ยังคงเป็นสังเวียนหมายเลขสิบเก้า การต่อสู้เพิ่งเริ่มต้น ผู้แข่งขันคนหนึ่งซึ่งประลองกับหลินสวินถูกซัดลอยละลิ่วออกสังเวียน ทั่วร่างชักกระตุกแทบลุกไม่ขึ้น ยอมแพ้โดยทันที
เนื่องเพราะหลินสวินต้องการใช้เวลาให้คุ้มค่า จึงไม่ออมมือดังเช่นเมื่อวานอีก ใช้พลังยุทธ์ที่แท้จริง
อย่างผู้แข่งขันคนนี้ก็ถูกประทับปี้อั้นซัดกระเด็นในกระบวนท่าเดียว
“คนต่อไป”
หลินสวินกล่าวตรงไปตรงมา ไม่พูดไร้สาระแม้แต่น้อย และไม่คิดพักผ่อนฟื้นฟู
ขณะเดียวกันในใจเขาคิดถึงตัวเลขหนึ่งเงียบๆ ‘หนึ่ง ยี่สิบ สามพันหก’
หนึ่ง หมายถึงหนึ่งชั่วยาม
ยี่สิบ คือจำนวนคู่ต่อสู้ที่พ่ายแพ้ และสามารถเข้าใจได้ว่าหมายถึงยี่สิบสนามที่ชนะติดกัน
สามพันหก ก็คือจำนวนแกนวิญญาณขั้นต่ำที่ได้รับเป็นรางวัล
หรือกล่าวได้ว่า ภายในเวลาหนึ่งชั่วยามที่ขึ้นสังเวียนประลอง หลินสวินชนะติดกันยี่สิบสนาม เอาชนะคู่ต่อสู้ยี่สิบคน สะสมรางวัลได้สามพันหกร้อยแกนวิญญาณขั้นต่ำ!
บนอัฒจันทร์ ผู้ฝึกปราณทั้งหมดต่างนิ่งอึ้งตะลึงงัน
แรกเริ่มเดิมที พวกเขาหอบความสงสัยใหญ่หลวงมาดูหลินสวินผู้ถูกเรียกว่า ‘เด็กหนุ่มปริศนา’ ว่าเป็นม้ามืดอย่างไรกันแน่ เหมือนดังคำโอ้อวดที่ลานประลองยุทธ์ไก่ฟ้าสีเงินพรรณนาไว้หรือไม่
แต่การเอาชนะคู่ต่อสู้แต่ละคนราวเด็ดหญ้าหักไม้ผุของหลินสวินทำเอาพวกเขาไหวหวั่นอย่างสิ้นเชิง จิตใจสั่นสะท้าน ส่งเสียงอึกทึกพลุ่งพล่านไม่หยุด
การโจมตีเดียว!
ตั้งแต่เริ่มต่อสู้จนถึงตอนนี้ ผู้แข็งแกร่งซึ่งขึ้นมาประลองบนสังเวียนกับ ‘เด็กหนุ่มปริศนา’ นั่น ไม่มีสักคนสามารถต้านทานการโจมตีเดียวของเขา!
ท่าทางกร้าวแกร่งผงาดผยองนั่นเสมือนดั่งเทพเซียน
กระทั่งตอนนี้เสียงฮือฮาและเสียงอุทานบนอัฒจันทร์เงียบสงัด เพราะต่างถูกสั่นสะเทือนจนบื้อใบ้ ตกอยู่ในความอึ้งงัน
การต่อสู้เช่นนี้แม้ชวนตื่นตระหนก แต่จำนวนครั้งยิ่งมากกลับเห็นได้ว่าน่าเบื่ออยู่บ้าง ล้วนถูกกระบวนท่าเดียวตีพ่าย ตื่นตระหนกก็ส่วนตื่นตระหนก ทว่าไม่อาจพูดถึงความมีสีสันแต่อย่างใด
เพียงแต่เมื่อเทียบกันแล้ว ผู้ดูแลลานประลองยุทธ์ไก่ฟ้าสีเงินกลับดีอกดีใจยิ่ง เสมือนขุดพบอัญมณีเลอค่าไร้เทียมทาน ทยอยส่งข้ารับใช้มากมายออกไปส่งข่าวยังโลกภายนอกอย่างต่อเนื่อง ทำการป่าวร้องชวนเชื่อแบบวางระเบิด
“เด็กหนุ่มปริศนาเปิดตัวอย่างกร้าวแกร่งอีกครา กรำศึกจนตอนนี้ไร้ศัตรูต่อกร!”
“เด็กหนุ่มปริศนากับเฉิงลี่เสวี่ยใครแข็งแกร่งใครอ่อนแอกันแน่ วันนี้จะเผยคำตอบ!”
“มีใครไม่พอใจหรือ เช่นนั้นก็มาลานประลองยุทธ์ไก่ฟ้าสีเงินสิ เด็กหนุ่มปริศนาต้องการเพียงความพ่ายแพ้สักครา!”
