หลินสวินอึ้งงัน อดเงยหน้าขึ้นมองไม่ได้ บัดนั้นนัยน์ตาพลันหรี่ลง รู้สึกตื่นตกใจนัก
นั่นคือหญิงนางหนึ่งที่เรียกได้ว่างามล่มเมือง เรือนผมดำของนางปานน้ำตก ดวงหน้างามทรงเสน่ห์ คิ้วดำขลับดุจสีหมึก ดวงตาเรียวชี้ดั่งพญาหงส์เป็นประกายวาววับ รูปโฉมชวนพิศ ทำให้ผู้คนรู้สึกไหวหวั่นอย่างหนึ่ง
นางแต่งกายเรียบง่ายนัก ปิ่นไม้หยาบเสื้อผ้าธรรมดา แต่งกายสมถะ ทว่าเรือนร่างกลับอวบอิ่มสมบูรณ์ ผิวพรรณพิสุทธิ์เกลี้ยงเกลาราวกับหยกมันแพะ แวววามสวยงาม
แม้นางจะเงียบๆ ทว่าทุกท่วงท่าอิริยาบถกลับมีมาดสง่างามและชวนมองประการหนึ่ง
อะไรที่เรียกว่างามล้ำไร้ที่เปรียบ
ก็นี่อย่างไรเล่า!
งามจนเป็นเหตุแห่งเภทภัย ทรงสง่าหาตัวจับยาก ทำให้ผู้คนนึกถึงประโยคนี้ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว โลกปรากฏหญิงงาม ละโลกแลสันโดษ ผู้ซึ่งงามล่มเมือง ซ้ำงามล่มแคว้น!
แม้ว่าหลินสวินฝึกปราณมาจนป่านนี้จะพบเห็นสาวงามมาทุกรูปแบบ อีกทั้งแต่ละนางต่างมีความงามและทรงเสน่ห์แตกต่างกัน
ทว่าเวลานี้กลับยังไม่อาจไม่ตื่นตกใจ คิดไม่ถึงเลยแม้แต่น้อย ว่าอาจารย์ของซย่าเสี่ยวฉงถึงกับเป็นหญิงที่รูปโฉมไร้ที่เปรียบคนหนึ่งเช่นนี้
อีกทั้งหลินสวินสัมผัสได้ว่าบรรยากาศในโรงเตี๊ยมแปลกประหลาดนัก สายตาของแขกละแวกใกล้เคียงต่างจับจ้องไปที่ร่างหญิงอรชรทรงเสน่ห์ผู้นั้นโดยพร้อมเพรียง สีหน้าท่าทางต่างทอแววหลงใหล และมีเสียงกลืนน้ำลายดังขึ้นเป็นระยะ…
แต่หญิงผู้นั้นกลับสีหน้าแน่วนิ่ง ยกถ้วยจิบชา ริมฝีปากแดงเอิบอิ่มสัมผัสกับถ้วยกระเบื้องมันวาวสีอ่อนแผ่วเบา เม้มปากเล็กน้อย เรียวฟันผุดเผยรางๆ ภาพนั้นถึงกับชวนพิศและน่าตกตะลึงอย่างอธิบายไม่ถูก
เสมือนไม่ว่าการเคลื่อนไหวจะธรรมดามากเพียงใด เมื่ออยู่บนร่างของหญิงนางนี้ ก็พาให้เกิดเสน่ห์และความงามสง่าเป็นพิเศษอย่างหนึ่งเพิ่มขึ้นมา
หลินสวินไม่สามารถจินตนาการได้จริงๆ ว่าซย่าเสี่ยวฉงที่ใสซื่อไร้เดียงสาเช่นนี้ อาจารย์ของนางกลับเป็นถึงหญิงงามระดับล่มเมืองล่มแคว้นคนหนึ่ง
แตกต่างมากเกินไปแล้ว!
