ณ ตระกูลฉิน
คนใหญ่คนโตของสองตระกูลจั่วและฉินรวมตัวกันในโถงอย่างยากบังเกิด
เพียงแต่เมื่อเทียบกับบรรยากาศคึกคักเกรียวกราวของภายนอกแล้ว บรรยากาศภายในห้องโถงแห่งนี้กลับกดดันยิ่งนัก บรรดาบุคคลสำคัญเหล่านี้แต่ละคนต่างสีหน้าขรึมเคร่ง อัดอัดไปหมด
“น่าชังนัก! แม้กระทั่งผู้สืบทอดของสำนักกระบี่เทียมฟ้ายังกำราบเด็กนี่ไม่ได้ จักรวรรดิในภายภาคหน้า ใครยังทำอะไรเขาได้”
คนผู้หนึ่งกัดฟันกรอด โกรธแค้นสุดจะทน
“คาดการณ์ได้ว่ามีคนสำคัญของราชวงศ์หนุนหลัง ซ้ำยังมีผู้ยิ่งใหญ่อย่างจักรพรรดิและราชันกระหายเลือดให้ท้ายอยู่ ต่อจากนี้หากภูเขาชำระจิตเกิดเภทภัยอะไร แม้ว่าจะไม่ได้เกิดจากสองตระกูลของพวกเรา ก็คงต้องหมายหัวมาที่พวกเราเป็นแน่!”
บางคนแสดงความเห็นแง่ร้ายต่อเรื่องนี้ ทอดอาลัยถอนหายใจยาว
เหล่าคนใหญ่คนโตสองตระกูลจั่วและฉินในที่แห่งนี้ต่างรู้ดี สิบกว่าปีก่อนพวกเขาสองตระกูลเคยทำเรื่องขัดขาตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตเอาไว้
เพียงแต่พวกเขาคิดไม่ถึงเลยสักนิด ตระกูลหลินที่แต่เดิมล่มสลายไปแล้ว เหตุใดถึงได้ฟื้นคืนกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้งเพียงเพราะหลินสวินแค่คนเดียว
นี่เพิ่งจะกี่ปีเอง ตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตก็พลิกโฉม ผงาดแข็งกร้าวขึ้นมาแล้ว ว่ากันในแง่อำนาจบารมี ทำเอาตระกูลทรงอิทธิพลชั้นกลางบางส่วนยังถูกบดบังรัศมี ไม่สามารถเทียบเทียมกันได้
โดยเฉพาะวันนี้ ยามที่หลินสวินโจมตีจนชิงเจ๋อปราชัย ทำเอาพวกเขาสองตระกูลจั่วและฉินล้วนตระหนักถึงปัญหาร้ายแรงข้อหนึ่ง…
จากนี้ไปหากหมายจะหยุดยั้งหรือกดดันตระกูลหลิน นั่นแทบจะไม่มีความหวังให้กล่าวถึงแล้ว!
“หลินสวิน!”
คนใหญ่คนโตผู้หนึ่งเกลียดจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เด็กหนุ่มคนหนึ่งเท่านั้น ไม่กี่ปีสั้นๆ ก็ยกประคองทั้งตระกูลหลินได้ด้วยตัวคนเดียว ยิ่งเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งอันตราย พาให้ผู้คนเกลียดชังมากเท่านั้น
“ท่านทั้งหลายอย่าได้ตื่นตระหนกไป พวกเราสองตระกูลยืนหยัดมาได้จนถึงทุกวันนี้ ใช่ว่าเด็กหนุ่มตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะบดขยี้ได้”
บนที่นั่งประธาน ผู้นำตระกูลฉินสูดหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งเฮือก เอ่ยเสียงทุ้ม “ถึงพวกเราไม่อาจทำอะไรเด็กนี่ได้ชั่วคราว แต่ในขณะเดียวกัน เด็กคนนี้ก็ไม่อาจทำอะไรพวกเราได้”
เขาหยุดไปครู่ค่อยเอ่ยต่อ “คิดว่าทุกท่านต่างรู้ดี ตั้งแต่เด็กคนนี้ถือกำเนิดก็เป็นศัตรูกับสำนักกระบี่เทียมฟ้าแล้ว คาดการณ์ได้ว่าหลังจากนี้เขาต้องเข้าสู่ดินแดนรกร้างโบราณ เพื่อแก้แค้นให้พ่อแม่และเครือญาติแน่นอน ถึงตอนนั้นก็ไม่ต้องให้พวกเรากังวลใจแล้ว ลำพังแค่สำนักกระบี่เทียมฟ้าก็เพียงพอจะทำให้เด็กนี่ลำบากตรากตรำ กระทั่งดับสิ้นด้วยเหตุนี้ได้แล้ว!”
