ที่ฟางหลินหานกล่าวถึง น่าจะเป็นผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะที่มาเยือนวันนี้ โดยใช้เจียวทองเก้าหัวเป็นพาหนะ ใช้ตำหนักอมตะสมบัติอริยะเป็นที่พัก
ทว่าตอนนั้นหลินสวินเห็นแค่หนุ่มสาวส่วนหนึ่งซึ่งดูประดุจเทพเซียน ไม่รู้ว่าในนั้นใครคือบุตรเทพคนปัจจุบันของแดนพิสุทธิ์อมตะ
อวี่หลิงคง?
เป็นชื่อที่มีเอกลักษณ์และชวนให้คนจดจำได้อย่างลึกซึ้ง
“อวี่หลิงคงนี่ร้ายกาจมากหรือ” หลินสวินถาม
ฟางหลินหานนั่งลงอีกฟากของหลินสวินอย่างสบายอารมณ์ มุมปากบางดุจปลายดาบปรากฏรัศมีโค้งสายหนึ่งพลางกล่าว “นี่น่ะเป็นผู้กล้าไร้เทียมทานมือหนึ่งแห่งแดนกาฬทักษิณ ชื่อเสียงสะเทือนโลกฟากหนึ่ง แน่นอนว่าไม่ใช่พวกธรรมดา”
ชื่อเสียงสะเทือนโลกฟากหนึ่ง!
หลินสวินรู้สึกประหลาดใจทันใด นี่ออกจะน่าทึ่งอยู่บ้าง
ในแดนฐิติประจิมเป็นที่รู้กันว่ามีเขตแคว้นหลายพัน หนึ่งแคว้นเสมือนโลกขนาดย่อมแห่งหนึ่ง
เปรียบเทียบกันแล้ว ความยิ่งใหญ่ของอาณาเขตแดนกาฬทักษิณ เกรงว่าคงไม่ด้อยไปกว่าแม้แต่น้อย
แต่อวี่หลิงคงบุตรเทพคนปัจจุบันแห่งแดนพิสุทธิ์อมตะนี่ กลับชื่อเสียงสั่นสะเทือนทั้งแดนกาฬทักษิณ แค่คิดก็รู้ว่าคนผู้นี้เจิดจรัสและไร้เทียมทานระดับใด!
“ตระกูลอวี่ เมื่อครั้งบรรพกาลก็เป็นตระกูลใหญ่มีชื่อเสียงอย่างยิ่ง สามารถผ่านกาลเวลาเปลี่ยนผันไร้สิ้นสุดและดำรงอยู่จวบจนปัจจุบัน แค่คิดก็รู้ว่ารากฐานในตระกูลนี้น่าหวาดกลัวเช่นไร”
“และอวี่หลิงคงก็มาจากตระกูลอวี่ ทั้งเป็นทายาทสายตรง บรรพบุรุษเขาเป็นอริยะที่แท้จริงผู้หนึ่ง!”
ฟางหลินหานกล่าวทอดถอนใจอย่างยากพบเห็น “เดิมทียามอวี่หลิงคงเกิดก็มีพรสวรรค์เป็นเลิศติดตัวมาแล้ว ค่อนข้างลึกลับและสะเทือนใต้หล้าทีเดียว และหลังจากกราบอาจารย์เข้าสู่แดนพิสุทธิ์อมตะ ยิ่งเผยพลังแฝงและศักยภาพที่สามารถสะเทือนอดีตสาดส่องปัจจุบันออกมา”
“กระทั่งจนตอนนี้ เขาไม่เพียงเป็นบุตรเทพคนปัจจุบันของแดนพิสุทธิ์อมตะ ยังเป็นยอดบุคคลในหมู่ผู้กล้ารุ่นเยาว์แห่งแดนกาฬทักษิณ พอฟัดพอเหวี่ยงกับจี้ซิงเหยาธิดาเทพคนปัจจุบันของเรือนกระบี่เร้นปุจฉาแห่งแดนฐิติประจิมของพวกเรา!”
