เสียงเยียบเย็นราวน้ำแข็งนั้นดังขึ้น ไม่มีคลื่นอารมณ์เลยสักนิด แต่นี่กลับทำให้หลินสวินอึ้งไป ไม่อาจเชื่อได้
หากเขาจำไม่ผิด นี่เป็นครั้งแรกที่อีกฝ่ายเอ่ยถาม!
นี่พิสูจน์ได้อย่างไม่ต้องสงสัยว่าที่เขาคาดเดาไว้ก่อนหน้านี้ถูกต้อง เสียงนี้น่าจะเป็นตัวตนที่มีสติปัญญาอย่างหนึ่ง!
“ยังไม่มา แต่ก็ใกล้แล้ว” หลินสวินพูดตามจริง
“ใกล้แล้ว…” เสียงนั้นตกอยู่ในความเงียบงัน
ฟ้าดินกว้างไกลไร้ขอบเขต ทางเดินเมฆาหยกปูลาดตรงแน่ว ประตูสวรรค์ลี้ลับตั้งตระหง่าน ทุกอย่างล้วนคุ้นตาเช่นนี้
แต่เมื่อเสียงนี้เริ่มเปลี่ยนไปจากแต่ก่อน ทำให้ทั้งหมดนี้แตกต่างไปจากเดิมแล้ว
หลินสวินพลันรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายสนใจมหาสงครามเช่นกัน เป็นเพราะเหตุใด
หรือว่าตั้งแต่อดีตนานมาแล้ว อีกฝ่ายก็รู้ว่าใต้หล้านี้จะเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ไม่เคยมีมาก่อน
ทันใดนั้นหลินสวินก็ยิ้มหยันตนเอง ชีวิตเขาเสี่ยงตาย ตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน ต่อให้รู้เหตุผลทั้งหมดนี้แล้วจะเป็นอย่างไรเล่า
“ข้าจะออกไปดูเสียหน่อย”
จู่ๆ เสียงเย็นยะเยือกราวน้ำแข็งนั้นก็ดังขึ้น วาจาที่เอ่ยออกมาทำให้หลินสวินแข็งทื่อไปทั้งตัว ออกไปหรือ
หรือว่า…
และในระหว่างที่หลินสวินไหวสะท้านในใจนี้ สุดทางเดินเมฆาหยกก็พลันปรากฏเงาร่างคลุมเครือเลือนรางเงาหนึ่ง สง่างามอรชร ดูร่างจริงทั้งหมดไม่ออก เพราะละอองแสงเจิดจรัสราวเซียนโบยบินบดบัง ช่วงโชติแสบตาถึงที่สุด
แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่านั่นเป็นสตรีนางหนึ่ง!
“เจ้าทะลวงด่านอย่างวางใจ ข้าไปครู่หนึ่งแล้วจะกลับมา”
เงาร่างสง่างามราวเซียนโบยบินนั้นพลันแปรสภาพเป็นละอองแสงแล้วมลายหายไปพร้อมกับเสียงเลือนราง
ไปครู่หนึ่งแล้วจะกลับมาหรือ
หลินสวินใจสั่นสะท้าน ในหัวออกจะสับสนงงงวย เขาไม่คิดเลยว่าเข้ามายังห้องโถงมรรคาสวรรค์ครั้งนี้จะเกิดเหตุไม่คาดฝันเช่นนี้ขึ้น
โครม!
ไม่ทันให้หลินสวินได้ครุ่นคิด ทัศนวิสัยตรงหน้าก็เปลี่ยนไปในทันใด
เริ่มการทะลวงด่านครั้งที่หก!
…….
แสงสายัณห์มืดลง
“หาพบแล้ว กลิ่นอายของเด็กนี่เคยปรากฏขึ้นที่นี่!”
กลางห้วงอากาศปรากฏเงาร่างของโก่วหยางป๋อ ใบหน้าซูบตอบและเรียบเฉยของเขาเผยรอยยิ้ม “ในที่สุดก็ทนต่อไปไม่ไหวแล้วหรือ”
อีกด้านหนึ่งดวงตาโก่วหยางทงฉายแววเหี้ยมเกรียมเย็นเยียบ “เด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่ง กลับสามารถทนการตามสังหารของพวกเรามาถึงตอนนี้ได้ก็หายากจริงๆ ทว่าสุดท้ายก็เป็นเช่นนี้อยู่ดี ต่อให้แข็งแกร่งกว่านี้ก็สู้พลังระดับราชันที่แท้จริงไม่ได้!”
“รอจับเจ้าเด็กนี่ได้อย่าเพิ่งฆ่ามันตายก่อน ข้าจะแขวนศพมันนอกเมืองฉางอันแคว้นต้าถัง แล้วประจานศพมันร้อยวัน ให้ผู้ฝึกปราณทั้งแดนฐิติประจิมได้เห็นโดยทั่วกันว่าคนที่กล้าล่วงเกินเผ่าเรา จะพบจุดจบน่าสังเวชเพียงไหน!”
