อ่านสรุป ตอนที่ 798 เคราะห์สังหารมาเยือน จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 798 เคราะห์สังหารมาเยือน คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
นอกหน้าต่างมืดสนิทดั่งสีหมึก แสงโคมริบหรี่เหลือเพียงแสงแหว่งเว้า
ลิ่นเหวินจวินยืนอยู่ข้างหน้าต่าง ดวงหน้างามนิ่งสงบไร้วิตก นัยน์ตาเรียวชี้เปี่ยมความคั่งแค้นเยียบเย็นเสียดกระดูก
แม้ยังไม่อาจยืนยันร่องรอยศัตรู แต่ในฐานะคู่ต่อสู้ซึ่งโรมรันกับเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬมาหลายปี สัญชาตญาณลิ่นเหวินจวินบอกนางว่าพวกสวะหมาดำนั่นมาถึงแล้ว!
“เสี่ยวฉง พวกเจ้ารักษาตัวด้วย…”
ลิ่นเหวินจวินสูดหายใจลึก เงาร่างวาบกะพริบหายไปนอกหน้าต่าง ร่างอ่อนช้อยงดงามส่องระยับท่ามกลางรัตติกาลไร้ขอบเขต
ตั้งแต่ต้นจนจบนางไม่ปกปิดเงาร่างแม้แต่น้อย
เพียงชั่วขณะ ตรอกถนนที่เงียบเชียบมืดมิดซึ่งอยู่ห่างไกลก็แว่วเสียงสุนัขหอน
จากนั้นขบวนวิญญาณมายาทมิฬปรากฏตัวอย่างเงียบสงัดไร้สุ้มเสียง ไล่ตามไปยังทิศทางที่ลิ่นเหวินจวินหนีไปอย่างรวดเร็ว
…
ชานเมือง ต้นไม้เก่าแก่สูงเสียดฟ้า ยอดเขาแน่นขนัด
ซย่าเสี่ยวฉงที่กำลังเดินผ่านป่าพลันเหลียวหลัง กล่าวระคนสงสัย “พี่หลินสวิน ทำไมข้าเหมือนได้ยินเสียงหมาป่าหอน น่ากลัวชะมัด”
นัยน์ตาดำหลินสวินวาบแววยะเยือก กล่าวอืมคำหนึ่งแล้วกล่าว “อย่าสนเรื่องพวกนี้เลย พวกเรารีบไปเถอะ”
เขารู้ว่าผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬปรากฏกายแล้ว และลิ่นเหวินจวิน… คงเริ่มหลบหนีอย่างไม่รู้เป็นตายร้ายดี
นี่ทำให้หลินสวินตระหนักถึงปัญหาที่ละเลยไปก่อนหน้านี้กะทันหัน ที่ลิ่นเหวินจวินทำเช่นนี้เป็นเพราะอะไรกันแน่
พริบตานั้นเขาก็หันมองซย่าเสี่ยวฉงซึ่งอยู่ข้างกาย เด็กสาวหน้าตาไร้เดียงสากะพริบดวงตาโตใสสะอาด กำลังจับจ้องดอกไม้ใบหญ้าที่เห็นระหว่างทางอย่างสงสัย เห็นได้ว่าใสซื่อบริสุทธิ์นัก
หลินสวินเข้าใจแล้ว
เขานึกถึงภัยพิบัติที่เกิดขึ้นยังคุกใต้เหมืองปีนั้น ตอนนั้นท่านลู่เองทำเช่นนี้ มอบโอกาสรอดชีวิตเส้นสุดท้ายที่เหลืออยู่แก่ตน…
ยามนี้การกระทำของลิ่นเหวินจวินเกือบเหมือนท่านลู่ทุกประการ ทั้งหมดล้วนเพื่อให้ซย่าเสี่ยวฉงมีโอกาสรอด!
“สหายน้อยโปรดหยุดก่อน”
ทันใดนั้นเสียงอบอุ่นหนึ่งดังขึ้นแต่ไกล
หลินสวินชะงักฝีเท้าทันที ส่วนลึกของนัยน์ตาดำวาบแสงเย็นเยียบ
เขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นชายชราชุดดำหน้าตาภูมิฐาน ท่าทางสง่างามดุจเซียนคนหนึ่ง ลอยล่องมาในรัตติกาลที่ห่างไกล
ยอดมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่ง!
หลินสวินตัดสินปราณฝ่ายตรงข้ามออกในพริบตา ทั้งแน่ใจว่าอีกฝ่ายคือผู้ฝึกปราณเผ่ามนุษย์ และไม่ได้มาจากเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ
ชายชรายั้งฝีเท้านอกระยะสิบกว่าจั้ง ไม่ประชิดเข้าใกล้อีก ยิ้มแย้มกล่าวอบอุ่น “สหายน้อยอย่าได้ตื่นตระหนก ข้าน้อยหานเหยียนเชวียมาจากสำนักมุกวิญญาณ มาโดยพลการเพราะมีเรื่องหนึ่งอยากปรึกษาสหายน้อย”
สำนักมุกวิญญาณ?
