Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 754

สรุปบท ตอนที่ 754 เตรียมความพร้อมก่อนเดินทาง: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 754 เตรียมความพร้อมก่อนเดินทาง – ตอนที่ต้องอ่านของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนนี้ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 754 เตรียมความพร้อมก่อนเดินทาง จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 754 เตรียมความพร้อมก่อนเดินทาง
ตอนอยู่ในสมรภูมิกระหายเลือด จ้าวซิงเย่เคยรับปากหลินสวินว่า หากไปขอ ‘คำอธิบาย’ จากตระกูลฉิน จะพาหลินสวินไปด้วย

และในคืนนี้เอง จ้าวซิงเย่และหลินสวินก็มาด้วยกัน

แต่จากปฏิกิริยาตื่นตกใจของเหล่าคนใหญ่คนโตตระกูลฉินสามารถรู้ได้ว่า ราชันสังสารวัฏฉินฉู่ไม่ได้บอกเรื่องที่เคยรับปากในสมรภูมิกระหายเลือดกับคนตระกูลฉินเหล่านี้

ทว่าทั้งหมดนี้ล้วนไม่สำคัญ หลินสวินมาคราวนี้เพราะจะดูว่าจ้าวซิงเย่ ‘สังหารโหด’ ตระกูลฉินอย่างไร เรื่องอื่นเขาไม่จำเป็นต้องกังวล

……

ครึ่งชั่วยามหลังจากนั้น

หลินสวินออกจากตระกูลฉินพร้อมกับจ้าวซิงเย่ด้วยรอยยิ้มพอใจ

แต่ตระกูลฉินที่อยู่ข้างหลังพวกเขากลับมีเสียงคำรามอย่างโกรธแค้นเป็นระลอก แทรกด้วยเสียงแตกของถ้วยชา ได้ยินอย่างชัดเจนไม่ว่าจะใกล้หรือไกล

หลินสวินอดมีความสุขอีกครั้งไม่ได้

ในการเจรจาก่อนหน้านี้ เมื่อคนตระกูลฉินเหล่านั้นได้ยินว่าฉินฉู่จะบริจาคทรัพย์สมบัติและกำลังทั้งหมดของตระกูลให้กับจักรวรรดิ พลันหน้าเขียวกันทั้งแถบ แต่ละคนโกรธจนแทบคลั่ง

แต่ต่อหน้าจ้าวซิงเย่พวกเขากลับไม่กล้าบุ่มบ่าม ทำให้แม้พวกเขาจะโกรธถึงขีดสุด กลับทำได้เพียงอดทน ท่าทางอึมครึมและอัดอั้นเช่นนั้น หลินสวินนึกถึงทีไรก็อดขำไม่ได้

สุดท้ายภายใต้ท่าทีที่ ‘ป่าเถื่อนไร้เหตุผล’ ของจ้าวซิงเย่ ตระกูลฉินจำต้องยอมจ่ายอย่างหนักหน่วง

เพียงแค่เหรียญทองที่บริจาคก็มากถึงหลายสิบล้าน นอกจากนี้ยังมีผลึกวิญญาณระดับสูงหนึ่งแสนชิ้น และรับปากว่าจะยกทัพหมื่นคนของตระกูลฉินไปทำสงครามให้จักรวรรดิที่สมรภูมิกระหายเลือด

นี่เป็นสิ่งแลกเปลี่ยนที่สูงมาก!

