หลังจากหลินสวินแน่ใจในตำแหน่งของค่ายกลโบราณลี้ลับนั้นแล้วก็ใคร่ครวญเล็กน้อย แล้วให้หมูอสูรมารพาซย่าเสี่ยวฉงไปซ่อนตัว
เขาคิดจะปีนเขาโดยลำพังไปดูค่ายกลโบราณนั้นเสียหน่อย
ส่วนความปลอดภัยของซย่าเสี่ยวฉง หลินสวินก็ไม่ได้เป็นห่วงเลย ก่อนหน้านี้เขาประทับจิตวิญญาณบนร่างหมูอสูรมารไว้แล้ว ในขอบเขตหนึ่งร้อยลี้จากยอดเขาดาราโรยนี้ ขอเพียงหมูอสูรมารทำอะไรชอบกล เขาก็จะรับรู้ได้ทันที
ในราตรีสีนิล หลินสวินสำแดงก้าวย่างชือน้ำแข็งเข้าไปใกล้อย่างเงียบๆ
‘ไอสังหารคาวเลือดหนาแน่นยิ่ง!’
เมื่อมาถึงใต้เขาดาราโรย ทั้งร่างของหลินสวินก็เกร็งขึ้นมา บรรยากาศที่นี่กดดันเกินไปแล้ว กลิ่นคาวเลือดเตะจมูก
ซากศพกองแล้วกองเล่าที่หลงเหลืออยู่บนพื้น มีทั้งสัตว์ปีศาจ อสูรมาร ผู้ฝึกปราณ สภาพการตายหลากหลาย แต่ต่างน่าหดหู่อย่างยิ่งทั้งนั้น
เมื่อเงยมองขึ้นไปสังเกตการณ์ก็พบว่า เริ่มตั้งแต่ตีนเขาดาราโรย บนทางภูเขาสีเงินยวงราวหิมะมีร่องรอยศึกใหญ่ดุเดือดให้เห็นอยู่ทั่วไป
เห็นได้ชัดว่าในช่วงเวลานี้ที่นี่มีการปะทะและศึกนองเลือดมากมายปะทุขึ้น ทำให้ผู้ฝึกปราณหลายคนต้องกล้ำกลืนความคับข้องใจอยู่ที่นี่ พูดได้ว่าทางภูเขาเปรอะเปื้อนเลือดไปทุกส่วน
ในเวลาเดียวกันหลินสวินก็สังเกตได้อย่างเฉียบแหลมว่า ยามเขาเข้าใกล้ใต้ยอดเขาดาราโรย ในที่ลับมีจิตรับรู้ไม่รู้เท่าไรเคลื่อนมาทางตนราวกระแสน้ำ
“หึ!”
ดวงตาสีดำของหลินสวินวาบประกายเย็นเยียบ โคจรลักษณ์แห่งตะวันจรัสแสงในเคล็ดเวทบริกรรม พลังจิตวิญญาณปะทุคลื่นทำลายล้างน่ากลัวราวทินกรเจิดจ้าดวงหนึ่งแผ่กระจายออกไป
ชั่วพริบตาจิตรับรู้ที่เคลื่อนมาท่ามจากในที่มืดเหล่านั้นก็เหมือนรับรู้อันตราย จึงพากันถอยหนีราวกับนกที่ถูกธนูทำให้แตกตื่น ไม่กล้ามาสำรวจอีก
‘เอ๊ะ!’
‘เป็นเด็กหนุ่มที่ดุดันนัก!’
ในที่ลับ ผู้แข็งแกร่งที่ซ่อนตัวอยู่มากมายตื่นตระหนกไม่ว่างเว้น
‘พลังจิตแข็งแกร่งยิ่ง ที่แท้เขาไม่ได้มีพลังปราณระดับหยั่งสัจจะ แต่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับกระบวนแปรจุติ…’
และมีผู้แข็งแกร่งที่คิดว่าการที่หลินสวินมีพลังจิต พลังปราณจะต้องไม่ได้อยู่ในระดับหยั่งสัจจะอย่างเปลือกนอก แต่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่ง
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาคิดผิดแล้ว
หรือกล่าวว่า ในจิตใต้สำนึกพวกเขาแทบไม่เคยคิดว่าบนโลกนี้จะมีสัตว์ประหลาดที่สามารถควบรวม ‘พลังจิต’ ได้ทั้งที่อยู่ระดับหยั่งสัจจะอย่างหลินสวิน
หลินสวินเริ่มปีนเขาแล้ว ร่างกายสงบนิ่งมั่นคงราวเดินเล่นในสวน แต่ความจริงแล้วตัวเขาพร้อมจะลงมือทุกเมื่อราวคันธนูที่ง้างจนตึง เตรียมพลังรอไว้แล้ว
ยอดเขามีสีเงินยวง อาบไล้รัศมีดาราดูศักดิ์สิทธิ์ แต่แท้จริงแล้วมีซากศพกระจัดกระจายตลอดทาง คราบเลือดมีให้เห็นทั่วไปหมด สภาพการณ์น่าหดหู่
อีกทั้งมีพลังต้องห้ามน่าหวาดหวั่นอันไร้รูปอบอวล มากด้วยแรงกดดัน ทำให้หลินสวินรู้สึกขนลุก
