ผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่บนอาชาวิญญาณ นัยน์ตาอึมครึม โอบล้อมบริเวณนี้เอาไว้อย่างหนาแน่น
รัตติกาลมืดมิด บรรยากาศอึดอัด
ห่างออกไป ยังมีสหายพวกเขาบางส่วนตรวจสอบเสาะหาเบาะแสบนสมรภูมิซึ่งพังพินาศ
หากกล่าวว่าเผ่าวาทวาโยคือเผ่าพันธุ์ที่หูตาว่องไวที่สุดบนดินแดนรกร้างโบราณ เช่นนั้นประสาทรับกลิ่นอันแม่นยำของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬก็เรียกได้ว่าโดดเด่นในใต้หล้า ศัตรูซึ่งถูกพวกเขาหมายตาเพียงครั้งแทบไม่มีสักคนที่หนีรอด
ผู้เอ่ยปากคือชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมกันลมสีดำคนหนึ่ง ผิวขาวกระจ่าง ใบหน้างามสง่า นัยน์ตาพิกลชวนประหวั่นเจือความเหี้ยมโหดเยียบเย็น
เขานามว่าโก่วตง เป็นหัวหน้ากองกำลังขบวนนี้
พวกฮว่าชิงฉือสีหน้าปรวนแปรไม่หยุด สะท้านไปทั้งตัว คาดไม่ถึงโดยสิ้นเชิงว่าเด็กหนุ่มพลิกฟ้าราวเทพมารนั่นเพิ่งจากไป พวกป่าเถื่อนยิ่งกว่ากลุ่มหนึ่งก็เข้ามา
เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ!
นี่เป็นเผ่าพันธุ์ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ผู้แข็งแกร่งในดินแดนรกร้างโบราณนับไม่ถ้วนต่างหน้าเปลี่ยนสีเมื่อเอ่ยถึง วิธีการเหี้ยมโหดกระหายเลือด เข่นฆ่าสังหารไร้หวาดเกรง เรียกได้ว่าก่อกรรมทำชั่วเลื่องลือถ้วนทั่ว
แม้แต่สำนักโบราณบางส่วนล้วนไม่ปรารถนาข้องแวะกับเผ่าพันธุ์นี้
พรูด!
เมื่อเห็นว่าไร้ผู้ตอบรับ โก่วตงยิ้มเล็กน้อย จากนั้นจู่ๆ ก็ชูดาบโลหิตแคบยาวคมกริบทุกอณูในมือ
แสงโลหิตวาบประกาย ศีรษะชโลมเลือดหนึ่งก็ปลิวลอยกลางอากาศ!
นั่นคือมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่ง ได้รับบาดเจ็บสาหัสหายใจรวยรินจากการโรมรันเมื่อครู่อยู่ก่อนแล้ว ถูกสังหารทิ้งโดยตรงอย่างไร้แรงต้านทานสิ้นเชิง
โลหิตแดงสดร้อนฉ่าหลั่งรินต่างน้ำตก ทำเอาพวกฮว่าชิงฉือร้องตกตะลึง โกรธแค้นจนสั่นไปทั้งตัว คาดไม่ถึงโดยสิ้นเชิงว่าอีกฝ่ายจะสังหารคนอย่างไม่ทันตั้งตัว!
แค่นี้ก็สรุปความอำมหิตและกระหายเลือดของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬได้แล้ว
“เวลาของพวกข้ามีค่ายิ่ง หวังว่าพวกเจ้าจะร่วมมืออยู่บ้าง”
น้ำเสียงโก่วตงทุ้มต่ำเจือความเหี้ยมโหดเลือดเย็น “มิฉะนั้น เกรงว่าพวกเจ้าคงไม่เหลือรอดสักคน”
ฮว่าชิงฉือดวงตาปูดโปนแทบถลน โกรธถึงขีดสุด แต่สุดท้ายเขาถอนใจกล่าวหดหู่ “เดิมเมื่อครู่พวกเราคิดซุ่มโจมตีเป้าหมายหนึ่ง แต่กลับดึงดูดยอดฝีมือปริศนามาอย่างคาดไม่ถึง ทำเอาพวกเราเสียหายรุนแรง แม้แต่ผู้ก่อตั้งอาวุโสของสำนักยังโชคร้ายประสบเคราะห์…”
สีหน้าเขาโศกเศร้าและคับแค้นเปี่ยมความอัดอั้น แต่กลับไม่กล่าวถึงหลินสวิน ใช้คำว่า ‘ยอดฝีมือปริศนา’ มาแทนที่
พรูด!
โก่วตงฟังจบ ใบหน้าไร้ความรู้สึก แต่กลับสะบัดดาบฟันอีกศีรษะหนึ่งลอยลิ่วอีกคราพลางกล่าว “ข้าต้องการฟังความจริง”
ตายไปอีกคนแล้ว!
