ช่วงเวลานี้ข่าวลือเกี่ยวกับหลินสวินมีมาต่อเนื่อง ทำทั้งแดนฐิติประจิมสั่นสะเทือน เปิดฉากคลื่นลมไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร
หลินสวินราวกลายเป็นหนึ่งในบุคคลแห่งยุครุ่นเยาว์แห่งแดนฐิติประจิมซึ่งได้รับความสนใจที่สุด จนใครๆ ต่างรู้จัก
ในเขตแคว้นหลายพันเมืองร่วมหมื่นแห่งแดนฐิติประจิมปัจจุบัน แทบทุกแห่งต่างพูดถึงทุกอย่างเกี่ยวกับ ‘เทพมารหลิน’
เปรียบเทียบกันแล้ว เขาเซี่ยอวี้ถังแม้กราบอาจารย์เข้าสำนักกระบี่โผผินอยู่ก่อน แต่ชื่อเสียงกลับจำกัดอยู่แค่ในแคว้นล้ำเมฆา ช่างแตกต่างอย่างมากเหลือเกิน
นี่จะให้เซี่ยอวี้ถังผู้เย่อหยิ่งจองหอง ไม่เห็นหลินสวินในสายตามาตลอดอดกลั้นได้อย่างไร
เด็กหนุ่มซึ่งมาจากชนบทห่างไกลความเจริญของโลกชั้นล่างคนหนึ่ง บัดนี้กลับทะยานเหนือเมฆ ชื่อเสียงขจรขจายทั่วสรรพทิศ นี่ทำให้เซี่ยอวี้ถังไม่อาจยอมรับโดยสิ้นเชิง
ด้วยเหตุนี้วันนั้นเอง เขาอาศัยฐานะของผู้สืบทอดสำนักกระบี่โผผิน เปิดเผยข่าวแก่เผ่าวาทวาโย หมายเปิดโปงเบื้องหลังหลินสวิน บดขยี้ข่าวลือไร้สาระเกี่ยวกับหลินสวินซะ!
นี่แหละคือข่าวใหญ่!
เผ่าวาทวาโยทราบเรื่องทั้งหมดนี้ก็ป่าวประกาศออกไปทันที
“ข่าวชวนตะลึง! จากการเปิดเผยของเซี่ยอวี้ถังผู้สืบทอดสำนักกระบี่โผผิน เทพมารหลินมาจากโลกชั้นล่าง มีชาติกำเนิดกระจ้อยร้อย หาใช่ผู้สืบทอดสำนักปริศนาบางแห่งอย่างแน่นอน! สันนิษฐานเช่นนี้ เทพมารหลินน่าจะไม่เกี่ยวเนื่องอันใดกับหญิงสาวปริศนานั่น!”
ทันใดนั้นแดนฐิติประจิมอึกทึกครึกโครมอีกครา ผู้ฝึกปราณมากมายหลายหลากตะลึงนิ่งอึ้ง
โลกชั้นล่าง?
ในสายตาผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วน นั่นเป็นดินแดนแห่งความแร้นแค้นเกินทน มหามรรคบกพร่อง ประหนึ่งซากปรักหักพังแห่งการบำเพ็ญเพียร พูดว่าเป็นดินแดนแห่งการทอดทิ้งล้วนไม่ถือว่าผิด!
เมื่อเผชิญหน้าโลกชั้นล่าง ผู้ฝึกปราณดินแดนรกร้างโบราณโดยกำเนิดจะมีท่าทีหยิ่งในศักดิ์ศรีสูงส่งเหนือผู้อื่นประการหนึ่ง ไม่ต่างอะไรกับผู้ดีมีสกุลพำนักอยู่ราชวัง เผชิญหน้าขอทานซึ่งอาศัยอยู่เขตสลัม
ไม่นึกเลยว่าเทพมารหลินคือผู้ฝึกปราณจากโลกชั้นล่าง
นี่ทำให้ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนซึ่งเดิมยกย่องสรรเสริญหลินสวินอย่างยิ่งต่างตะลึงงันอยู่บ้าง
“เหอะ ที่แท้เป็นพวกจากโลกชั้นล่างคนหนึ่ง ข้ายังมองเขาวิเศษวิโส สุดท้ายก็แค่นี้!”
“เทพมารหลินอะไรกัน ล้วนแต่ถูกเผ่าวาทวาโยคุยโวโอ้อวด ว่ากันตามตรง นี่แค่คนบ้านนอกซึ่งโผล่มาจากโลกชั้นล่างเท่านั้น ไม่สมชื่อเสียง!”