แม้ตระกูลฉินจะเป็นตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูง แต่การจ่ายมากเช่นนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับแล่เนื้อชิ้นหนึ่งออกจากตัว

“เจ้าหนู เจ้าพอใจหรือไม่” จ้าวซิงเย่คล้ายยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้ม ริมฝีปากแดงอวบอิ่ม ฟันขาวเป็นประกาย ตาโตและเย้ายวน

“เฮ้อ สุดท้ายฉินฉู่นั่นก็ไม่สามารถทำตามสัญญาได้” หลินสวินถอนหายใจกล่าว

จ้าวซิงเย่กลอกตาใส่เขาทีหนึ่งพลันพูด “เจ้ารู้จักพอเสียบ้าง อย่างไรตระกูลฉินก็เป็นตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูง แม้แต่ข้าก็ทำเกินไปไม่ได้ อยากให้ตระกูลฉินบริจาคทรัพย์สมบัติและกำลังทั้งหมดโดยดี นอกจากว่า…”

“นอกจากอะไร”

“นอกจากมีพลังที่เหนือกว่าระดับราชัน!”

“นี่…”

หลินสวินหรี่ตาคู่ดำขลับลง ครู่ใหญ่จึงพูดว่า “ดูเหมือนว่าต้องรอข้าไปจัดการเรื่องนี้ในภายภาคหน้าด้วยตัวเอง”

“งั้นข้าจะรอข่าวดีของเจ้า”

จ้าวซิงเย่ไม่ใส่ใจนัก

พลังที่เหนือกว่าระดับราชัน อย่างน้อยๆ ก็ต้องก้าวสู่หนทางการข้ามอมตะเคราะห์ ด้วยพลังปราณของหลินสวินในตอนนี้ ยังห่างจากเป้าหมายนี้ไกลมาก

จากการคาดเดาของนาง ด้วยพรสวรรค์และรากฐานที่หลินสวินมี ต่อให้ในเส้นทางฝึกปราณไม่มีความเสี่ยงและอุปสรรคใด อย่างน้อยก็ต้องหลังจากร้อยปีจึงจะสามารถบรรลุเป้าหมายนี้ได้!

หลินสวินยิ้มและไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น

ความจริงพูดเรื่องพวกนี้ตอนนี้ยังเร็วไป แต่ต่อไปหากมีพลังที่สามารถล้มล้างตระกูลจั่วและฉินได้ หลินสวินย่อมไม่เกรงใจแน่!

……

ภูเขาชำระจิต

หลังจากสู้ชนะชิงเจ๋อแล้วตามจ้าวซิงเย่ไปรีดไถ ‘ค่าชดเชย’ จากตระกูลฉินอย่างรุนแรง หลินสวินก็เก็บตัวไม่โผล่หน้าออกมาอีก

เขากำลังเตรียมพร้อมเดินทางไปดินแดนรกร้างโบราณ

“เจดีย์สมบัติไร้อักษร ดาบหัก ธนูวิญญาณไร้แก่นสาร ศรแห่งนภาคราม… พวกนี้เป็นสมบัติที่ต้องพกติดตัว”

หลินสวินกำลังตรวจนับสมบัติที่ตนได้รับในช่วงหลายปีมานี้

ไม่ตรวจนับก็ไม่รู้ พอนับก็ตกใจทันที คิดไม่ถึงเลยว่าหลายปีมานี้ตนสะสมสมบัติได้มากมายขนาดนี้แล้ว

ในบรรดาสมบัติเหล่านี้มีวัตถุดิบวิญญาณที่แปลกประหลาดชนิดต่างๆ มีโอสถวิญญาณที่เรียกได้ว่าไร้เทียมทาน มีสมบัติและทรัพย์หลังศึกที่ได้จากศัตรูและอื่นๆ อีกมากมายหลากหลายประเภท

แน่นอนว่าก็มีสมบัติที่เมื่อก่อนอาจจะเรียกได้ว่าล้ำค่า แต่ปัจจุบันไม่ได้มีค่าอะไรในสายตาของหลินสวินแล้ว

สุดท้ายหลังผ่านการเลือกอย่างละเอียด หลินสวินตัดสินใจทิ้งสมบัติส่วนใหญ่ไว้ที่ตระกูลหลิน เพื่อให้คนในตระกูลใช้

ส่วนตัวเขาเก็บไว้เพียงเจดีย์สมบัติไร้อักษร ดาบหัก ธนูวิญญาณไร้แก่นสาร ศรแห่งนภาคราม นอกจากนี้ในเจดีย์สมบัติไร้อักษรยังสยบสมบัติลับสองชิ้นอย่าง ‘ทวนศึกผนึกฟ้า’ และ ‘บรรทัดทลาย’ ไว้อีกด้วย

พวกมันมาจากเผ่าวาฬมังกรและเผ่ากวางหยกในส่วนลึกของทะเลกลืนวิญญาณตามลำดับ ล้วนเป็นอาวุธบรรพบุรุษพิทักษ์เผ่า!

