บนยอดภูเขาชำระจิต ขณะที่หลินสวินเพิ่งวกกลับมา จ้าวไท่ไหลก็เดินตามหลังเข้ามาติดๆ
หลินสวินอึ้ง “เหตุใดจู่ๆ ถึงถามคำถามนี้”
จ้าวไท่ไหลกล่าว “ร่องรอยของพิบัติมหามรรคเริ่มปรากฏแล้ว ช่องทางจากจักรวรรดิสู่ดินแดนรกร้างโบราณเริ่มไม่เสถียร ถ้าหากเจ้าคิดจะดำเนินการก็รีบทำให้ทันการณ์ จากการคำนวณของโหรอาวุโสที่หอดูดาวหลวง อย่างมากครึ่งปี ‘โลกชั้นล่าง’ ที่ว่านี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ถึงตอนนั้นคิดจะจากไปก็สายไปแล้ว”
ในใจหลินสวินรู้สึกหนาวเยือก “กล่าวเช่นนี้ ต่อให้ข้าสามารถจากไปโดยสวัสดิภาพ แต่คิดกลับมาในภายภาคหน้าอาจเป็นไปไม่ได้แล้ว?”
จ้าวไท่ไหลหัวเราะร่วน “เรื่องราวต่อจากนี้ใครจะบอกได้แม่นยำกัน ลำพังพิบัติมหามรรคนี้ แม้แต่อริยะยังไม่สามารถสรุปตัวแปรทั้งหมดออกมาได้อย่างสิ้นเชิง เรื่องราวต่อจากนี้… ใครก็ไม่กล้าพูดอะไรทั้งนั้น”
“ข้าจะระวังไว้”
หลินสวินกล่าวเสียงต่ำ เดิมทีเขาวางแผนเคี่ยวกรำพลังทั้งหมดของตนให้ไปถึงขอบเขตสมบูรณ์ยามอยู่ในสมรภูมิกระหายเลือด แต่เรื่องราวไม่เป็นดั่งใจ จวบจนบัดนี้เขายังมีช่องโหวบางส่วนที่ยากจะเติมเต็ม
ตัวอย่างเช่นมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร ยังขาดมรดกวิชาลับอีกสามร่างที่ยังไม่อาจครอบครองได้
หรืออย่างระดับขอบเขตมหามรรค ก็ยังติดอยู่ที่ท่วงทำนองมรรคขั้นสมบูรณ์ คิดทะลวงไประดับเจตจำนงมรรค ยังต้องใช้เวลาอีกโข
ยิ่งไปกว่านั้นการหยั่งถึงมหามรรค สิ่งจำเป็นคือวาสนาและการหยั่งรู้ ใช่ว่าพากเพียรฝึกฝนแล้วจะสามารถเชี่ยวชาญได้
“รอเจ้าตัดสินใจว่าจะออกไปเมื่อไร ข้าจะพาเจ้าไปเข้าเฝ้าจักรพรรดิ เขาจะต้องส่งเจ้าออกเดินทางด้วยตัวเองเป็นแน่”
ทันทีที่จ้าวไท่ไหลเอ่ยประโยคนี้ออกมาก็พาให้หลินสวินไหวหวั่น ตระหนักได้ว่าที่จ้าวไท่ไหลทำขนาดนี้ เบื้องหลังจะต้องได้รับการฝากฝังจากจักรพรรดิเป็นแน่!
“ได้!”
หลินสวินพยักหน้ารับคำ
ไม่นานนักจ้าวไท่ไหลก็จากไปอย่างรวดเร็ว จิ้งจอกเฒ่าคนนี้มักจะดูรีบร้อนยิ่ง ไวเหมือนปรอทตลอดเวลา
หลินสวินเคยชินตั้งนานแล้ว เวลานี้เขายืนอยู่บนยอดภูเขาชำระจิต สองมือไพล่หลัง ทอดสายตามองทะเลเมฆตลบ ลมภูเขาพัดหวีดหวิว พาให้อาภรณ์ของเขาพลิ้วไสว เรือนผมยาวปลิวสยาย
เพิ่งผ่านศึกใหญ่มา หลินสวินไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันมากนัก เขาเพียงแต่นึกถึงเรื่องราวในอดีตบางอย่างเท่านั้น
ในปีนั้นอวิ๋นชิ่งไป๋ก็สังหารคนตระกูลหลินสายตรงของเขาบนภูเขาชำระจิตนี้
และวันนี้ ศิษย์คนหนึ่งจากสำนักกระบี่เทียมฟ้า ก็มาท้าดวลกับตนภายใต้การยุยงของอวิ๋นชิ่งไป๋
อวิ๋นชิ่งไป๋รู้ถึงการคงอยู่ของตนแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย
หลินสวินไม่ได้กังวลใจอะไร จ้าวไท่ไหลเคยรับรองแต่แรกแล้วว่า แม้อวิ๋นชิ่งไป๋มาเยือนจักรวรรดิอีก ก็จะไม่ยอมให้เหตุการณ์นองเลือดในปีนั้นเกิดขึ้นซ้ำรอยอีกเป็นอันขาด