น้ำเสียงเยาะหยันเหน็บแนมมากมายเริ่มปรากฏ
หลายวันมานี้ทุกแห่งหนล้วนมีคำเล่าลือของหลินสวิน บอกว่าเขาเป็นเอกบุคคลรุ่นเยาว์ ใจกล้าเกินมนุษย์มนา ยกยอเขาราวบุคคลครองพิภพ เจิดจรัสหาใดเปรียบคนหนึ่ง
เดิมนี่ก็ทำให้ผู้ฝึกปราณรุ่นเยาว์บางส่วนไม่พอใจนัก ทั้งอิจฉาทั้งริษยา
บัดนี้เห็นเบื้องหลังหลินสวินถูกเปิดเผย พวกเขาพลันมีความสุขบนความทุกข์คนอื่น ฉวยโอกาสซ้ำเติมทันที ทำการประณามและเย้ยหยันหลินสวิน
ชั่วขณะเดียวนำคำว่าร้ายนานัปการก็ดังต่อเนื่องไม่ขาดสาย ส่วนมากล้วนมาจากผู้ฝึกปราณรุ่นเยาว์ พวกเขาไม่พอใจมากและริษยายิ่ง เห็นว่าหลินสวินไม่คู่ควรมีชื่อเสียงเช่นวันนี้แต่แรก
เห็นสภาพการณ์เกิดผกผัน นี่ทำให้เซี่ยอวี้ถังผู้แพร่ข่าวพลันหัวเราะ เผยเจตนาชั่วร้าย
เขาแอบกล่าวอยู่ในใจ ‘หลินสวินเอ๋ยหลินสวิน เจ้าก็อย่าโทษข้าเลย ใครให้เจ้าก้าวกระโดดจนเกินงาม สุดท้ายชื่อเสียงจอมปลอมก็คือชื่อเสียงจอมปลอม ข้าแค่พูดความจริงบางอย่างเท่านั้น สมควรให้ผู้คนตาสว่างสักหน่อย ได้รู้จักโฉมหน้าที่แท้จริงของเจ้าอย่างชัดเจน!’
เซี่ยอวี้ถังเห็นว่าตนไม่ได้ทำผิด แม้หลินสวินจะแค้นตนด้วยเหตุนี้ เขาก็ไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย!
เมื่อทราบเรื่องทั้งหมดไป่เฟิงหลิวเองก็กลัดกลุ้มและเดือดดาลนัก เกียรติภูมิและฐานะที่เขาเพลิดเพลินอยู่ตอนนี้ล้วนสร้างจากการแพร่ข่าวเกี่ยวกับหลินสวิน ส่วนลึกก้นบึ้งจิตใจเห็นหลินสวินเป็น ‘ขุมสมบัติ’ เพื่อขุดค้นข่าวสารอย่างหนึ่ง
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ มีหรือจะทนให้คนอื่นล้มล้างข่าวที่ตนแพร่ได้
ตนเพิ่งบอกว่าเทพมารหลินเกี่ยวข้องกับหญิงสาวปริศนานั่น แต่กลับถูกคนปฏิเสธ นี่แม่งต่างอะไรกับตีแสกหน้า
ไป่เฟิงหลิวโกรธจัด เริ่มแถลงข่าวดำเนินการโต้กลับ “เหอะๆ ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผู้สืบทอดสำนักกระบี่โผผินคนหนึ่งสามารถเป็นตัวแทนทั้งสำนักกระบี่โผผิน มาทำการป้ายสีและสบประมาทผู้กล้าแห่งยุครุ่นเยาว์คนหนึ่ง!”
เขาปล่อยวาจารุนแรงออกมาโดยตรง “ถ้ากล้าก็พนันกับข้า หากเทพมารหลินและหญิงสาวปริศนาไม่มีความสัมพันธ์กัน ข้าจะตัดหัวขอโทษผู้คนทั้งใต้หล้า แต่หากที่ข้าพูดเป็นความจริง เจ้าผู้สืบทอดสำนักกระบี่โผผินนี่กล้าตัวหัวตนเองมาขอขมาหรือไม่”
ครืน!
ทันใดนั้นผู้ฝึกปราณแดนฐิติประจิมนับไม่ถ้วนพลุ่งพล่านอีกครา การพนันนี้ช่างมีสีสัน สภาพการณ์เห็นชัดว่าจะพลิกกลับ
เซี่ยอวี้ถังอัดอั้นแทบกระอักเลือด สีหน้าถมึงทึง กำลังหมายทำการตอบกลับแต่ถูกจั๋วขวงหลันรั้งไว้
“ศิษย์น้องเซี่ย ไม่ว่าข่าวจริงหรือเท็จแล้วจะเกี่ยวอะไรกับพวกเรา อย่าได้ก่อคลื่นลมด้วยเหตุนี้!” วาจาจั๋วขวงหลันราบเรียบ แต่ไม่ยอมให้สงสัย
สีหน้าเซี่ยอวี้ถังปรวนแปรนานพอควร สุดท้ายจึงอดทนกัดฟัน ลอบตัดสินใจว่าหลังจากนี้เมื่อความจริงกระจ่าง สุดท้ายคนบนโลกจะรู้ว่าใครถูกใครผิด!
แต่การเงียบของเซี่ยอวี้ถังกลับถูกไป่เฟิงหลิวมองว่ายอมจำนน เขาได้ใจภาคภูมิ ปล่อยข่าวอย่างเอื้อเฟื้อใจกว้างเหลือประมาณ “เจ้าหนุ่ม อย่ามัวแต่คิดสร้างข่าวใหญ่ เกิดผิดพลาดอะไรขึ้นมา ไม่ใช่ว่าเป็นการตบหน้าตัวเองอย่างนั้นหรือ”
เซี่ยอวี้ถังโกรธจนหน้าเขียว ไอ้แก่เผ่าวาทวาโยนี่กล้าวิจารณ์เขาเชิงลบ คงอยากตายจนทนไม่ไหว!
สรุปแล้ว ทุกอย่างนี้เพียงพออธิบายว่าคลื่นลมครานี้ใหญ่โตอึกทึกครึกโครม ทั้งแดนฐิติประจิมล้วนถูกสั่นคลอน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์