การวิเคราะห์นี้อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง ได้รับการสนับสนุนจากบุคคลสำคัญไม่น้อยในที่แห่งนี้ จึงพาให้ทุกคนรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก
ความจริงแล้วต่อให้หลินสวินจะเย้ยฟ้ามากเพียงใด แต่อาศัยเพียงพลังในปัจจุบันก็ไม่สามารถสั่นคลอนตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงสองตระกูลของพวกเขาได้แม้แต่น้อย
ยิ่งกอปรกับเขามีศัตรูมากมาย ขอเพียงย่างเข้าดินแดนรกร้างโบราณ ย่อมประสบกับการกดดันจากสำนักกระบี่เทียมฟ้าอย่างแน่นอน!
สำนักกระบี่เทียมฟ้าเป็นถึงสำนักเก่าแก่ที่หยัดยืนมาตั้งแต่สมัยบรรพกาลจนถึงปัจจุบัน ความเนิ่นนานแห่งกาลเวลา ความแน่นหนาในรากฐาน ถึงขั้นที่ไม่สามารถจินตนาการได้
หากหมายจะทำลายเด็กหนุ่มคนหนึ่ง คงไม่มีอะไรง่ายกว่านี้แล้ว!
“จู่ๆ ข้าก็นึกขึ้นมาได้ ตอนที่เด็กนี่อยู่ในส่วนลึกของทะเลกลืนวิญญาณ ยังเคยสังหารผู้สืบทอดของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ และด้วยเหตุนี้จึงได้ผูกพยาบาทกับแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ!”
มีคนโพล่งขึ้นมาฉับพลัน “อิทธิพลและรากฐานของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ ไม่ได้ด้อยไปกว่าสำนักกระบี่เทียมฟ้าเลยแม้แต่น้อย”
“ข้าเองก็นึกขึ้นได้เหมือนกัน ว่าเมื่อครึ่งปีก่อนเคยมีบุคคลชั้นสูงของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์มาเยือนสำนักศึกษามฤคมรกต แต่เจ้าเด็กหลินสวินนี่กลับอาละวาดในตอนนั้น ทำร้ายผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ไปหลายคน”
ชั่วขณะระหว่างนั้น เหล่าคนใหญ่คนโตบางส่วนต่างพากันเอ่ยปาก วิเคราะห์ขุมกำลังที่หลินสวินเคยผูกพยาบาทในอดีต
พวกเขาพูดกันคนละคำคนละประโยค ยิ่งพูดก็ยิ่งฮึกเหิมและผ่อนคลาย ความเคียดแค้นที่แต่เดิมสะสมอยู่ในใจก็พลอยหายไปด้วย
ท้ายที่สุดพวกเขาได้ข้อสรุปว่า เจ้าเด็กหลินสวินคนนี้ผูกแค้นมากเกินไป ภายภาคหน้าต้องมีคนมาเก็บเขาแน่ ไม่ต้องให้พวกเขากังวลอะไรเลยแม้แต่น้อย
และในจักรวรรดิจื่อเย่าแห่งนี้ ด้วยอำนาจในปัจจุบันที่หลินสวินและตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตมี ยังไม่สามารถสั่นคลอนตระกูลจั่วและฉินของพวกเขาได้สักนิด
นี่มีความหมายว่าภัยคุกคามทั้งหมดจากหลินสวิน อย่างน้อยในตอนนี้ก็ไม่นับว่าเป็นอะไรด้วยซ้ำ
