พวกโม่เฟิงแม้ทั้งโกรธทั้งอายจนอยากตาย เคียดแค้นจนคลุ้มคลั่ง แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงหนีไปอย่างเศร้าสลด เพียงแต่ในใจพวกเขากลับสงสัยอยู่เรื่องหนึ่ง
เหตุใดงูเหลือมยักษ์ตัวนี้ถึงไม่ฆ่าพวกเขา
แน่นอนว่าพวกเขาไม่กล้าถาม แทบอยากให้พ่อแม่งอกขาดมาให้เพิ่มจะแย่ รีบหนีจากไป
ซ่า!
ในทะเลสาบ เกลียวคลื่นม้วนตลบระลอกหนึ่ง ปรากฏเงาร่างสูงโปร่งร่างหนึ่ง เป็นหลินสวินจริงๆ
“คุณชาย ท่านพอใจหรือไม่ขอรับ”
กลับเห็นว่างูเหลือมยักษ์วารีทมิฬที่น่าเกรงขามก่อนหน้านี้ เวลานี้กลับแสดงสีหน้าประจบประแจง เข้าประชิดอย่างว่านอนสอนง่าย เออออห่อหมก ท่าทางเชื่องเชื่ออย่างถึงที่สุด
หากพวกโม่เฟิงเห็นเข้าต้องโกรธจนกระอักเลือดแน่
“เมื่อกี้เจ้าพูดว่าไม่สบอารมณ์ จะเอาพวกเขาเป็นที่ระบาย นี่คือโกรธข้างั้นหรือ”
สองมือของหลินสวินไพล่หลัง ดวงตาสีดำชำเลืองมองอสูรมารตัวนี้อย่างเรียบเฉยครั้งหนึ่ง
งูเหลือมยักษ์วารีทมิฬแข็งทื่อไปทั้งตัว รอยยิ้มชะงักค้าง รีบร้อนส่ายหน้า “จะกล้าได้อย่างไรๆ คุณชายท่านเข้าใจผิดแล้ว”
เพียงแต่ในใจเขาทุกข์ระทมยิ่งนัก
เขาเป็นถึงงูเหลือมยักษ์วารีทมิฬ พญาอสูรมารตนหนึ่งที่เรียกลมเรียกฝนได้ในภูเขาโคม่วง แม้แต่มหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติก็ไม่อยู่ในสายตาของเขา
แต่ก่อนที่พวกโม่เฟิงจะมา กลับถูกเด็กหนุ่มตรงหน้าเล่นงานเสียอ่วมไปยกหนึ่งอย่างไม่เกรงใจ ขนาดพลังจะประลองกระบวนท่ายังไม่มี
ถึงขั้นยังถูกเด็กหนุ่มผู้นี้ข่มขู่ให้ช่วยไปจัดการเจ้าพวกเมื่อกี้สักยกหนึ่ง นี่ทำให้งูเหลือมยักษ์วารีทมิฬรู้สึกคับข้องใจอย่างบอกไม่ถูก
“พี่หลินสวิน ท่านร้ายกาจจริงๆ ขนาดพญาอสูรมารยังเชื่อฟังท่าน” ข้างกัน ซย่าเสี่ยวฉงดวงตาเป็นประกาย ใบหน้าใสซื่อเต็มไปด้วยความชื่นชม
งูเหลือมยักษ์วารีทมิฬน้ำตาแทบไหล ให้ตายสิ เขาเป็นถึงพญาอสูรมารระดับกระบวนแปรจุติ กลับกลายเป็นตัวเสริมไปเสียได้ บนโลกนี้จะมีพญาอสูรมารตัวไหนโชคร้ายกว่าเขาหรือไม่
หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ยังจะให้เขาเป็นอสูรมารผู้ยิ่งใหญ่ในภูเขาโคม่วงได้อย่างไร
“ครั้งนี้เจ้าทำได้ดี จะปล่อยเจ้าไปก็แล้วกัน”
เมื่อหลินสวินเอ่ยคำนี้ออกมา ก็ทำให้งูเหลือมยักษ์วารีทมิฬลอบถอนหายใจราวยกภูเขาออกจากอกในทันใด เขากังวลจริงๆ ว่าเด็กหนุ่มจะฆ่าเขาเมื่อเสร็จกิจ
“พี่หลินสวิน มุกควบรวมจิตของข้าเต็มแล้ว พวกเรายังจะไปชิงเหยื่อของพวกเขาไหม” ซย่าเสี่ยวฉงถาม
“เต็มแล้วหรือ”
หลินสวินอึ้งไป ตอนนี้ถึงเพิ่งว่า เหยื่อที่แย่งมาจากพวกโม่เฟิงในหลายวันมานี้ กลับช่วยซย่าเสี่ยวฉงสะสมพลังจนเต็มมุกควบรวมจิตโดยไม่รู้ตัวแล้ว
“เช่นนั้นสามารถจบบททดสอบได้แล้วใช่ไหม” หลินสวินถาม
“ไม่ได้สิ” ซย่าเสี่ยวฉงเอ่ยอย่างทุกข์ใจ “นี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าทำสำเร็จด้วยตัวเอง หากอาจารย์รู้เข้าต้องด่าข้าแน่”
“เช่นนั้นเจ้ายังมีมุกควบรวมจิตไหม” หลินสวินชื่นชมความแน่วแน่ของซย่าเสี่ยวฉงนัก นี่เป็นพฤติกรรมที่ดีอย่างหนึ่ง ต้องแน่วแน่ตั้งใจ ถึงจะทำให้ตนเดินบนวิถีของตัวเองได้ไกลยิ่งขึ้น
“เอ้อ ไม่มี” ซย่าเสี่ยวฉงยิ่งทุกข์ใจขึ้นไปอีก ใบหน้าใสซื่อยู่ยี่เป็นก้อน หม่นหมองไม่รื่นเริง
“ข้ามี!”