กล่าวถึงตรงนี้นัยน์ตาฟางหลินหานฉายประกายเจิดจรัส “บุคคลเช่นนี้จึงจะเรียกได้ว่าเป็นผู้กล้าแห่งยุคที่แท้จริง ประดุจสุริยันแรกปรากฏ เปล่งประกายโดดเด่นเหนือโลกหล้า ต่อให้กวาดตามองทั่วดินแดนรกร้างโบราณ บุคคลแห่งยุคเช่นนี้ก็มีแค่หนึ่งหยิบมือเท่านั้น”
หลินสวินเลิกคิ้ว ในใจออกจะตกใจอยู่บ้าง
ฟางหลินหานนับเป็นบุคคลชวนตกตะลึงรุ่นเยาว์ผู้หนึ่ง แต่เขากลับชื่นชมอวี่หลิงคงแห่งแดนพิสุทธิ์อมตะไม่หยุดปาก ไม่ตระหนี่วาจาสวยหรู จากจุดนี้ก็มองออกว่าฐานะของอวี่หลิงคงนั่นเด่นผงาดระดับใด
ฟางหลินหานพลันกล่าวเปลี่ยนประเด็น “แน่นอนว่าดินแดนรกร้างโบราณนี่กว้างใหญ่ไพศาล ใครต่างไม่อาจยืนยันว่ามีผู้กล้าที่น่าตกตะลึงอีกเท่าไหร่กันแน่ แต่ที่สามารถยืนยันได้คือ อย่างน้อยที่สุดบนโลกปัจจุบัน ในบรรดาผู้กล้าแห่งยุคที่ผู้คนต่างรู้จักต้องมีอวี่หลิงคงด้วยแน่”
หลินสวินเห็นด้วยกับจุดนี้อย่างสุดซึ้ง อย่างเช่นเซ่าเฮ่าแห่งเผ่าราชันเร้นดาราที่เขาพบบนยอดเขาดาราโรย ณ ภูเขาโคม่วงเมื่อหลายวันก่อน ต้องเป็นพวกฝีมือล้ำเลิศปลีกวิเวกทางโลกผู้หนึ่ง
แต่บนโลกนี้นอกจากตนแล้ว ปัจจุบันแทบไม่มีคนรู้ถึงการมีอยู่ของเขา นี่ก็คือเบื้องลึกเบื้องหลังในดินแดนรกร้างโบราณ
ใครต่างไม่กล้าพูดเพ้อเจ้อว่าบนโลกนี้มีอัจฉริยบุคคลพลิกฟ้า แต่ปัจจุบันกลับจำศีลเงียบๆ อยู่เท่าไหร่กันแน่
แต่มีจุดหนึ่งที่สามารถยืนยัน นั่นก็คือหลังจากมหาสงครามมาเยือน ดินแดนรกร้างโบราณนี้ต้องมีเหล่าผู้พลิกฟ้าปรากฏตัวขึ้นบนโลกมากขึ้นเรื่อยๆ แน่!
“จี้ซิงเหยาธิดาเทพคนปัจจุบันของเรือนกระบี่เร้นปุจฉานั่น เทียบกับอวี่หลิงคงแล้วเป็นอย่างไร”
หลินสวินอดถามไม่ได้
ใช่ว่าเขาสอดรู้สอดเห็น แต่เขารู้ดีว่าหากตนต้องการเด่นผงาดท่ามกลางมหาสงคราม ก้าวสู่มรรคา ‘ขอบเขตมกุฎราชัน’ ในตำนาน ก็ถูกกำหนดไว้แล้วว่าไม่อาจหลีกเลี่ยงการปะทะกับคู่ต่อสู้อย่างอวี่หลิงคงหรือจี้ซิงเหยา!
ฟางหลินหานกล่าวขรึมเคร่ง “ผู้หญิงคนนี้ลึกลับน่าดู จนตอนนี้ก็ไม่เคยมีใครรู้ว่าพลังปราณของนางลึกซึ้งถึงระดับใด ทว่าไม่เพียงแต่ข้า ผู้ฝึกปราณมากมายแห่งแดนฐิติประจิมต่างสันนิษฐานว่า ความแข็งแกร่งแห่งรากฐานและพลานุภาพในพลังของผู้หญิงคนนี้ต้องไม่ด้อยไปกว่าอวี่หลิงคงนั่นแน่!”
