Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 797

สรุปบท ตอนที่ 797 ขบวนวิญญาณมายาทมิฬ: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สรุปตอน ตอนที่ 797 ขบวนวิญญาณมายาทมิฬ – จากเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

ตอน ตอนที่ 797 ขบวนวิญญาณมายาทมิฬ ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 797 ขบวนวิญญาณมายาทมิฬ
“ขอรับ!”

สุดท้ายโม่เฟิงพยักหน้ารับคำอย่างยากลำบาก คำสั่งอาจารย์ยากฝ่าฝืน แม้ใจเขาคัดค้านนักแต่ไม่อาจไม่ทำตาม

บางครั้งชีวิตคนเราก็เป็นเช่นนี้ เรื่องไม่สมปรารถนาล้วนมีมากมาย!

ทว่าขณะโม่เฟิงลุกขึ้น พลันเห็นว่าทางเข้าโรงเตี๊ยมซึ่งอยู่เยื้องกันมีเงาร่างคุ้นตาหนึ่งเดินออกมา เป็นเด็กหนุ่มนั่น!

ข้างกายเขามีเด็กสาวคนหนึ่งติดตามมาด้วย นั่นคือซย่าเสี่ยวฉง โม่เฟิงรู้จักเป็นอย่างดี

ดึกดื่นป่านนี้พวกเขาจะไปไหนกันอีก

โม่เฟิงมึนงง

“ดูเหมือนพวกเขาจะจากไปสินะ”

ด้านข้าง หานเหยียนเชวียเองก็หยัดกายลุกขึ้น หน้ากากสีขาวเงินเจือกลิ่นอายแปลกประหลาดภายใต้แสงตะเกียงสลัวในโรงน้ำชา

“ไม่มีธุระของเจ้าแล้ว เจ้ารอฟังข่าวอยู่ที่นี่เถอะ”

หานเหยียนเชวียพูดพลางก้าวออกจากโรงน้ำชา แฝงตัวตามท้องถนนอยู่หลังหนุ่มสาวคู่นั้นอย่างเงียบเชียบ

ตุ้บ!

เห็นดังนี้โม่เฟิงก็นั่งอย่างไร้เรี่ยวแรงอยู่ตรงนั้น สีหน้าหดหู่ อารมณ์เขาสับสนนัก พูดไม่ออกว่าควรดีใจหรือโศกเศร้าดี

บางทีนี่อาจเป็นชีวิตที่ตนต้องเผชิญ

ดึกสงัด โคมไฟยาวไร้สิ้นสุด

หลินสวินรีบเร่งก้าวเดินบนท้องถนน จิตใจวิตกกังวลอยู่บ้าง นึกถึงท่าทางอมยิ้มและเงียบสงบของลิ่นเหวินจวินก่อนลาจาก เขาพลันทอดถอนใจอยู่ภายใน

“พี่หลินสวิน อย่างที่ข้าพูดไม่ผิดใช่ไหม อาจารย์ข้าไม่มีทางผิดนัดอยู่แล้ว”

ซย่าเสี่ยวฉงเอ่ยปากหัวเราะคิกคัก ความเจิดจ้าบนหน้าน้อยไร้เดียงสาท่ามกลางรัตติกาลเหมือนจะสะดุดตาเป็นพิเศษ

เด็กสาวยังคงมีทีท่าไร้วิตกกังวล ไม่รู้สักนิดว่าการเดินทางของนางครานี้ อาจไม่ได้พบอาจารย์ของนางอีก…

นี่ทำให้ในใจหลินสวินเกิดความสงสารเหลือจะเอ่ย

ตัวเขาเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกท่านลู่เลี้ยงดูจนเติบใหญ่มากับมือ ตอนนั้นเคยผ่านประสบการณ์จากลากับท่านลู่มาก่อน ด้วยเหตุนี้จึงเข้าใจความเจ็บปวดรวดร้าวซึ่งอาจเกิดขึ้นจากการอำลานิรันดร์

