ก่อนหน้านี้นางถูกเทิดทูนราวกับเทพเซียน สถานะสูงส่งประหนึ่งไม่แปดเปื้อน ฐานะในแดนฐิติประจิมโดดเด่นหาใดเปรียบ ไม่มีใครกล้าลบหลู่และล่วงเกิน
ทว่าตอนนี้ กลับถูกแผ่นหลังของฝ่ายตรงข้ามชนกระแทกบริเวณสงวนส่วนตัวที่น่าอายมากที่สุดในการต่อสู้ สิ่งนี้ทำให้นางแทบไม่อยากเชื่อ
ที่น่าอักอ่วนมากสุดคือพลังในการชนครั้งนี้รุนแรงมาก งัดบั้นท้ายเอิบอิ่มดั่งจันทร์เพ็ญของนางจนทำเอาทั้งตัวซัดปลิวออกไป ท่าทางทุลักทุเลอย่างเห็นได้ชัด
บริเวณนั้นร้อนวูบวาบ รู้สึกแทบแหลกลาญ แต่เมื่อเทียบกับความเจ็บปวดเหล่านี้ ความโกรธระคนอายในใจของเด็กสาวชุดดำมีเหนือกว่า กระทั่งผิวพรรณเนียนละเอียดขาวผ่องยังเรื่อแดง เรียกได้ว่าบนรูปโฉมไร้ที่เปรียบเต็มไปด้วยความโกรธอาย ไม่กล้าจินตนาการ ทำให้นางไม่อาจยอมรับได้
เจ้าสารเลวสมควรตายคนนี้ ถึงขนาดกล้าทำหน้าด้านเช่นนี้เชียว!
ไม่ว่าจิตใจของเด็กสาวชุดดำจะสูงส่งเพียงใด ชั่วขณะนี้ก็โกรธจนควันออกเจ็ดทวารแล้วเช่นกัน
ในเวลาเดียวกันในใจหลินสวินก็ผุดความกังขาขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง บรรลุปราณถึงระดับเขา การรับรู้จึงว่องไวมาก เพียงชั่วขณะก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
เมื่อครู่… รู้สึก… ราวกับ… นุ่มนิ่มและยืดหยุ่นมาก… คงไม่ใช่ว่า…
หลินสวินร้องโอดโอยอยู่ในใจ ตระหนักได้ว่าไม่ดีแล้ว เขารู้โดยไม่ต้องเหลียวหลังสักนิดว่ายามนี้มีดวงตาแหลมคมปานมีดกำลังจ้องตนอย่างเย็นชา ไอสังหารน่ากลัวนั้นทำให้หัวใจของเขาอดขนลุกไม่ได้
หมดกัน!
หลินสวินตระหนักได้ว่าการโจมตีครั้งนี้จะต้องเข้าใจผิดแล้วแน่นอน ทว่าที่สำคัญคือไม่สามารถอธิบายได้ทั้งหมด
สวบ!
หลินสวินใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งอย่างแทบจะเป็นไปตามจิตใต้สำนึก อันตธารหายไปกลางอากาศทันทีประหนึ่งเท้าทาน้ำมันไม่มีผิด
เขาค่อนข้างละอายใจ จึงชิงเผ่นไปก่อนอย่างเฉียบขาดด้วยความว่องไว ทำให้ผู้ฝึกปราณในที่นั้นมองจนปากอ้าตาค้าง
“อา…” บนห้วงอากาศ เด็กสาวชุดดำเห็นดังนั้นก็ยิ่งโกรธและอายขึ้นเรื่อยๆ ส่งเสียงโอดครวญใสกังวาน ไม่อาจควบคุมไอสังหารและความเดือดดาลภายในใจได้เลย
ตูม!
เชือกมัดผมสีเขียวของนางขาดผึง เรือนผมดำขลับปลิวสยาย เงาร่างงดงามเพรียวบางปลดปล่อยไอสังหารสะท้านฟ้าดินออกมา กวาดม้วนทั่วสารทิศ
กลางนัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยไอสังหาร เจ้าสารเลวคนนั้นน่ารังเกียจเกินไปแล้ว หลังจากทำให้ตนอับอายยังกล้าเผ่นหนี นี่มันไม่เห็นตนอยู่ในสายตาชัดๆ!
นางในยามนี้มีกลิ่นอายน่ากลัวเหมือนกับภูเขาไฟโบราณลูกหนึ่งระเบิด ทำให้ผู้ฝึกปราณที่อยู่บนพื้นต่างตกใจ กระสับกระส่าย
น่าสะพรึงเหลือเกิน!