พลันเห็นฟางหลินหานที่แต่เดิมกำลังสนทนากับหลินสวิน เวลานี้ก็ยิ้มน้อยๆ ส่งสายตาเป็นนัยคลุมเครือมาให้หลินสวินพลางกล่าว “รู้สึกว่างามจนน่าตะลึงหาที่เปรียบไม่ได้ใช่หรือไม่”
หลินสวินพยักหน้าอย่างเห็นด้วยสุดซึ้ง
“ดูข้านะ”
ฟางหลินหานที่แต่เดิมยังคิดจะคุยอะไรบางอย่างกับหลินสวิน ทว่าเวลานี้กลับเปลี่ยนใจกะทันหัน จัดแจงเสื้อผ้าแล้วสาวเท้าเดินไปที่หน้าโต๊ะของหญิงผู้นั้น
เขาไม่เกรงใจอย่างยิ่ง นั่งลงข้างๆ ตามอำเภอใจ ดวงหน้าหล่อเหล่าและร้ายกาจปรากฏรอยยิ้มน่าหลงใหล กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ดื่มชาตามลำพังไม่น่าเบื่อเกินไปหรือ ไม่สู้ให้ข้าร่วมดื่มกับแม่นางสักหนว่าอย่างไร”
แววตาของเขาจริงใจยิ่ง ไม่มีแววลวนลามแต่อย่างใด ห้าวหาญและสุขุม ท่วงท่ามีภูมิ รับกับดวงหน้าหล่อเหลาร้ายกาจนั้นของเขา มีคุณสมบัติให้ภาคภูมิโดยที่ไม่มีผู้หญิงคนไหนใจร้ายปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยได้
หลินสวินมองจนปากอ้าตาค้าง ลอบนับถืออยู่ในใจ อย่างน้อยก็เป็นครั้งแรกที่เขาพบว่า เจ้าคนบ้าระห่ำและดื้อด้านคนนี้ถึงกับไร้ยางอายได้ขนาดนี้!
ซย่าเสี่ยวฉงเองก็อึ้งงันไปเช่นกัน ค่อนข้างไม่อยากเชื่อ นางลุ่มหลงในรูปโฉมของฟางหลินหานตลอดมา ทว่าตอนนี้เจ้าหมอนี่กลับถึงขั้นจะเรียกร้องความสนใจจากอาจารย์ของนาง!
สิ่งนี้ทำให้นางโกรธมาก ดวงหน้าน้อยไร้เดียงสาแต้มไปด้วยเดือดดาล พึมพำอย่างหัวเสียในใจ ฟางหลินหานหนอฟางหลินหาน คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเป็นคนพรรค์นี้เสียได้!
กลับเห็นอาจารย์ของซย่าเสี่ยวฉงวางถ้วยชาลง เรียวปากแดงเรื่อปรากฏเส้นโค้งประหนึ่งยิ้มเยาะขึ้น ดวงตาเรียวชี้คู่นั้นปรายตามองฟางหลินหานแล้วกล่าวว่า “พ่อหนุ่ม แง่อายุ ข้าเป็นแม่เจ้าก็ยังเหลือเฟือ ในแง่รูปโฉม เจ้าหน้าขาวเช่นเจ้าข้าก็เห็นมามากแล้ว ในแง่ความแข็งแกร่ง ดูแล้วเจ้าก็ไม่เท่าไร แต่เจ้ากลับมีความกล้ามาเกี้ยวข้า ช่างบ้าตัณหา ไร้ซึ่งความกริ่งเกรงเสียจริง”
น้ำสียงของนางเจือแววแหบพร่า แผ่วต่ำและเกียจคร้าน ทั้งที่กำลังยิ้มเยาะและเอ่ยเตือนอยู่แท้ๆ แต่กลับเจือความไพเราะประหนึ่งดึงดูดวิญญาณประการหนึ่ง