“เสี่ยวฉง ข้าพาเจ้าไปสถานที่น่าสนุกด้วยกันดีไหม” หลินสวินกล่าวเสียงอบอุ่น

ซย่าเสี่ยวฉงมองหลินสวินอย่างเคลือบแคลงสงสัยวูบหนึ่ง ก่อนย่นจมูกน่ารักกล่าว “พี่หลินสวิน ทำไมข้ารู้สึกว่าท่านออกจะแปลกๆ คงไม่ได้รับการกระทบกระเทือนอะไรใช่ไหม หรือยังกังวลเรื่องที่แตะก้นแม่เสือสาวอยู่งั้นรึ”

หลินสวินอึ้งไป กลั้นขำไม่อยู่ ยกมือเขกหน้าผากซย่าเสี่ยวฉงคราหนึ่ง ก่อนกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้ากลัวนางรึ ฮึ เจ้าน่ะดูถูกข้าไปแล้ว ครั้งหน้าหากเจอนางอีก เจ้าคอยดูแล้วกันว่าข้าจะจัดการนางอย่างไร!”

พูดถึงตอนท้ายเขาทำท่าเย่อหยิ่งเสียเต็มประดา

ซย่าเสี่ยวฉงหัวเราะคิกคักกล่าว “ก็ได้ ข้าจะรอดูท่านตีก้นนางจนออกลาย ตีจนนางคำรามโฮกๆ เลย!”

หลินสวินหัวเราะลั่น

ทั้งสองก้าวเดินเคียงกันบนท้องถนนยามรัตติกาล ยิ่งเดินยิ่งห่างไกลออกไป สองข้างทางคือแสงโคมจางๆ ห่างออกไปคือหมู่ดาราบางตา สิ่งปลูกสร้างเก่าแก่เรียงรายเป็นระเบียบเคี้ยวคดลดเลี้ยว ประพรมเสียงหัวเราะชัดกระจ่างราวกระดิ่งลมของเด็กสาวต่อเนื่องตลอดทาง

เด็กหนุ่มแย้มยิ้มมองยังที่ห่างไกล นัยน์ตาดำขลับกลับลุ่มลึกเงียบสงัดเฉกเช่นราตรีกาล

ชานเมืองนครเตโช หมู่เขากว้างใหญ่ไพศาล ยามค่ำคืนเสมือนสัตว์ปีศาจมากมายกำลังจำศีลนิทรา ทอดยาวติดต่อกันอย่างไร้สิ้นสุด

ไม่เพียงแต่นครเตโชในแคว้นวิญญาณอัคนี กระทั่งทุกเขตเมืองใหญ่ในแดนฐิติประจิมล้วนมีป่าเก่าเขาแก่แทบทั้งสิ้น ยังมีอาณาเขตดิบเถื่อนมากมายไม่เคยถูกสำรวจ

หญิงชราชุดเขียวมองคุณหนูผู้ยืนโดดเดี่ยวอึ้งงันไม่เอ่ยวาจาอยู่ตรงนั้น ในใจพลันเกิดสังหรณ์ไม่ดี คุณหนูยืนแน่นิ่งไม่ขยับอยู่ตรงนั้นมาครู่หนึ่งแล้ว

“คุณหนู เวลาล่วงมานานแล้ว พวกเราควรจากไปแล้ว” นางอดเอ่ยเตือนไม่ได้

เด็กสาวชุดดำคล้ายไม่ได้ยิน

นางรูปร่างเพรียวบาง โค้งเว้าได้รูปสมบูรณ์แบบ ผิวขาวผ่องเกลี้ยงเกลา ยืนอยู่ตรงนั้นตามอารมณ์ มีความโดดเด่นสันโดษประการหนึ่ง กลิ่นอายประณีตเยียบเย็น หน้ากากสีขาวเงินเพิ่มสีสันลึกลับเป็นปริศนาแก่นาง

หญิงชราชุดเขียวกังวลอยู่ในใจ หรือเกิดเหตุไม่คาดฝันอะไรขึ้นกับคุณหนูระหว่างประลองวันนี้ เป็นไปได้อย่างนั้นรึ

กวาดตามองคนรุ่นเยาว์ทั่วแดนฐิติประจิม ผู้ที่สามารถเป็นคู่ต่อกรของคุณหนูมีจำนวนแค่นับนิ้วได้ และที่สามารถโจมตีนางยิ่งน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย แทบไม่มีด้วยซ้ำ!