เสมือนกับเซียนนางหนึ่งบันดาลโทสะฟ้าคำรามชัดๆ ผลลัพธ์ที่ตามมานั้นสุดแสนจินตนาการ
‘บั้นท้ายเสือใครก็อย่าแตะ นับประสาอะไรกับการแตะบั้นท้ายของแม่เสือกันเล่า พี่หลินสวินนี่ทำเรื่องวอนตายครั้งใหญ่แล้วสินะ’
ใบหน้าเล็กผุดผ่องของซย่าเสี่ยวฉงเต็มไปด้วยอาการสะดุ้งสะเทือน ออกจะนับถือความกล้าหาญของหลินสวินเล็กน้อยด้วยซ้ำ ช่างไม่กลัวตายเลยชัดๆ
‘เอ๋… เจ้าหมอนั่นดูคุ้นตาชอบกล เหตุใดถึงมีบุคลิกคล้ายน้องหลินสวินอยู่หลายส่วน’
ในที่สุดฟางหลินหานก็มาถึง เพียงแต่กลับพลาดการประลองอันดุเดือดไปเสียแล้ว เห็นเพียงเงาที่ร่างกุมหัวเผ่นแน่บเหมือนหนูของหลินสวิน และเนื่องด้วยความเร็วที่ไวเกินไปจึงไม่กล้าระบุตัวตนของคนผู้นั้น
‘หือ ชักเริ่มจะไม่ชอบมาพากลแล้ว เหตุใดแม่นางชุดดำคนนี้ก็ดูคุ้นๆ ดูแล้วเหมือนกับ…’
ขณะที่มองเห็นเงาร่างอรชรซึ่งบันดาลโทสะอยู่บนเวิ้งฟ้าสายนั้น ฟางหลินหานก็อึ้งงันอีกครั้ง จากนั้นจึงส่ายหน้าเด็ดเดี่ยว ‘คงไม่ใช่นางแน่ๆ ตามข่าวลือ นางเป็นถึงหญิงสาวที่ราวกับเซียนสวรรค์ สันโดษเป็นเอกเทศ ไหนเลยจะบันดาลโทสะน่าตกใจเช่นหญิงสาวคนนี้ นิสัยใจคอดูแตกต่างกันเกินไป…’
ที่น่าเสียดายคือ ไม่รอให้ฟางหลินหานทำการยืนยัน เด็กสาวชุดดำบนเวิ้งฟ้าคนนั้นก็ถูกหญิงชราชุดเขียวนำตัวไป กลายร่างเป็นสายรุ้งวิเศษอันตรธานหายไปในพริบตา
สิ่งนี้กลับทำให้ฟางหลินหานตกใจ ตระหนักได้ถึงความน่ากลัวของหญิงชราชุดเขียว แม้ว่าไม่ใช่ราชันอย่างแท้จริง แต่ก็ต่างกันไม่เท่าใดนัก!
‘น่าเสียดายที่พลาดการประลองบันลือโลกแบบนี้ไปเสียได้…’ ฟางหลินหานทอดถอนใจ ไม่ยินยอมยิ่ง เขาโหยหาคู่ต่อสู้ที่คู่ควรกับการประลอง แต่จวบจนบัดนี้ยังไม่เคยพบเจอ ภายในใจรู้สึกหดหู่อย่างเลี่ยงมิได้
……
การประลองบันลือโลกที่ปะทุขึ้นอย่างกะทันหันแล้วยังสิ้นสุดลงอย่างกะทันหันนี้ ปิดฉากลงภายใต้สายตาจับจ้องที่ตะลึงอึ้งค้าง
แต่ไม่นานข่าวเกี่ยวกับศึกครั้งนี้ก็แพร่กระจายไปทั่วนครเตโชราวกับพายุกาฬวาต สิ่งนี้ทำให้ผู้คนไม่อาจไม่สงสัย ว่าใช้เวลาไม่นานเมืองนับพันทั่วทั้งแคว้นวิญญาณอัคนีจะต้องลือข่าวที่เกี่ยวกับศึกครั้งนี้กระฉ่อนใช่หรือไม่
อย่างไรเสียศึกครั้งนี้ก็น่าทึ่งและน่าสะท้านมากเกินไปจริงๆ
เด็กหนุ่มที่ผยองและยังแข็งแกร่งประหนึ่งเทพมารคนหนึ่ง เด็กสาวชุดดำที่พิสุทธ์โดดเด่นปานเซียนแดนสรวงคนหนึ่ง ต่างเรียกได้ว่าเป็นผู้กล้าไร้เทียมทาน และมาประลองกันเหนือท้องฟ้านครเตโช ได้รับการจับจ้องจากมวลชน ผลกระทบที่เกิดทั้งหมดแค่จินตนาการก็รู้ว่ามากมายเพียงใด
ศึกครั้งนี้ถึงขั้นเรียกได้ว่าตระการตานับตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน อย่างไรเสียในนครเตโชที่ผ่านมาก็ไม่เคยเกิดศึกบันลือโลกเช่นนี้มาก่อน
“นี่ก็คือมาดแห่งผู้กล้าไร้ทัดเทียม พลังที่ครองครองทั้งหมดเหนือกว่าคนรุ่นเดียวกันไปนานแล้ว บรรลุถึงขั้นสูงสุดที่ผู้ฝึกปราณระดับเดียวกันไม่อาจเอื้อม!”
คนจำนวนมากต่างรู้สึกทอดถอนใจ ตอนนี้คนทั้งโลกต่างรู้ดี การต่อสู้แห่งมหาสงครามที่ไม่เคยมีมาก่อนกำลังมาเยือน นี่จะต้องเป็นเวทีของผู้กล้าอย่างแท้จริงโดยไม่ต้องสงสัย
ถึงตอนนั้นผู้กล้าทั่วหล้าต่างรวมตัวกัน วีรบุรุษแข่งประชัน สรรพมรรคาสู้รบช่วงชิง ผู้ฝึกปราณทั่วไปย่อมไม่มีโอกาสเข้าร่วมเป็นหนึ่งในนั้น
“บางทีคงมีแต่บุคคลโดดเด่นเช่นชายหญิงคู่นี้เท่านั้น จึงจะมีคุณสมบัติช่วงชิงวาสนาแห่งฟ้าดินหลังจากมหาสงครามมาเยือนกระมัง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์