น้ำเสียงโก่วหยางป๋อเรียบเฉย แต่วาจากลับน่าสะท้านขวัญ
“เชือดไก่ให้ลิงดูหรือ ไม่เลว ความวุ่นวายที่เจ้าเด็กนี่ก่อขึ้นทำให้เกียรติภูมิของเผ่าเราเสื่อมเสีย ต้องใช้การลงโทษอย่างโหดเหี้ยมนี้เป็นเยี่ยงอย่าง”
โก่วหยางทงเห็นด้วยอย่างยิ่ง
ระหว่างที่สนทนากันอยู่ เงาร่างสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันทั้งสองก็ปรากฏขึ้นเหนือห้วงอากาศเบื้องหน้ายอดเขาเขียวชอุ่มลูกหนึ่ง
เป็นที่นี่เอง!
ชั่วพริบตาสายตาของพวกเขาก็เคลื่อนไป แล้วเพ่งเป้าไปที่ถ้ำแห่งหนึ่งตรงตีนเขาลูกนี้
“สถานการณ์โดยรวมแน่ชัดแล้ว” มุมปากของโก่วหยางป๋อยกขึ้นอย่างเหี้ยมเกรียม
“ก็ให้ข้าลงมือแล้วกัน”
โก่วหยางทงยิ้ม ในใจกลับบังเกิดความปรีดาอย่างบอกไม่ถูก
นี่เป็นเรื่องที่ไม่บังควร อย่างไรเสียเขาก็เป็นถึงราชัน ยามนี้เพียงแค่สังหารเด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะผู้หนึ่ง เดิมทีควรรู้สึกอับอายถึงจะถูก แต่ตอนนี้กลับมีความรู้สึกเช่นนี้ ช่างไม่บังควรนัก
จากจุดนี้ก็ดูออกว่าการตามสังหารตลอดทางนี้ทำให้โก่วหยางทงคับข้องใจเพียงไหน และเวลานี้ก็ถือว่าได้โอกาสปลดปล่อยแล้ว
“ก็ได้ จำไว้ อย่ารีบร้อนฆ่าเจ้าเด็กนี่เด็ดขาด” โก่วหยางป๋อเตือนขึ้นอีกหนึ่งประโยค เหมือนกลัวว่าถ้าหลินสวินตายแล้วจะไม่อาจทำให้เขาระบายไฟโทสะที่สุมทรวงได้
“นั่นย่อมแน่นอน”
โก่วหยางทงหัวเราะชอบใจ
พวกเขาพูดคุยกันอย่างเหิมเกริมไม่หวั่นเกรง ท่าทางมั่นใจว่าจะได้รับชัยชนะ
เพียงแต่ตอนที่โก่วหยางทงกำลังจะลงมือ รอยยิ้มที่มุมปากกลับแข็งทื่อโดยพลัน นัยน์ตาเบิกกว้าง ถึงกับนิ่งอึ้งอยู่เช่นนั้น
“หืม?”
ขณะเดียวกันโก่วหยางป๋อก็จิตใจสั่นระรัว รู้สึกกระวนกระวายถึงขีดสุด ขนลุกเกรียวไปทั้งร่าง
ก็เห็นว่าภายในถ้ำที่อยู่เบื้องล่างของยอดเขานั้น เงาร่างคลุมเครือเลือนรางเงาหนึ่งเดินออกมาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ อรชรอ้อนแอ้นไม่ชัดเจน
ทว่าภาพที่พวกโก่วหยางป๋อเห็นกลับเป็นอีกอย่าง
พวกเขาเป็นสัตว์ประหลาดระดับราชัน ผงาดเหนือห้าระดับใหญ่แห่งพลังปราณ โอหังเหนือโลกา ในใต้หล้ากาลปัจจุบัน หากไม่มีอริยะปรากฏกาย ราชันถือเป็นผู้อยู่สูงสุด!
แต่เมื่อได้เห็นเงาร่างนี้ พวกเขากลับหนาวเยือกไปทั้งตัว
นี่เป็นตัวตนเช่นไรกัน
เหนือร่างนางราวกับมีสายโซ่เทพที่ส่องสว่างเปล่งประกายโอบล้อมสายแล้วสายเล่า มีละอองแสงเซียนโบยบินลอยละล่อง มีแสงร้อนแรงโชติช่วงอบอวล แสงแต่ละแสงปะทุออกราวดอกไม้ไฟ
จู่ๆ ก็เกิดเสียงกึกก้องเหนือเวิ้งฟ้า ละอองแสงมงคลเทลงมาสายแล้วสายเล่า ประหนึ่งสักการะเทพชั้นยอดผู้หนึ่งซึ่งมาเยือนโลกา บังเกิดปรากฏการณ์ประหลาดเจิดจรัสขึ้น!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์