นี่คือความเชื่อมั่นในพลังถึงที่สุดประการหนึ่ง อยู่เหนือระดับกระบวนแปรจุติ แม้อาศัยเคล็ดวิชานับพันในมือเจ้า ข้าก็สามารถถล่มมันในคราเดียว!
และเช่นเดียวกัน นี่คือพลังและความห้าวหาญของราชันกึ่งระดับ กับแค่หนอนน้อยตัวเดียว แค่ดีดนิ้วก็ขจัดสิ้น ไม่จำเป็นต้องก่อศึกใหญ่โตแต่แรก
ครืน!
แสงมรรคเชี่ยวกรากดุจเกลียวคลื่นประวาตฟ้า ส่องประกายถึงขีดสุดและน่าสะพรึงยิ่งยวด สาดส่องทั่วฟ้าดินจนเจิดจ้าดุจหิมะ
ภาพเหตุการณ์เช่นนั้นทำเอาพวกเฮ่าชิงฮือใจสั่นระรัว ปิ่มจะหายใจไม่ออก แม้แต่พวกเขาเองก็เพิ่งเคยเห็นซุนฮวนออกมือเป็นครั้งแรก
และพลังแผ่ไพศาลน่าพรั่นพรึงเช่นนี้ ทำให้พวกเขาไม่คลางแคลงแม้แต่น้อย ว่าต่อให้เป็นมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติขั้นสมบูรณ์ ก็ไม่อาจต้านทานการโจมตีนี้ได้!
ไอ้เด็กสวะนั่นต้องถูกกำจัดแน่!
พวกเขาฮึกเหิมอยู่ในใจ
ทว่ายังไม่รอให้พวกเขาได้ยินดี ทั่วร่างก็พลันแข็งทื่อโดยพร้อมเพรียง ในครรลองสายตาปรากฏภาพที่ทำให้พวกเขายากลืมเลือนชั่วชีวิต…
หลินสวินดึงธนูง้างศร เงาร่างหล่อเหลาพลันเปลี่ยนเป็นกำยำดุจเทพมาร กลิ่นอายชวนประหวั่นเหลือจะเอ่ยแผ่ซ่านจากคันธนูและศรในมือ
ตูม!
ฟ้าดินปานพังทลาย ปรากฏลักษณ์ประหลาดน่าสะพรึงอย่างตะวันร่วงหล่นจากนภาคราม กาทองครวญโลหิตกลางทะเลมรกต ที่นั่นวายุอสนีถาโถม เสมือนเทพมารบรรพกาลคำรามพิโรธ
เพราะอัศจรรย์สะเทือนใต้หล้าเกินไป จึงทำให้ฟ้าดินแถบนี้ล้วนปรากฏสัญญาณเภทภัยราวกับเป็นวันสิ้นโลกก็ไม่ปาน
ตูม!
สามารถเห็นอย่างชัดเจน ว่าศรดำสนิทที่ถูกปล่อยออกไป ราวกับเป็นแสงมรรคที่ประหนึ่งแสงแรกแห่งตะวันแหวกผ่ารัตติกาล
รอบๆ ลูกศร ห้วงอากาศกลายสภาพแปรปรวน ช่วงเวลาดั่งถูกทะลวงผ่าน ต่อหน้ามัน แสงมรรคทั้งผืนซึ่งซุนฮวนแผ่ออกมาราวทำจากกระดาษ เพียงเสียงครืนเดียวก็ถูกฉีกขาด กลายเป็นละอองแสงประพรมลอยล่องทั่วนภา
เวลาเสมือนดั่งหยุดนิ่งและยึดตรึงชั่วพริบตา
เดิมสีหน้าซุนฮวนเย็นชาและอำมหิต มีอานุภาพดุจสูงส่งบงการผู้อื่น แต่เมื่อเห็นหลินสวินเรียกคันธนูออกมา ม่านตาเขาพลันหดรัด สีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย
และเมื่อหลินสวินง้างสายธนูแดงสดราวแช่ในน้ำเลือดนั่น ในใจเขาสั่นสะท้านยากอธิบาย ขนพองสยองเกล้า มัมผัสได้ถึงอันตรายอย่างที่สุด
นี่ทำให้เขาประหลาดใจยากจะเชื่อ
กระทั่งพริบตาที่ศรดอกนี้ปล่อยออก เขาไม่อาจสงบใจได้อีก สีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวงเกือบหวีดร้องเสียงหลง ไร้ซึ่งท่วงท่าสูงส่งเหนือคนอื่นอีกแม้เพียงเสี้ยว กลับดูราวกระต่ายที่ตื่นตระหนก สั่นเทาไปทั้งตัว
เขาขวัญหนีดีฝ่อ สัมผัสได้ถึงความน่าสะพรึง ตระหนักได้ว่าครานี้ตนสะเพร่าเต็มที หาใช่ประเมินคู่ต่อสู้ต่ำเกิน แต่ประเมินสมบัติในมือคู่ต่อสู้ต่ำไปต่างหาก!
นี่เสมือนเทพมังกรจากฟ้าพลันพบว่า ในมือมดปลวกตัวจ้อยบนพื้นดินถือดาบสมบัติไร้เทียมทานพอที่จะสังหารมังกรได้!
หนี!
ซุนฮวนสมกับเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่ากึ่งราชัน สัญชาตญาณการต่อสู้และประสบการณ์อันจัดเจนทำให้เขาเกิดตอบสนองตั้งแต่พริบตาแรก
ทว่าความประมาทท้ายที่สุดก็คือประมาท ความเลินเล่อเพียงเล็กน้อยก่อนหน้าอาจไม่ส่งผลอะไร แต่เวลานี้กลับสามารถทำให้ถึงแก่ชีวิต!
เพราะนี่คือธนูวิญญาณไร้แก่นสารและศรแห่งนภาคราม คันธนูและศรคู่นี้มีที่มาเกินคาดเดานี้ เคยสังหารเหล่าราชันกึ่งระดับบนสมรภูมิกระหายเลือดหลายคน ทำให้ราชันที่แท้จริงต้องสิ้นชีพด้วยความแค้น!
กระทั่งราชินีกระหายเลือดจ้าวซิงเย่ยังเคยอาศัยธนูและศรคู่นี้บุกถล่มค่ายพ่อมดเถื่อน กดดันกองทัพพ่อมดเถื่อนจนยุติศึกไม่กล้ารุกราน!
บัดนี้หลินสวินใช้ธนูและศรคู่นี้ในดินแดนรกร้างโบราณเป็นครั้งแรก หากไม่สังหารศัตรูคงผิดต่อพลานุภาพล้นฟ้าของสมบัติคู่นี้เกินไป
ตูม!
เสียงดังสนั่นปานอสนีบาต แสงเพลิงทำลายล้างโชติช่วงทะลวงเมฆา กระจายไปทั่วม่านรัตติกาล ขยายแผ่ทุกทิศ สะเทือนเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน
และร่างของซุนฮวนถูกสังหารกระจุยในชั่วพริบตา เลือดเนื้อแหลกทลาย ดับสลายภายในรัศมีแสงมลายล้าง!
กระทั่งใกล้ตาย สัตว์ประหลาดเฒ่าผู้ห่างจากระดับราชันเพียงเสี้ยวยังไม่ทันแม้แต่จะเปล่งเสียงร้องโหยหวนก็หายลับจาก ศพอันตรธาน!
คลื่นกระแทกควันหลงชวนประหวั่นยังคงแผ่กระจาย ทะลวงโค่นทิวเขาอันห่างไกล ป่าไม้เก่าแก่กลายเป็นเถ้าถ่านในชั่วพริบตา พื้นดินปริแตกแยกออกหลายสายดั่งช่องแคบหุบเหวลึก ทุกอย่างล้วนน่าตกตะลึง ราวเห็นวันสิ้นโลกมาเยือนกับตา
ตึกตักๆ…
ฮว่าชิงฉือและพวกคนชั้นแนวหน้าของสำนักมุกวิญญาณทั้งหมดต่างถูกคลื่นลูกหลงน่าหวาดหวั่นนี้โจมตี ซวนเซกระเด็นไปนอกระยะสิบกว่าจั้ง ปากกระอักเลือด ล้มกองระเนระนาด อเนจอนาถหาใดเปรียบ
ทว่านใจพวกเขาถูกความหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเข้าปะทะ ทำเอาพวกเขาสิ้นหวังหมดหนทาง ตะลึงงันโดยสมบูรณ์
ในฐานะผู้ก่อตั้งอาวุโสเพียงหนึ่งเดียวของสำนักมุกวิญญาณ สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับกึ่งราชันที่ชื่อเสียงสะเทือนแคว้นวิญญาณอัคนีผู้หนึ่งอย่างซุนฮวน กลับถูกศรดอกเดียวสังหารต่อหน้าต่อตาพวกเขา ความไหวหวั่นและผลกระทบเช่นนั้นถึงกับเกือบทำให้พวกเขาพังทลาย
ตายแล้ว?
พวกเขาไม่อาจยอมรับความจริงอันโหดร้าย!
ในเวลาเดียวกันสีหน้าหลินสวินพลันซีดขาว ร่างกายมีสัญญาณราวตะเกียงน้ำมันแห้งขอดออกมารางๆ พลังทั่วร่างเกือบถูกดูดไปจนสิ้น
นี่ก็คือพลังสะท้อนกลับ เขาคุ้นเคยอยู่ก่อนแล้วจึงไม่ลนลาน ด้วยเหตุนี้จึงแอบเตรียมแกนวิญญาณหลายก้อน ดูดซับพลังเสริมกำลังตนเต็มที่
ทว่าต่างจากแต่ก่อน ครั้งนี้ในใจเขากลับปรากฏเจตจำนงดุดันที่คล้ายมีคล้ายไม่มีสายหนึ่ง จู่โจมสภาวะจิตและจิตวิญญาณของเขาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เขารับไม่ไหวอยู่บ้าง
‘อย่างที่ราชินีกระหายเลือดกล่าวไว้ไม่ผิด ธนูวิญญาณไร้แก่นสารไม่อาจใช้บ่อยๆ มิฉะนั้นไอพลังอำมหิตซึ่งเปี่ยมท้นในตัวมันจะถูกชักนำมา ทำให้เกิดผลลัพธ์เลวร้ายไม่อาจคาดเดา…’
นัยน์ตาดำของหลินสวินมีแสงเยียบเย็นผุดพราย โคจรเคล็ดเวทบริกรรมต้านทานและสลายไอพลังอำมหิตซึ่งกำลังจู่โจมจิตใจเต็มที่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์