การป่าวประกาศชวนเชื่อเจือปลุกระดมเด่นชัดสารพัดรูปแบบแพร่กระจายทั่วนครเตโชวันนี้ ถล่มผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าอย่างบ้าคลั่ง
ชั่วขณะเดียวก็ก่อให้เกิดความครึกโครมและปฏิกิริยาตอบกลับใหญ่หลวง ผู้ฝึกปราณมากมายล้วนถูกดึงดูด พากันมุ่งหน้ามาลานประลองยุทธ์ไก่ฟ้าสีเงิน
มีคนอยากรู้อยากเห็น ว่าเด็กหนุ่มปริศนาซึ่งถูกลานประลองยุทธ์ไก่ฟ้าสีเงินคุยโวจนเหนือธรรมชาติคนนั้น ความสามารถเป็นจริงดังคำโอ้อวดหรือไม่
และมีคนโมโห เห็นว่าลานประลองยุทธ์ไก่ฟ้าสีเงินบังอาจเหลือเกิน เพื่อป่าวประกาศชวนเชื่อถึงกับใช้คำว่า ‘ต้องการเพียงความพ่ายแพ้สักครา’ นี่คิดประกาศศึกกับผู้แข็งแกร่งทั่วนครเตโชหรือ
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เป้าหมายของลานประลองยุทธ์ไก่ฟ้าสีเงินก็สำเร็จแล้ว ผู้ฝึกปราณที่มาดูดุจดั่งน้ำหลากสาดซัด แต่ละคนล้วนต้องจ่ายค่าผ่านประตูก้อนหนึ่ง นี่ก็หมายความว่าวันนี้พวกเขาหาเงินได้เต็มกระบุงโกยแน่!
ผู้ดูแลลานประลองยุทธ์ไก่ฟ้าสีเงินยิ้มจนหน้าบาน สายตาที่มองหลินสวินราวมองดูสมบัติล้ำค่าสุดที่รัก
เขากำลังวางแผนภายในใจ ควรทำอย่างไรจึงจะสามารถรั้งม้ามืดผู้นี้ไว้ได้ สร้างเป็นป้ายป่าวประกาศอันใหม่ดึงดูดผู้แข็งแกร่งให้มากขึ้น
ทว่าไม่ทันไรอารมณ์เขาก็แย่ลง คิ้วขมวดอยู่บ้าง กล่าวพึมพำ “ยุ่งแล้ว…”
ในสังเวียน หลินสวินชนะติดกันสามสิบเก้ายก ผู้ฝึกปราณบนอัฒจันทร์ต่างส่งเสียงโหวกเหวก หมายให้เฉิงลี่เสวี่ยปรากฏตัวตัดสินแพ้ชนะกับหลินสวิน
“แม่งเอ๊ย เฉิงลี่เสวี่ยทำไมยังไม่โผล่มาอีก หรือว่าเขาจะกลัว”
“คู่ต่อสู้อ่อนแอเกินไปแล้ว การประลองเช่นนี้ดำเนินต่อไปยังมีอะไรน่าดู พวกเจ้าลานประลองยุทธ์ไก่ฟ้าสีเงินเลือกผู้แข็งแกร่งที่ต่อยตีเป็นมาหน่อยไม่ได้รึ”
“เฮ้อ แม้ข้าจะรู้ว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ไม่ได้เรื่อง เป็นพลังต่อสู้ของเด็กหนุ่มปริศนานั่นดุดันป่าเถื่อนเกินไป แต่… การประลองที่กระบวนท่าเดียวตัดสินแพ้ชนะเช่นนี้มันน่าเบื่อซะจริง”
เสียงบ่นจุกจิก เสียงตำหนิต่อว่า เสียงด่าไม่พอใจเริ่มดังขึ้น และยิ่งดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ มีสัญญาณว่าจะควบคุมไม่อยู่
ผู้ดูแลลานประลองยุทธ์ไก่ฟ้าสีเงินหน้าพลันเปลี่ยนสี แม้ในคำชวนเชื่อบอกว่าวันนี้จะให้หลินสวินและเฉิงลี่เสวี่ยตัดสินแพ้ชนะ แต่เขาไหนเลยจะทำเช่นนี้ได้จริง
ต้องรู้ว่าก่อนหลินสวินปรากฏตัว เฉิงลี่เสวี่ยเป็นตัวเรียกแขกอันเด่นดังที่ลานประลองยุทธ์ไก่ฟ้าสีเงินสร้างขึ้นมา!
เพราะมีเฉิงลี่เสวี่ยอยู่จึงทำให้พวกเขามีจุดขายมาป่าวร้องชวนเชื่อ ดึงดูดผู้ฝึกปราณมาต่อเนื่องไม่ขาดสาย
ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าเฉิงลี่เสวี่ยแพ้หรือหลินสวินพ่าย สำหรับพวกเขาลานประลองยุทธ์ไก่ฟ้าสีเงินก็ไม่ต่างอะไรกับการทำลายป้ายประกาศชวนเชื่อทองคำ
ทำอย่างไรดี
ผู้ดูแลลานประลองยุทธ์ไก่ฟ้าสีเงินอึ้งงัน เขาสนใจแค่การป่าวประกาศชวนเชื่อและหาเงิน ไหนเลยจะคิดถึงผลลัพท์เลวร้ายที่ตามมาเช่นนี้
ในลานประลองฝูงชนล้วนโมโหเกรี้ยวกราด ต่างแสดงออกถึงความไม่พอใจ เอะอะโวยวายหมายให้เฉิงลี่เสวี่ยขึ้นสังเวียน
หลินสวินก็ไม่พอใจกับสิ่งนี้มาก เพราะเขากำลังพยายามเก็บแกนวิญญาณ แต่บัดนี้กลับได้รับผลกระทบ ไม่มีผู้แข่งขันยอมขึ้นสังเวียนเลย!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์