“สหายน้อย วาสนาครั้งนี้แม้มาเยือนนานแล้ว แต่กลับยังไม่ถึงเวลาเปิด ขอเตือนให้เจ้ากลับไปเถอะ อย่าปีนขึ้นไปอีกเลย จะได้ไม่ต้องเสี่ยงชะตาขาด”
ระหว่างทางหลินสวินก็รับรู้ได้ว่ามีผู้ฝึกปราณที่แข็งแกร่งซ่อนตัวอยู่ ไม่ได้ว่างเปล่าไร้คน มีบุคคลชั้นยอดระดับกระบวนแปรจุติเผ่ามนุษย์ไม่น้อย
ที่เอ่ยปากเตือนหลินสวินก็คือชายชราคนหนึ่งซึ่งแต่งกายด้วยชุดนักพรต ศีรษะสวมเกี้ยวประดับขนนก เขานั่งขัดสมาธิใต้ต้นไม้โบราณต้นหนึ่ง ทุกครั้งที่กะพริบตา ราวกับมีสายฟ้าฟาดบังเกิดขึ้นในดวงตา น่าหวาดหวั่นยิ่ง
“ขอบคุณมาก”
หลินสวินพยักหน้าขอบคุณ แต่จากนั้นก็ปีนเขาต่อไป
“เฮอะ คนรุ่นหลังเหนือล้ำกว่ารุ่นก่อน เพียงแต่มุทะลุเกินไปแล้ว…”
ชายชราชุดนักพรตประชดประชัน ชักสายตากลับมาไม่สนใจหลินสวินอีก
หลายวันนี้เขาเห็นบุคคลร้ายกาจในหมู่ผู้ฝึกปราณเผ่ามนุษย์และอสูรมารขึ้นเขามามากมาย แต่ส่วนมากล้วนประสบเคราะห์และสิ้นชีพไปในการปะทะและศึกดุเดือด
ชายชราในชุดนักพรตมีนามว่าซ่งฉี เป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งในสำนักยุทธ์พันเวทใน ‘สี่สำนักสามตระกูล’ มีพลังปราณระดับกระบวนแปรจุติขั้นสูง มีชื่อเสียงยิ่งในแคว้นวิญญาณอัคนี
แต่ขนาดเขายังทำได้เพียงเร้นกายบริเวณไหล่เขานี้ ไม่กล้าขึ้นไปด้านบน
เพราะตามที่เขารู้ บนยอดเขาดาราโรยตอนนี้ยิ่งสูงขึ้นไปก็ยิ่งอันตราย มีพวกร้ายกาจที่พลังแข็งแกร่งคนแล้วคนเล่าซ่อนตัวอยู่ ทั้งบุคคลชั้นยอดจากขุมอำนาจสี่สำนักสามตระกูล ทั้งผู้แข็งแกร่งภายนอกบางคนที่ได้ข่าวจึงมาที่นี่จากทั่วทุกสารทิศ
ขนาดพญาอสูรมารที่น่ากริ่งเกรงบางตัวในภูเขาโคม่วงก็ยึดครองอาณาเขตบนยอดเขาดาราโรย ย่อมมีอันตรายหนักหนา ไอสังหารทุกย่างก้าว!
ตอนนี้เด็กหนุ่มคนนั้นมีเพียงพลังปราณระดับหยั่งสัจจะเท่านั้น กลับมุ่งหมายจะปีนเขา ในความคิดของซ่งฉีก็ไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย
“เจ้าเด็กน้อย นี่เป็นที่ที่เจ้าไม่ควรมานะ รีบไสหัวไป!”
ทันใดนั้นบนทางขึ้นเขาสูง เสียงคำรามราวฟ้าคำรนก็ดังขึ้น อินทรีหัวผีตัวหนึ่งก็กระโจนออกมา ตีปีกเจิดจ้าที่ประหนึ่งคมดาบจะซัดอีกฝ่ายให้กระเด็น
สัตว์ดุร้ายตัวนี้ท่าทางโอหังหยิ่งผยองถึงที่สุด ปีกของมันซัดลมหอบใหญ่ขึ้น กวาดให้หินผาตกลงลงมา น่ากลัวอย่างยิ่ง
กรรมตามทันแล้ว!
ซ่งฉีลอบถอนใจ อินทรีหัวผีนั่นพลังแข็งแกร่งยิ่งนัก ฆ่ามหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติทั่วไปได้ราหั่นผัก ทั้งนิสัยใจคอยังป่าเถื่อนดุร้าย ปลิดชีพผู้แข็งแกร่งไปไม่รู้เท่าไร
และในความคิดของซ่งฉี เด็กหนุ่มนั่นก็กำลังประสบเคราะห์ยากหลีกหนีแล้ว!
“นี่ก็เป็นจุดจบของคนที่ไม่ฟังคำเตือนของคนอื่นสินะ…” ซ่งฉีไม่อยากทนดูภาพนองเลือด กำลังจะชักสายตากลับมา
และก็เป็นตอนนี้เองที่นัยน์ตาของเขาแข็งทื่อในทันใด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์