สมบัติสองชิ้นนี้แม้ปัจจุบันถูกสยบอยู่ในเจดีย์สมบัติไร้อักษร แต่ก็ยังดิ้นรนและต่อต้าน ไม่สามารถกำราบได้โดยสมบูรณ์ ดูน่าอัศจรรย์อย่างที่สุด

หลินสวินไม่สงสัยเลยสักนิดว่าหากเอาพวกมันออกมา ด้วยพลังของตนย่อมไม่สามารถกำราบพวกมัน จะทำให้พวกมันหนีออกไปได้!

โชคดีที่เจดีย์สมบัติไร้อักษรอัศจรรย์อย่างมาก แสงมรรคทองนิลกาฬที่อยู่ภายในมีพลังการควบคุม สามารถสยบพวกมันได้

“ยังมีน้ำเต้าหลอมวิญญาณนี่อีก!”

หลินสวินหัวใจสะท้านขึ้นมาคราหนึ่ง เขาเกือบลืมสมบัติชิ้นนี้ไปแล้ว!

มันแวววาวเหมือนหยกเพลิง กระจ่างโปร่งใส พื้นผิวเต็มไปด้วยประกายแห่งจิตวิญญาณ ราวกับเพลิงศักดิ์สิทธิ์มากมายกำลังลุกโหม

เมื่อมองอย่างละเอียดจะพบว่าบนนั้นประทับลายมรรคอันลึกลับและคลุมเครือราวกับลายเมฆขด สลักลวดลายโบราณอย่างการเซ่นไหว้บรรพบุรุษ บุปผปักษามัจฉาแมลง จิตวิญญาณอันเป็นธรรมชาติวนเวียนอยู่ภายใน ทำให้มันดูเหมือนมีชีวิต

แก่นมรรค ก็คือพลังอันยอดเยี่ยมที่แฝงไว้ซึ่งมรดกมหามรรคในตำนานอย่างหนึ่ง!

‘เจ้าเฒ่าอู๋จิ้ว’ แห่งแดนพิสุทธ์ยอดยุทธ์ ในตอนนั้นเคยกรีดเลือดหัวใจสามพันหยดของเจ้าของเลือดสีม่วง เพื่อลบล้างเจตจำนงของเจ้าของเลือดม่วงอย่างสิ้นเชิง ช่วงชิงมรดกมหามรรคที่อยู่ภายใน

สิ่งที่สามารถมั่นใจได้คือ ระหว่างเจ้าของเลือดม่วงกับแดนพิสุทธ์ยอดยุทธ์จะต้องเป็นศัตรูคู่อาฆาตอย่างแน่นอน เพียงแค่บุญคุณความแค้นนี้เกิดขึ้นในอดีตกาล ผ่านมานานมากแล้ว

หลินสวินถึงขั้นสงสัยว่า แดนพิสุทธ์ยอดยุทธ์คงจะถูกทำลายไปตามกาลเวลาตั้งนานแล้ว

‘น่าเสียดาย พลังที่แฝงอยู่ในเลือดสีม่วงหยดนี้น่ากลัวเกินไป ด้วยพลังของข้าในตอนนี้ยังรู้สึกหวาดผวา กลัวว่าคงมีเพียงตอนที่พลังปราณถึงระดับกระบวนแปรจุติ จึงจะมีโอกาสลองหลอมแก่นมรรคที่แฝงอยู่ภายใน…’