นี่ไม่ใช่สำนักที่โม่เฟิงอยู่หรอกรึ
หลินสวินเหลียวมองซย่าเสี่ยวฉง ฝ่ายหลังพยักหน้ากล่าว “พี่หลินสวิน หลายวันก่อนหลังการทดสอบใหญ่รวมสำนักสิ้นสุด ข้าเคยพบผู้อาวุโสท่านนี้”
หลินสวินร้องอ้อคราหนึ่ง ในใจกลับยังระแวดระวัง ดึกดื่นยามวิกาลตาแก่นี่กลับวิ่งมากะทันหัน บอกว่ามีเรื่องอยากปรึกษาตน เห็นชัดว่าพูดเหลวไหล
ต่อให้เป็นเรื่องสลักสำคัญขนาดไหน ต้องถึงขั้นวิ่งมาทุ่งรกร้างนอกชานเมืองเพื่อพบตนยามวิกาลด้วยหรือ
เรื่องผิดแปลกมักมีสิ่งประหลาดอยู่เบื้องหลัง!
หลินสวินแม้ยังเยาว์ แต่นับจากบำเพ็ญเพียรมาก็พบเจอเหตุนองเลือดและอันตรายไม่รู้เท่าไหร่ ประสบการณ์อันจัดเจนคือสิ่งที่คนรุ่นอาวุโสทั่วไปไม่อาจเทียบ
เขาไม่ต้องคิดก็รู้แต่แรก หานเหยียนเชวียนี่มีปัญหา!
“ขออภัย ตอนนี้ข้าไม่มีอารมณ์คุยธุระ เชิญกลับไปเถอะ” หลินสวินบอกปัดโดยตรง ไม่ให้โอกาสอีกฝ่ายเอ่ยปากสักนิด
ซ้ำพูดจบเขาก็พาซย่าเสี่ยวฉงจากไปทันที ไม่สนใจหานเหยียนเชวียแม้แต่น้อย เห็นได้ว่าไร้มารยาทยิ่ง
นี่ทำเอาหานเหยียนเชวียตะลึงงัน ปากกลับยิ้มกล่าวแม้เดือดดาลอยู่ในใจ “สหายน้อย นี่เป็นเรื่องประเสริฐยิ่ง เจ้าปฏิเสธเช่นนี้ไม่น่าเสียดายไปหน่อยหรือ”
ขณะพูดเขาก็ก้าวตามมา
หลินสวินพลันหยุดเท้า กล่าวโดยไม่หันกลับ “หากเจ้ายังกล้าตามมา อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”
น้ำเสียงเรียบสงบกลับแฝงไอสังหารเด็ดขาด พาให้บรรยากาศโดยรอบเปลี่ยนเป็นหนาวเหน็บและตึงเครียดทันที
สีหน้าหานเหยียนเชวียเปลี่ยนไปเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มนี่จะระแวดระวังและป้องกันเช่นนี้ ไม่เปิดโอกาสให้เขาเข้าใกล้โดยสิ้นเชิง
“สหายน้อย นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร ข้าหวังดีมาผูกไมตรีกับเจ้า แต่เจ้ากลับพูดจาข่มขู่ข้า นี่ออกจะเกินงามและไร้มารยาทไปหน่อยกระมัง” สีหน้าเขาพลันอึมครึม
หลินสวินหาได้ใส่ใจเขา แต่เร่งเท้าก้าวจากไปเร็วขึ้น
นี่ทำให้หานเหยียนเชวียโมโหตามไปด้วย สีหน้าเปลี่ยนเป็นทะมึนยิ่งยวด กล่าวเย็นชา “สหายน้อย หากเจ้าไม่หยุดอีก ระวังมหันตภัยจะมาเยือน!”
“ไสหัวไป!”
จากนั้นพลันหันหลังกลับ นัยน์ตาเยียบเย็นกวาดมองทั่วทิศแล้วกล่าว “คิดไม่ถึงว่าพวกสวะหมาดำไม่มา เดรัจฉานเฒ่าอย่างพวกเจ้ากลับเป็นพวกแรกที่อดรนทนไม่ไหว ในเมื่อมาแล้วก็ปรากฏตัวเถอะ!”
“เจ้าหนุ่ม กล่าวคำหยาบคายมันไม่ดี เห็นชัดว่าไร้การอบรมนัก”
ท่ามกลางความเงียบสงัด ชายวัยกลางคนสองมือไพล่หลัง สวมชุดประณีต ท่าทางเข้มแข็งองอาจ ใบหน้าน่าเกรงขาม ปรากฏตัวกลางรัตติกาลอันห่างไกล
แทบจะในเวลาเดียวกัน ทิศทางอื่นต่างทยอยปรากฏเงาร่างมากมาย มีทั้งเฒ่าชรา ทั้งวัยฉกรรจ์ มีหญิงแต่งงานแล้วที่ทรงเสน่ห์ ยังมีชายหนุ่มสง่างาม รวบแล้วสิบกว่าคน
แม้รูปร่างแตกต่างแต่งกายต่างกัน แต่ล้วนเป็นมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติทั้งสิ้น ซ้ำบางคนยังเป็นพวกชั้นยอดด้วย!