เพียงแต่สิ่งที่ทำให้หลินสวินไม่เข้าใจคือ ในเมื่อชิงเจ๋อไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าตนให้ตายในการดวล เช่นนั้นอวิ๋นชิ่งไป๋… ต้องการทำอะไรกันแน่
“บางทีคงต้องรอให้ข้าเข้าสู่ดินแดนรกร้างโบราณ ไปทำความเข้าใจศัตรูที่ไม่เคยพบหน้าคนนี้ด้วยตัวเอง บางทีอาจจะล่วงรู้คำตอบได้กระมัง…”
หลินสวินพึมพำ
อาทิตย์ยามสายัณห์ย้อมทะเลเมฆเป็นสีแดง ลมภูเขาเจือไอน้ำเข้มข้นพัดมา นำมาซึ่งความหนาวเย็นกรีดลึกในกระดูกวูบหนึ่ง
หลินสวินยืนเงียบๆ อยู่เนิ่นนาน ท้ายที่สุดก็หมุนกายจากไป
เขาตัดสินใจแน่วแน่แล้ว นับแต่ตอนนี้เป็นต้นไปจะเตรียมความพร้อมเพื่อมุ่งหน้าสู่ดินแดนรกร้างโบราณ
……
จักวรรดิ วังแรกสมโภช
ที่นี่คือสถานที่พักผ่อนที่ราชวงศ์จัดสรรให้คนในสำนักกระบี่เทียมฟ้า
“ผู้อาวุโส ข้าสรุปได้ว่าบนตัวเด็กคนนี้จะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงที่เย้ยฟ้าพลิกชะตาบางอย่างแน่ ไม่เช่นนั้นเขาซึ่งเป็นทารกก็น่าจะตายไปตั้งแต่ปีนั้นแล้ว ไม่มีทางครอบครองความสำเร็จเหมือนเช่นวันนี้เป็นอันขาด!”
ภายในห้อง ชิงเจ๋อมีท่าทางเย็นชา หว่างคิ้วเปี่ยมด้วยแววอึมครึม คำพูดมาดมั่นหนักแน่น แต่กลับเจือความเคียดแค้นและไม่ยินยอมสายหนึ่ง
“นี่ก็คือสิ่งที่ชิ่งไป๋ให้เจ้าลองหยั่งเชิง?” ด้านข้าง กู้ตงถิงคล้ายกำลังขบคิด
ชิงเจ๋อร้องอืมคราหนึ่ง ท่าทียังคงเคร่งขรึม วันนี้ถูกหลินสวินสยบอย่างแข็งกร้าวภายใต้สายตาจับจ้องของธารกำนัล จนป่านนี้ยามนึกถึงก็ยังทำให้เขาแค้นจนแทบคลั่งขึ้นมา
“เย้ยฟ้าพลิกชะตา?”
กู้ตงถิงมุ่นคิ้ว ยังคงไม่เข้าใจอยู่ดี “ทารกที่สูญเสียชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดคนหนึ่ง ถูกลิขิตให้ตายก่อนวัยอันควร แม้ว่าบนโลกนี้จะมียาวิเศษโอสถวิญญาณที่พอช่วยชีวิตเขาได้ แต่ก็คงเป็นได้แค่คนพิการคนหนึ่ง ไม่อาจเหยียบย่างบนเส้นทางแห่งการฝึกปราณได้เลยแม้แต่น้อย แต่เด็กคนนี้… ทำได้อย่างไรกัน”
ชิงเจ๋อแค่นเสียงเย็นชา “ผู้อาวุโส ท่านคิดว่าข้ากำลังโกหกหรือไร การต่อสู้ก่อนหน้านี้ท่านเองก็เห็นแล้ว เด็กคนนี้สามารถเอาชัยเหนือข้าด้วยปราณระดับหยั่งสัจจะ ในดินแดนรกร้างโบราณเกรงว่ายังแทบไม่มีใครทำได้ถึงขั้นนี้เลย!”
การยอมรับว่าคู่ต่อสู้อ่อนแอ ยิ่งทำให้เห็นว่าตนไม่เอาไหนยิ่งกว่าโดยไม่ต้องสงสัย ชิงเจ๋อไม่ต้องการให้กู้ตงถิงเกิดความคิดอื่นใด
“เจ้าเข้าใจผิดแล้ว”
กู้ตงถิงส่ายหน้า นัยน์ตามีแสงศักดิ์สิทธิ์พลุ่งพล่าน “หากเด็กคนนี้เป็นทารกในปีนั้นจริงๆ เช่นนั้นบางทีก็อาจเหมือนที่เจ้าคาดเดาเอาไว้ บนตัวเด็กคนนี้ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงที่เย้ยฟ้าพลิกชะตาบางประการ!”
กล่าวถึงจุดนี้เขาก็ลังเลเล็กน้อย เอ่ยว่า “ข้าถึงขั้นสงสัยว่า เขาอาจสร้างชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดขึ้นมาใหม่อีกครั้ง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์