นี่ทำให้พวกเฮ่าชิงฮือแทบพังทลาย สัมผัสถึงความสิ้นหวังและโกรธแค้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน พวกเขาสำนักมุกวิญญาณนับว่าเป็นสำนักใหญ่โด่งดังในแคว้นวิญญาณอัคนี
แต่ยามนี้ผู้อาวุโสประจำสำนักพวกเขากลับถูกฟันหัวขาดราววัชพืชอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย นี่เป็นการลบหลู่และเหยียบย่ำพวกเขาที่สุดโดยไม่ต้องสงสัย!
“ฆ่าซะเถอะ! ผู้ก่อตั้งอาวุโสสำนักมุกวิญญาณของข้าก็ตายแล้ว ทั้งตอนนี้ยังบาดเจ็บสาหัส ข้าไม่อยากอยู่ต่อนานแล้ว!” ฮว่าชิงฉือพลันผุดลุกขึ้น ถลึงตามองโก่วตงด้วยโทสะ
นัยน์ตาวาบแสงประหลาดของโก่วตงหรี่ลง จากนั้นจึงยิ้มกล่าว “ก็ถูก หากเปลี่ยนเป็นข้าคงไม่ปกป้องศัตรูในเวลานี้”
เขาพูดพลางสะบัดมือ ผู้ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่งซึ่งกำลังตรวจสอบเศษซากในสมรภูมิอันห่างไกลรีบเร่งวิ่งมาหา
“เป็นอย่างไร” โก่วตงถาม
ผู้ใต้บังคับบัญชาพูดอย่างรวดเร็ว “ตามร่องรอยที่เหลือทิ้งไว้ สิ่งที่สามารถยืนยันได้คือเมื่อครู่ที่แห่งนี้มีราชันกึ่งระดับคนหนึ่งสิ้นชีพ มือสังหารน่าจะใช้สมบัติน่ากลัวบางอย่างจู่โจมสังหารในคราเดียว…”
โก่วตงไหวหวั่นอยู่บ้าง แววยะเยือกในนัยน์ตาพรั่งพรู “ไม่แปลกที่การเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่จะยิ่งใหญ่เช่นนี้ ที่แท้เพราะมีการต่อสู้ระหว่างราชันกึ่งระดับ… สามารถระบุตัวตนมือสังหารได้ไหม”
ผู้ใต้บังคับบัญชาส่ายศีรษะ “เบาะแสน้อยเกินไป ไม่อาจสรุปชัดขอรับ”
เวลานี้เองผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬซึ่งอยู่ตรงสมรภูมิห่างไกลอีกคนคล้ายพบอะไรบางอย่าง จึงร้องตะโกน “ใต้เท้าโก่วตง ตรงนี้มีกลิ่นอายนางเด็กนั่นเสี้ยวหนึ่งเหลือทิ้งไว้ขอรับ!”
ทันใดนั้นผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬซึ่งนั่งอยู่บนอาชาวิญญาณทั้งหมดพลันกระสับกระส่าย ทั่วร่างแผ่ไอสังหารชวนประหวั่น
แต่นัยน์ตาโก่วตงจับจ้องฮว่าชิงฉือทันที มือหยิบม้วนภาพหนึ่งออกมาคลี่แผ่กลางอากาศพลางกล่าว “ไอ้แก่ เจ้าเคยเห็นนางเด็กนี่สินะ”
บนม้วนภาพวาดภาพเหมือนเด็กสาวงามพริ้งเพราอ่อนเยาว์คนหนึ่ง ดวงตาโตใสสะอาด น่ารักไร้เดียงสา
พวกฮว่าชิงฉือต่างตกตะลึง รู้สึกคลางแคลงและยากจะเชื่อ หรือผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬปรากฏตัวที่นี่เพื่อไล่ล่าเด็กสาวเช่นนี้คนหนึ่งงั้นรึ
มีเพียงสีหน้าหานเหยียนเชวียที่เปลี่ยนเป็นผิดแปลกอยู่บ้าง เขาจำได้ว่านี่คือซย่าเสี่ยวฉง!
เกือบจะในเวลาเดียวกัน เขารู้สึกถึงนัยน์ตาอึมครึมเฉียบคมสายหนึ่งจ้องมาที่ตนทันที ทำเอาเขาแข็งทื่อไปทั้งตัว แอบร้องว่าแย่แล้ว
ก็เห็นโก่วตงกล่าวด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “พูดมา”
เพียงสองคำแต่กลับมีความรู้สึกชวนอึดอัดและกดดันอย่างหนึ่ง ทำให้หานเหยียนเชวียแทบจะพูดออกไปตามจิตใต้สสำนึก “นางชื่อซย่าเสี่ยวฉง มาจากสำนักยุทธ์กลุ่มดาว หลายวันก่อนที่การทดสอบใหญ่รวมสำนักของแคว้นวิญญาณอัคนีเรา ข้าเคยพบนางครั้งหนึ่ง”
โก่วตงจ้องหานเหยียนเชวียอยู่ครู่ใหญ่จึงถอนสายตากลับ ออกสั่งการทันที “เรียกหานายน้อย เป้าหมายปรากฏตัวที่นี่ ไม่ได้หนีไปพร้อมลิ่นเหวินจวิน!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์