“ฮ่าๆ ข้าแทบอยากให้เด็กนี่ออกจากจักรวรรดิไปดินแดนรกร้างโบราณไวๆ เสียแล้ว ที่แห่งนั้นมีสำนักเก่าแก่เรียงราย หมื่นเผ่าร่วมอยู่ ผู้แข็งแกร่งแหวกว่ายดุจฝูงปลา กว้างใหญ่ไพศาล ลำพังแค่ความสามารถของเจ้าเด็กนั่น ขืนยังล่วงเกินสำนักโบราณมากมายขนาดนั้นอีก กลัวแต่ว่าจะตายโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตายอย่างไรแล้ว”
“ข้าเองก็ตั้งตารอเหมือนกัน ตั้งแต่ก่อนหน้าจนถึงบัดนี้ เจ้าเด็กนี่ก็อาละวาดทำตัวคับฟ้า กล้าได้กล้าเสีย สร้างปัญหาวุ่นวายตั้งไม่รู้เท่าไร เป็นพวกอยู่ไมสุขชัดๆ หากเขาไปดินแดนรกร้างโบราณ ไม่รู้ว่าจะล่วงเกินใครไปอีกมากน้อย”
บรรยากาศภายในห้องโถงยิ่งผ่อนคลายขึ้นเรื่อยๆ ต่างรู้สึกมีความสุขบนความทุกข์ผู้อื่นยิ่งนัก
“รายงาน!”
ทันใดนั้นนอกห้องโถงมีข้ารับใช้ตระกูลจั่วคนหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาอย่างรีบร้อน เหงื่อเม็ดเป้งท่วมศีรษะ กล่าวรายงานอย่างละล่ำละลัก “ผู้นำตระกูล เพิ่งมาข่าวแพร่ออกมาว่าครึ่งปีนี้ที่หลินสวินคนนั้นเงียบหายไป ก็เพราะไปอาละวาดที่สมรภูมิกระหายเลือดขอรับ!”
คนใหญ่คนโตของสองตระกูลที่ ณ ที่นั้นต่างอึ้งงัน สับสบงงงวย นี่มีอะไรควรค่าแก่การเอะอะมะเทิ่งกัน
“ลองพูดรายละเอียดมา”
ผู้นำตระกูลฉินเอ่ยปากเสียงทุ้ม
ข้ารับใช้ปาดเหงื่อไปพลางกล่าวด้วยความรวดเร็วไปพลาง “เมื่อครู่นี้ทั้งนครต้องห้ามต่างมีข่าวแพร่กระจายไปทั่ว ว่าหลินสวินคนนั้นฆ่าราชันกึ่งระดับหลายคนในสมรภูมิกระหายเลือดด้วยตัวคนเดียว…”
ข้ารับใช้เริ่มสาธยายผลงานอันโดดเด่นของหลินสวินในสมรภูมิกระหายเลือด
และในระหว่างนี้ สีหน้าของเหล่าคนใหญ่คนโตในสองตระกูลจั่วและฉินต่างแปรเปลี่ยนเป็นอึมครึมขึ้นมา ความผ่อนคลายและสะใจที่เกิดขึ้นอย่างยากลำบากก่อนหน้านี้พลันติดปีกลอยหายไปด้วยเช่นกัน
“โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามเนื้อข่าว เหตุที่ทหารในสมรภูมิกระหายเลือดสามารถหยัดยืนอยู่ได้จนถึงเวลาเปิดช่องทางสู่จักรวรรดิ ก็เป็นความดีความชอบใหญ่หลวงของหลินสวิน!”
ตอนที่ข้ารับใช้กล่าวถึงตรงนี้ บรรยากาศในห้องโถงเงียบสงัดหาใดเปรียบ อึดอัดจนแทบทำให้ผู้คนหายใจไม่ออก
พวกเขาไหนเลยจะคาดคิดว่าครึ่งปีนี้ที่หลินสวินเงียบหาย ที่แท้ดันไปอาละวาดใหญ่โตอยู่ในสมรภูมิกระหายเลือดซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่ ‘เหี้ยมโหดนองเลือด’
ง้างธนูสังหารราชันกึ่งระดับ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์