หลินสวินลอบเหงื่อตก ถ้อยคำอาจารย์ของซย่าเสี่ยวฉงช่างตรงไปตรงมานัก เปลี่ยนเป็นคนอื่นเกรงว่าคงยอมจำนนอย่างขายขี้หน้าตั้งนานแล้ว
แต่ฟางหลินหานดันไม่ไหวติง รอยยิ้มยังคงเปล่งประกายพาให้ผู้คนมัวเมา แววตามองไปยังหญิงผู้นั้นอย่างจริงใจ และกล่าวจริงจังว่า “ไม่มีอะไรเลย? ไม่สิ ข้ายังมีหัวใจรักหญิงงามหนึ่งเดียวที่ต่างจากผู้อื่น ไร้ซึ่งทัดเทียม ฟ้าดินมียอดหญิงงามมากมายไม่กล่าวถึง ในสายตาของข้า ท่านก็คือสุดยอดหญิงงามที่เจิดจรัสที่สุดในใต้หล้า”
กล่าวถึงตอนสุดท้ายเสียงของเขายิ่งทุ้มต่ำและจริงจังมากขึ้น เจือแววสุจริตใจ “นับประสาอะไรกับในใจข้ารักความงามของท่าน เหตุใดปากต้องแสร้งว่าไม่ชมชอบด้วยเล่า”
‘อย่างนี้ก็ได้ด้วยหรือ’ หลินสวินเบิกตากว้าง ‘ไร้ยางอายเกินไปแล้วกระมัง’
‘ชิ! หน็อยแน่เจ้าคนหน้าด้าน คิดไม่ถึงว่าเจ้าฟางหลินหานถึงกับเป็นคนพรรค์นี้!’
แขกบางส่วนบริเวณใกล้ๆ ลอบดูถูก ในใจกลับอิจฉาฟางหลินหานมากที่สามารถพูดคุยกับหญิงงามคนนั้นได้อย่างเปิดเผยและจริงใจเช่นนี้
ส่วนผู้ฝึกปราณบางคนที่อ้างตัวว่าเจนสนามรักก็ได้เปิดโลกทัศน์ ถูกวิธีการของฟางหลินหานกำราบโดยสิ้นเชิง อะไรที่เรียกว่ายอดฝีมือระดับเทพนักรัก ก็นี่อย่างไรเล่า!
คำพูดที่เสแสร้งหวานเลี่ยนปานใด ก็ยังถูกพูดออกมาด้วยเสียงจริงใจและเยือกเย็นได้ แต่ดันไม่ดูเสแสร้งแกล้งทำ มีรูปแบบเป็นของตัวเอง ทำให้ผู้คนต้องร้องอุทาน
กลับเห็นหญิงงามคนนั้นยิ้มน้อยๆ เรียวปากแดงเอิบอิ่มผุดเส้นโค้งสายหนึ่งแล้วกล่าวว่า “อ้อ อย่างนั้นหรือ หัวใจของเจ้าข้ามองไม่เห็น ไม่ใช่ว่าต้องควักออกมาให้ข้าดูหน่อยหรือ”
ในดวงตาเรียวชี้ที่คลื่นน้ำพราวระยับคู่นั้นของนางก็เปี่ยมแววจริงจังด้วยเช่นกัน ไม่เหมือนการล้อเล่น หมายความตามที่เอ่ย มีกลิ่นอายเหยียดหยามอยู่ในที
คล้ายกำลังบอกว่าลูกไม้เช่นนี้นางเห็นมามากแล้ว ถ้าเป็นแม่นางน้อยคงพอไหว แต่เมื่ออยู่ต่อหน้านางกลับยังไม่เพียงพอ
ทว่าสิ่งนี้ไม่ได้กระทบถึงฟางหลินหานแต่อย่างใด พลันเห็นเจ้าหมอนี่หัวเราะอย่างแจ่มใสกล่าวว่า “แม่นาง นี่คือเสียงหัวใจ ถ้าท่านยินดี ข้าจะอยู่ข้างกายท่าน ให้ท่านได้ฟังชั่วชีวิต หากควักหัวใจออกมาคงเป็นฉากน่าขยะแขยงใหญ่หลวงแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์