ขุมพลังเฉกเช่นนี้ ในนครเตโชสามารถก่อคลื่นลมคุกคามฝ่ายหนึ่งได้เลย
แต่ปัจจุบันกลับมาแค่เพื่อจัดการหลินสวินเพียงคนเดียว หากถูกผู้ฝึกปราณอื่นเห็นเข้าคงตกตะลึงจนกรามค้างแน่
“เดรัจฉานเฒ่าเช่นพวกเจ้ากรูมาจัดการเด็กรุ่นหลังอย่างข้าพร้อมกันยามวิกาล ยังบอกว่าข้าไร้การอบรม? ข้าว่าพวกเจ้านั่นแหละที่ไร้ยางอายไม่มีคุณธรรม”
หลินสวินเยาะหยัน เยือกเย็นไม่หวั่นเกรง ทว่าเขาสงสัยนัก เหตุใดมหายุทธ์เหล่านี้จึงวิ่งมาจัดการตน
เขาสังเกตได้ว่าหานเหยียนเชวียเป็นหนึ่งในนั้น มหายุทธ์เหล่านี้คงมาจากสำนักมุกวิญญาณอย่างไม่ต้องสงสัย!
“เจ้าหนุ่ม เจ้าก็เห็นสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว จงมอบยานสำเภาในมือออกมา แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”
ชายวัยกลางคนน่าเกรงขามซึ่งเป็นผู้นำเอ่ยปาก เขาคือเจ้าสำนักมุกวิญญาณฮว่าชิงฉือ มหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติขั้นสมบูรณ์คนหนึ่ง
หลินสวินพลันเลิกคิ้ว “ของบ้าอะไร”
“อย่ามาทำไขสือ ตอนที่เจ้าอยู่บนยอดเขาดาราโรย ยังอาศัยยานสำเภานี่หนีรอดจากการตามฆ่าของอสูรเฒ่าเครือเถา ตอนนั้นข้าเห็นชัดเจน!” หานเหยียนเชวียตะคอกตวาดเสียงดัง
ที่แท้พวกเขาหมายตายานขนส่งอวกาศ ราตรีนี้คิดอยากฆ่าคนชิงสมบัติ!
หลินสวินพลันเข้าใจทันที นี่กลับทำให้ในใจเขาแอบผ่อนคลายลงไม่น้อย
เดิมเขายังกังวลอยู่บ้าง ว่าการปรากฏตัวของคนพวกนี้เป็นเพราะถูกบงการจากเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬหรือไม่ สุดท้ายตอนนี้ก็สามารถแน่ใจว่าเป็นแค่การ ‘ชิงสมบัติ’ เท่านั้น
หลินสวินยิ้ม นัยน์ตาดำเย็นชากวาดมองคนสำนักมุกวิญญาณในที่นั้น พลางกล่าว “ตอนอยู่ที่เขาโคม่วง ข้าละเว้นพวกโม่เฟิงแห่งสำนักมุกวิญญาณของเจ้าครั้งหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าพวกเจ้ากลับกินบนเรือนขี้บนหลังคา ยังคิดชิงสมบัติข้า ช่างหน้าด้านไร้ยางอาย”
สีหน้าทุกคนพลันอึมครึม ต่างบันดาลโทสะ ไอรีนโนเวลพวกเขาเคลื่อนขุมพลังเช่นนี้ เดิมรู้สึกเหมือนเป็นการทำเรื่องใหญ่โตเพื่อจุดมุ่งหมายเล็กๆ อยู่บ้าง ใครเล่าจะคาดคิด เจ้าหนุ่มนี่กลับวางท่าราวไม่เห็นพวกเขาในสายตา นี่มันกำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว!“เจ้าหนุ่ม ให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย มอบยานสำเภาออกมาเสียตอนนี้แล้วจะไว้ชีวิตเจ้า ถ้าไม่อย่างนั้นก็ตายซะ!” ชายฉกรรจ์ห้าวหาญคนหนึ่งตวาดลั่น แววตาเยียบเย็นเผยไอสังหาร มีพลังอำนาจข่มขู่ผู้คนประการหนึ่ง
สีหน้าคนอื่นเองก็ไม่ได้เป็นมิตรนัก ตั้งท่าเตรียมลงมือสังหารเต็มที่
“พูดพล่ามไร้สาระกับมันทำไม รีบฆ่ามันแล้วค่อยชิงยานสำเภาจากศพซะก็สิ้นเรื่อง!” ฮูหยินงามวัยกลางคนนั่นเอ่ยปาก ท่าทียกตนข่มท่านและกร้าวแกร่งเสียยิ่งกว่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์