หญิงชราชุดเขียวไม่เชื่อว่าการต่อสู้วันนี้จะส่งผลกระทบต่อคุณหนูจริงๆ

หรือเป็นเพราะ… การโจมตีตอนท้ายนั่น

ในหัวหญิงชราชุดเขียวหวนนึกถึงภาพแผ่นหลังเด็กหนุ่มที่โค้งขึ้นดั่งพญามังกร กระแทกบั้นท้ายคุณหนูอย่างหนักหน่วง สีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นผิดแปลกบ้างเล็กน้อย

ภายในใจเด็กสาวชุดดำพรั่งพรูความไม่พอใจเด่นชัด

เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ส่งผลกระทบต่อนางอย่างใหญ่หลวงไอรีนโนเวล ทำให้ตอนนั้นนางงุนงงหัวสมองว่างเปล่าไปชั่วขณะ

เหตุการณ์นี้มีแรงจู่โจมรุนแรงยิ่ง ในยามค่ำคืนเห็นได้ว่าน่ากลัวนัก ไม่ว่าใครเห็นต่างขนพองสยองเกล้า จิตใจหวาดผวา

“ขบวนวิญญาณมายาทมิฬ! นี่คือกองกำลังของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ!”

นัยน์ตาหญิงชราชุดเขียวปรากฏแววอัศจรรย์ในความมืด คล้ายไหวหวั่นอยู่บ้าง “ส่วนเกี้ยวหลังนั้นดูเหมือน ‘เกี้ยวสมบัติกาฬเคราะห์’! นี่น่ะเป็นหนึ่งในอาวุธบรรพบุรุษของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ แม้อานุภาพเทียบสมบัติอริยะไม่ได้ แต่ก็เรียกได้ว่าน่าหวาดกลัวไร้ขอบเขต ผู้ที่สามารถโดยสารอาวุธบรรพบุรุษเช่นนี้ฐานะต้องไม่ธรรมดา!”

“เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬรึ…” นัยน์ตากระจ่างใสดุจดาราของเด็กสาวชุดดำฉายแววรังเกียจยากสังเกตเห็นเสี้ยวหนึ่ง

ในภาพความประทับใจของนาง เผ่าพันธุ์นี้สร้างชื่อโดยอาศัยความมืดดำ คาวเลือดและการฆ่าฟันมาตลอด เสมือนเผ่ามารอย่างไรอย่างนั้น ทำให้ผู้ฝึกปราณบนโลกหน้าเปลี่ยนสีเมื่อกล่าวถึง

ที่น่ากริ่งเกรงและหวาดกลัวที่สุดคือ กลวิธีของเผ่าพันธุ์นี้เหี้ยมโหดและนองเลือดยิ่งยวด ในดินแดนรกร้างโบราณไม่รู้ว่าก่อเรื่องที่ทำให้สวรรค์พิโรธคนเคียดแค้นไปเท่าไหร่ พูดได้ว่าชื่อเสียงฉาวโฉ่เลื่องลือถ้วนทั่ว

แต่ที่จนปัญญาคือเผ่าพันธุ์นี้เบื้องลึกเบื้องหลังแข็งแกร่งทรงพลังเหลือประมาณ อิทธิพลยิ่งใหญ่ทั่วสี่แดนวิภูของดินแดนรกร้างโบราณ คิดหมายกำจัดถึงรากเหง้าพวกเขาล้วนแทบเป็นไปไม่ได้ ด้วยเหตุนี้แม้แต่สำนักโบราณบางส่วนต่างไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเผ่านี้โดยง่าย

กระทั่งขบวนวิญญาณมายาทมิฬนั้นหายลับจากไป หญิงชราชุดเขียวและเด็กสาวชุดดำจึงเดินออกมาจากความมืด สายตาต่างมองไปยังนครเตโชซึ่งปกคลุมอยู่ใต้ราตรีกาลโดยพร้อมเพรียง

“เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬมาอย่างยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ทั้งมีคนใหญ่คนโตผู้หนึ่งโดยสารเกี้ยวสมบัติกาฬเคราะห์มาด้วย เกรงว่านครเตโชคงบังเกิดคลื่นลมที่ไม่อาจคาดเดาแล้ว…”

หญิงชราชุดเขียวทอดถอนใจ “มหาสงครามใกล้มาเยือน โลกเองก็เริ่มเปลี่ยนเป็นโกลาหล เกรงว่าใช้เวลาไม่นาน ทั่วแดนฐิติประจิมหรือกระทั่งทั้งดินแดนรกร้างโบราณคงเปลี่ยนเป็นอลหม่านขึ้นเรื่อยๆ ก่อเกิดหายนะและการต่อสู้ซึ่งไม่อาจคาดเดา”

“ที่ข้าสงสัยยิ่งกว่าคือ เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬนั่นมุ่งหน้ามานครเตโชในครั้งนี้ด้วยเหตุใด”

นัยน์ตาดาราของเด็กสาวชุดดำวาววับด้วยแสงประหลาด “แคว้นวิญญาณอัคนีเล็กๆ กลับมีตัวประหลาดบรรพกาลที่ลึกลับจำศีลอยู่ในค่ายอริยะบนยอดเขาดาราโรย ยามนี้ยังดึงดูดความสนใจของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ นี่ออกจะผิดปกติอยู่บ้าง”

ขณะเดียวกันในใจนางยังเสริมไปอีกประโยค ‘ยังมีเจ้าคนระยำต่ำช้า ไพร่สถุล ไร้ยางอาย แม้คุณธรรมน่ารังเกียจหาใดเปรียบ แต่ถึงอย่างไรสุดท้ายก็ยังถือเป็นเด็กหนุ่มผู้กล้าที่เรียกได้ว่าไร้เทียมทานคนหนึ่ง’

“คุณหนู พวกเราควรไปแล้ว” หญิงชราชุดเขียวมองทะลุความคิดของเด็กสาวปรุโปร่ง รู้ว่านางคิดอยู่ต่อเพื่อตามหาและคิดบัญชีเด็กหนุ่มนั่น

เด็กสาวชุดดำชะงัก ครู่ใหญ่จึงถอนใจกล่าว “ช่างเถอะ ไปก็ไป จากนี้ไม่ช้าก็เร็วต้องพบกันอีกแน่ ทว่าเมื่อถึงตอนนั้น…”

นัยน์ตากระจ่างของนางฉายแววโกรธแค้น “ข้าจะตอนเจ้าระยำนี่แน่!”

หญิงชราชุดเขียวยิ้มน้อยๆ กล่าว “หากไม่เกิดเหตุสุดวิสัย คนอย่างเด็กหนุ่มนั่นคงต้องเข้าร่วม ‘เทศกาลโคมกถามรรค’ แน่ ถึงตอนนั้นคุณหนูอาจสามารถลบล้างความอัปยศได้”

เด็กสาวชุดดำกล่าวอืมคราหนึ่ง ก่อนย่างก้าวผ่านห้วงอากาศจากไป

ขณะเดียวกัน บนทิศทางออกนอกเมืองฝั่งตรงกันข้าม หลินสวินพาซย่าเสี่ยวฉงทอดสายตามองท้องทุ่งกว้างสีดำที่ห่างไกลพลางกล่าว “เสี่ยวฉง หนทางต่อจากนี้อาจไร้สงบสุขอยู่บ้าง เจ้าต้องเตรียมตัวให้ดี”

ซย่าเสี่ยวฉงส่งเสียงอืมพลางกล่าว “พี่หลินสวิน ข้าเชื่อฟังท่าน ขอแค่ท่านอย่าลักพาตัวข้าก็พอ”

หลินสวินแอบขบฟันกรอด ข้า… เหมือนคนล่อลวงเด็กสาวไม่รู้ประสานักรึไง!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์