กล่าวถึงตรงนี้เขาเผยรอยยิ้มเยาะอย่างอดไม่อยู่ “รู้ไหม ผู้ฝึกปราณส่วนใหญ่แห่งแดนฐิติประจิมตอนนี้ต่างคิดว่า จี้ซิงเหยามีคุณสมบัติเพียงพอกลายเป็นผู้นำรุ่นเยาว์แห่งแดนฐิติประจิม บางทีนี่อาจเป็นการสรรเสริญยกยออย่างหนึ่ง แต่ก็เป็นข้อพิสูจน์โดยไม่ต้องสงสัยว่าจี้ซิงเหยาไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง”
หลินสวินพยักหน้า ในใจกลับทอดถอนใจ เบื้องลึกเบื้องหลังของดินแดนรกร้างโบราณช่างวิปริตเกินไปแล้ว พยัคฆ์หมอบมังกรซ่อน แหล่งชุมนุมผู้กล้า ยิ่งรู้จักก็ยิ่งชวนประหวั่น
ไม่แปลกที่จักรพรรดิองค์ปัจจุบันแห่งจักรวรรดิจื่อเย่าเคยกล่าวว่า ดินแดนรกร้างโบราณคือเวทีของผู้กล้ารุ่นเยาว์ มีเพียงบุคคลไร้เทียมทานที่แท้จริงจึงจะสามารถนำพากระแสโลกา โดดเด่นเป็นสง่า!
“จริงสิ อวี่หลิงคงปรากฏตัวในแดนฐิติประจิมครั้งนี้ เกรงว่าคงไปเรือนกระบี่เร้นปุจฉาเยี่ยมเยียนจี้ซิงเหยา หากเป็นเช่นนั้นจริง เทศกาลโคมกถามรรคครึ่งปีหลังจากนี้ อวี่หลิงคงอาจปรากฏตัวพร้อมจี้ซิงเหยา เวลานั้นเกรงว่าคงมีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว…”
ฟางหลินหานพลันกล่าว นัยน์ตาแฝงความหวังวูบหนึ่ง
หลินสวินชะงักงัน จากนั้นจึงกล่าวอย่างประหลาดใจ “เจ้าก็จะเข้าร่วมเทศกาลโคมกถามรรคหรือ”
ฟางหลินหานถามกลับ “เจ้าไม่ไปรึ”
หลินสวินคิดไปคิดมา ก่อนส่ายศีรษะกล่าว “หากเป็นไปได้ ข้ายินดีไปดูความสง่างามของเทศกาลโคมกถามรรคยิ่ง แต่ถึงตอนนั้นจะมีเวลาเข้าร่วมหรือไม่กลับไม่อาจแน่ใจ”
ฟางหลินหานยิ้ม หยัดร่างสูงขึ้นพลางกล่าว “ระยะเวลาก่อนเริ่มเทศกาลโคมกถามรรคยังมีอีกมาก เจ้าแค่อย่าลืมว่า ข้ายังรอเจ้ามาประลองกับข้าสักตั้งก็พอ”
กล่าวจบเขาหันหลังกลับเดินไปห้องตนเอง
หลินสวินจนปัญญาไปพักหนึ่ง เจ้าหมอนี่ทำไมยังยึดติดอยากสู้กับตนนัก ช่างเป็นพวกบ้าต่อสู้จริง
“เจ้าหมอนี่เป็นใคร หล่อชะมัด เทียบกับศิษย์พี่เยวี่ยเจี้ยนหมิงแล้วไม่ด้อยไปกว่าแม้แต่น้อย” ซย่าเสี่ยวฉงทำหน้าหลงใหล ดวงตาโตใสสะอาดเป็นประกายดาราวิบวับ
ก่อนหน้านี้ยามหลินสวินสนทนากับฟางหลินหาน สายตานางก็จับจ้องฟางหลินหานตลอด เห็นได้ว่าบ้าผู้ชายยิ่ง ท่าทางราวหลงใหลได้ปลื้ม
ตอนนี้ถึงกับยกย่องชื่นชมฟางหลินหานต่อหน้าหลินสวิน โดยเฉพาะยังเจาะจงอธิบายเป็นพิเศษว่าสูสีกับเยวี่ยเจี้ยนหมิง นี่ทำให้หลินสวินแทบอยากจะซัดนางหนูนี่สักตั้ง
หมายความว่าอย่างไร
ก่อนหน้าบอกว่าข้าสู้เยวี่ยเจี้ยนหมิงไม่ได้ ตอนนี้ยังพูดว่าฟางหลินหานไม่ด้อยไปกว่าเยวี่ยเจี้ยนหมิง นี่ไม่ได้หมายความว่าข้าสู้ฟางหลินหานไม่ได้ด้วยหรอกรึ
หลินสวินสีหน้าไม่เป็นมิตร แค่นเสียงก่อนยกขาก้าวออกนอกโรงเตี๊ยม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์