวเยือก รับรู้ถึงความน่าหวาดกลัวสุดซึ้ง ตระหนักได้ว่าชิงเจ๋องัดวิชากระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดของตนออกมาใช้แล้ว
ตอนนั้นในงานเลี้ยงราชวงศ์ ชิงเจ๋อก็อาศัยปราณวิถีกระบี่นี้สยบคนใหญ่คนโตกลุ่มหนึ่ง ไม่มีใครสามารถหยุดยั้งสามกระบี่ของเขาได้!
แม้แต่มหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติขั้นสมบูรณ์ก็ยังทำไม่ได้!
‘เจ้าหมอนี่ไม่ได้ด้อยไปกว่าอวิ๋นชิ่งไป๋ในปีนั้นสักเท่าไรเลย…’ นัยน์ตาของจ้าวไท่ไหลที่อยู่ไกลออกไปหรี่ลงฉับพลัน
ส่วนกู้ตงถิงรวมถึงบุคคลสำคัญของสองตระกูลจั่วและฉินในเวลานี้กลับเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นลงมาก ชิงเจ๋อกำลังจะใช้พลังทั้งหมด สิ่งนี้ทำให้พวกเขาไม่กังวลอะไรอีกต่อไป
เช่นเดียวกับพวกเขา เห็นได้ชัดว่าหลินสวินก็ดูเยือกเย็นมาก กลิ่นอายในเวลานี้ของชิงเจ๋อแม้จะทำให้เขารู้สึกถึงแรงกดดันบางอย่างอยู่บ้าง แต่มันไม่เพียงพอจะทำให้เขาเกรงกลัวได้
“พูดไปพูดมาล้วนแล้วแต่เป็นเจ้าดูมีเหตุผลไปเสียหมด เหอะๆ ในที่สุดวันนี้ข้าก็ได้เรียนรู้ศักยภาพของผู้สืบทอดสำนักกระบี่เทียมฟ้าแล้ว” หลินสวินหัวเราะเยาะ
ถ้อยคำเหล่านี้กระแทกใจชิงเจ๋อ พาให้สีหน้าเขายิ่งดูเย็นเยียบมากขึ้น กลิ่นอายก็ยิ่งน่าสะพรึงขึ้นทุกที ศิษย์สืบทอดแห่งสำนักกระบี่เทียมฟ้าอันสูงส่ง ไหนเลยจะเคยถูกคนเสียดสีเช่นนี้มาก่อน
แต่ตอนนี้ในดินแดนแร้นแค้นอย่างโลกชั้นล่าง กลับถูกเด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่งหัวเราะเยาะไม่หยุดปาก สิ่งนี้ทำให้ในใจชิงเจ๋อโมโหถึงที่สุด
“พิฆาต!”
ริมฝีปากของเขาพ่นคำหนึ่งออกมา ไอสังหารพุ่งทะยาน ถัดจากนั้นก็เห็นสัญลักษณ์รูปกระบี่เปล่งประกายสีเขียวเล่มหนึ่งพุ่งออกมาจากนัยน์ตาของเขาอย่างเฉียบพลัน
สวบ!
สัญลักษณ์รูปกระบี่เปล่งแสง สำแดงคมไร้เทียมทานราวกับสายฟ้าสีเขียว ทำให้ดวงตาของผู้ฝึกปราณในจักรวรรดิปวดแปลบเหมือนถูกตัดเฉือนด้วยคมกระบี่
“รุ่งสาง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์