กลับเห็นว่างูเหลือมยักษ์วารีทมิฬที่อยู่ข้างๆ ส่งมุกควบรวมจิตสีฟ้าเป็นประกายกองหนึ่งออกมาอย่างกระตือรือร้นราวมอบสมบัติให้ “ขอคุณชายกับคุณหนูรับไว้เถิด”
มุกควบรวมจิตเหล่านี้มีราวสิบกว่าก้อน แต่ละก้อนมีขนาดเท่าไข่ไก่ โปร่งแสงแวววาว อบอวลไปด้วยรังสีคลุมเครือเยียบเย็น งดงามนัก
“เจ้าไปเอามุกควบรวมจิตมากมายขนาดนี้มาจากไหน”
หลินสวินประหลาดใจ
งูเหลือมยักษ์วารีทมิฬเอ่ยอย่างขวยเขินว่า “ก่อนหน้านี้มีผู้ฝึกปราณไม่น้อยมาผจญภัยที่ภูเขาโคม่วง ไข่มุกเหล่านี้ล้วนชิงมาจากพวกเขาขอรับ”
เด็กหนุ่มเข้าใจในทันที ผู้ฝึกปราณเหล่านั้นต้องถูกงูเหลือมยักษ์ตัวนี้ฆ่าตายแน่
แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกว่าไม่เหมาะไม่ควร ในดินแดนรกร้างโบราณแห่งนี้มีเผ่าพันธุ์ดำรงอยู่มากมายนับไม่ถ้วน สัตว์ปีศาจและอสูรมารบำเพ็ญก็เป็นกลุ่มหนึ่งในนั้น การปะทะและสังหารกันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปกติ
หรือจะอนุญาตให้เพียงผู้ฝึกปราณไปล่า แต่ไม่อนุญาตให้ให้สัตว์ปีศาจและอสูรมารโจมตีกลับเล่า
หลินสวินขบคิดเล็กน้อยค่อยกล่าวว่า “ช่างเถอะ ข้าไม่ได้จะเอาของของเจ้าไปเปล่าๆ วิชาลับนี้ก็ถือเป็นค่าตอบแทนก็แล้วกัน”
เขาพูดพลางหยิบคัมภีร์กระดูกที่มีแสงม่วงไหลเวียนออกมาเล่มหนึ่ง แล้วส่งให้งูเหลือมยักษ์วารีทมิฬ
“วิชาเจียวดำกลืนสวรรค์หรือขอรับ”
งูเหลือมยักษ์วารีทมิฬสั่นสะท้านไปทั้งตัว เพียงมองปราดเดียวเขาก็ดูออกว่าวิชาลับนี้ไม่ธรรมดา เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าเป็นคัมภีร์โบราณที่ตกทอดมายาวนานเล่มหนึ่ง!
“ข้าต้องเตือนเจ้าก่อนว่านี่เป็นวิชาลับที่สืบทอดในเผ่าเจียวดำ หากแพร่งพรายออกไป อาจจะนำพาเภทภัยที่ไม่อาจคาดคิดได้มาให้เจ้า หากเจ้าไม่อยากรับไป ข้าเปลี่ยนเป็นสิ่งอื่นให้เจ้าแทนได้”
หลินสวินอธิบายรอบหนึ่ง
เขายังมีวิชาลับเช่นนี้อยู่ในครอบครองไม่น้อย เช่น คัมภีร์ยุทธจักรของเผ่าสิงห์โลหิต วิชาสำรอกรู้ตนของเผ่าวาฬมังกร วิชาสมบัติร่างค้อนอสนีแกร่งของเผ่าวัวมารทรงพลัง คัมภีร์หกเกราะผนึกมารของเผ่าโห่วเมฆาเป็นอาทิ
ล้วนเป็นทรัพย์หลังศึกที่ได้มาจากบุคคลระดับบุตรเทพแต่ละเผ่า สมัยเขาท่องอยู่ในแดนลับอสูรมารอริยะที่อยู่ในส่วนลึกของทะเลกลืนวิญญาณ
วิชาลับทุกวิชาล้วนถือเป็นวิชาลับตกทอดของแต่ละเผ่า ภายในซ่อนแฝงไว้ซึ่งแก่นอัศจรรย์มหามรรค ไม่อาจประเมินราคาได้ หากแพร่ออกไป ย่อมต้องก่อให้เกิดเภทภัยที่ไม่อาจคาดคิดได้
“ไม่ต้องเปลี่ยนๆ” งูเหลือมยักษ์วารีทมิฬดีใจจนเนื้อเต้น สองตาเปล่งประกาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์