หลินสวินถอนหายใจเบาๆ เก็บน้ำเต้าหลอมวิญญาณไปอย่างระมัดระวัง

หากไม่พูดถึงเลือดม่วง เพียงแค่ที่มาของน้ำเต้าหลอมวิญญาณก็ไม่ธรรมดา ประทับร่องรอยมหามรรคอันลึกลับ ผ่านการกัดกร่อนไปตามกาลเวลาอย่างไร้ขีดจำกัดแต่ยังสมบูรณ์ไม่มีความเสียหาย ช่างน่าอัศจรรย์อย่างที่สุด

‘เจ้าคางคกและซย่าจื้อก็ต้องพาไปด้วยกัน’

หลังจากจัดหมวดหมู่สมบัติต่างๆ หลินสวินก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนที่ตนจะจากไปมีเรื่องหนึ่งที่ต้องทำ ‘สิ่งสำคัญตอนนี้คือต้องเลือกตัวแทนที่จะมาครอบครองอำนาจบนภูเขาชำระจิตก่อน…’

หลายวันหลังจากนั้นที่ตำหนักชำระจิต

หลินสวินเรียกบุคคลชั้นนำของตระกูลหลินมารวมตัวกัน ประกาศต่อหน้าทุกคนว่า ต่อไปให้หลินไหวหย่วนเป็นตัวแทนครอบครองอำนาจภูเขาชำระจิต!

ในขณะเดียวกันก็ให้หลินจงและพญาแร้งเป็นผู้อาวุโส ช่วยหลินไหวหย่วนครอบครองอำนาจ

นี่เป็นผลลัพธ์หลังจากหลินสวิน หลินจงและพญาแร้งหารือกัน แม้ที่ผ่านมาหลินไหวหย่วนทำเรื่องเลอะเลือนไปบ้าง แต่ความสามารถและทักษะนั้นเรียกได้ว่าโดดเด่น

นอกจากนี้เขาเดินตามรอยเท้าหลินสวินอย่างสุดจิตสุดใจตั้งนานแล้ว การให้ครอบครองอำนาจภูเขาชำระจิตจึงเหมาะสมที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

บวกกับความช่วยเหลือจากหลินจงและพญาแร้ง ก็ไม่ต้องห่วงว่าจะเกิดปัญหาใหญ่อะไร

ถึงอย่างนั้นตอนที่ได้ยินการแต่งตั้งนี้ ยังคงทำให้ทุกคนตกใจ โดยเฉพาะหลินไหวหย่วนยิ่งงุนงงที่สุด

ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยคิดเลยว่าตนจะถูกเลือก ไม่ได้เตรียมตัวเลยสักนิด!

หลินไหวหย่วนลุกขึ้นพร้อมร่างกายที่สั่นเทา นี่เป็นผลมาจากความตื่นเต้นที่มากเกินไป หลินสวินไว้วางใจเขาถึงเพียงนี้ ให้เขาครอบครองอำนาจภูเขาชำระจิต นี่ทำให้เขาอยากร้องไห้ออกมา

“ผู้นำวางใจได้! ข้าจะดูแลทุกเรื่องของตระกูลหลินอย่างดี ไม่ให้เกิดความผิดพลาดใดๆ อย่างแน่นอน!”

หลินไหวหย่วนลุกขึ้นทันควัน สูดหายใจเข้าลึกๆ ให้คำมั่นสัญญาอย่างเฉียบขาด

ตอนนี้แม้หลินสวินให้เขาไปตาย เขาก็คงไม่แม้แต่จะขมวดคิ้ว!

นี่คือความรู้สึกของหลินไหวหย่วนในตอนนี้!

และเมื่อผ่านเรื่องนี้ กลุ่มคนเบื้องบนตระกูลหลินที่นั่งอยู่ต่างตระหนักได้ว่า เด็กหนุ่มผู้นำตระกูลของพวกเขากำลังจะจากไป และมุ่งหน้าสู่ดินแดนรกร้างโบราณแล้ว!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์