ชายหนุ่มชุดคลุมหยกน้ำเสียงเรียบเฉยผ่อนคลาย แต่กลับแฝงความบ้าคลั่งไม่มีที่สิ้นสุด กระตือรือร้นที่จะลอง
ความจริงการตายของซาหลู่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา แต่เขากลับกระตือรือร้นขนาดนั้น นี่เป็นการยืนยันว่าเขาจะฉวยโอกาสนี้เหยียบเทพมารหลินขึ้นไป เพื่อเสริมส่งอานุภาพของตนอย่างไม่ต้องสงสัย!
‘คุณชายหลิน เจ้าหมอนี่ชื่อถังชวน มาจากสำนักโบราณกระบี่หยาดจรูญ ได้รับขนานนามว่าเป็นผู้กล้าวิถีกระบี่คนหนึ่ง ‘กระบี่แท้บ้าบิ่น’ ที่ครอบครอง เรียกได้ว่าเป็นวิชาเก่าแก่ อานุภาพน่ากลัวยิ่ง’
‘แต่นิสัยของเจ้าหมอนี่ใช้ไม่ได้ ตอนอายุสิบกว่าปีก็เกี้ยวพาพี่สะใภ้ของเขา แม้ภายหลังเรื่องนี้ถูกตระกูลถังของพวกเขาปิดข่าว แต่บนโลกนี้หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง ข้าจึงบังเอิญรู้เรื่องนี้เข้า’
ในเวลาเดียวกันเสียงสื่อจิตของไป่เฟิงหลิวดังขึ้นข้างหูหลินสวิน เฒ่าสากกะเบือนี่แม้จะหน้าด้านไปบ้าง แต่ถึงอย่างไรก็เป็นสายสืบชั้นยอดของเผ่าวาทวาโย ครอบครองข่าวมากมายที่ไม่มีใครรู้
สายตาของหลินสวินที่มองไปทางชายหนุ่มชุดคลุมหยกนั่นแฝงความเย็นชา คนที่ไร้ยางอายขนาดนั้น กลับกล้ากระโดดออกมาอย่างทนรอไม่ได้ คิดว่าตนเป็นมะพลับนิ่มที่สามารถบีบกำได้ตามอำเภอใจจริงๆ หรือ
“ไม่รู้ดีชั่ว” ริมฝีปากของหลินสวินพ่นคำพูดนี้ออกมาเบาๆ
นี่ทำให้ถังชวนยิ้มเยาะคราหนึ่ง ในดวงตากลับถาโถมไปด้วยไอสังหาร น่าหวั่นหวาดอย่างที่สุด
“ในเมื่อสหายยุทธ์ถังชวนมีความสนใจถึงเพียงนี้ ข้าเองก็ไม่อยากขัดความสุขของเจ้า เด็กหนุ่มคนนี้ยกให้เจ้าแล้ว” ซาหลิวฉานไตร่ตรองแล้วพูด
เขายินดีในเรื่องนี้มาก เพราะสามารถยืมมือถังชวนมาหยั่งเชิงเบื้องลึกเบื้องหลังของเทพมารหลินได้เช่นกัน
“ศิษย์น้องหลิงซี ที่แท้เพื่อนคนนี้ของเจ้าก็คือเทพมารหลินหรือ ถึงว่าก่อนหน้านี้เจ้าชื่นชมเขาถึงเพียงนั้น เพียงแต่… ดูเหมือนว่าสถานการณ์ของเทพมารหลินคนนี้ไม่สู้ดีเลย”
ริมหน้าต่างชั้นเก้าของหอวสันตสารท ผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะคนหนึ่งหัวเราะเยาะเบาๆ
“ไม่ใช่แค่ไม่สู้ดี แต่กลายเป็นที่เกลียดชังของคนทั่วหล้าไปแล้ว จากเรื่องนี้จะเห็นได้ว่า เทพมารหลินไม่ได้เก่งกาจเหมือนอย่างที่เล่าลือ เกรงว่าจะเป็นแค่คนที่เที่ยวแอบอ้างชื่อเสียงหลอกลวงคนอื่นจริงๆ”
“ศิษย์น้องหลิงซี เจ้าต้องระวังตัวนะ อย่าโดนเขาหลอกเข้าล่ะ ดังคำที่ว่ารู้หน้าไม่รู้ใจ ต่อไปหากคนอื่นรู้ว่าศิษย์น้องหลิงซีคบคนประเภทนี้ กลัวว่าจะส่งผลกระทบในด้านลบต่อชื่อเสียงของเจ้า”
“ศิษย์น้องหลิงซี เจ้าจะลงมือช่วยไม่ได้เชียวนะ ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นผู้สืบทอดของแดนพิสุทธิ์อมตะของเรา หากทำเช่นนี้สหายยุทธ์ในแดนฐิติประจิมจะมองแดนพิสุทธิ์อมตะของเราอย่างไร”
ชายหญิงคนอื่นๆ ของแดนพิสุทธิ์อมตะเองก็พูดขึ้น คำพูดเต็มไปด้วยความเย้ยหยันและเสียดสี
พยับเมฆดำแวบผ่านหว่างคิ้วของไป๋หลิงซี ก่อนจะกลับคืนสู่ความนิ่งสงบอย่างรวดเร็ว ใบหน้าอันงามสง่าไร้อารมณ์ พูดเสียงเรียบ “พวกท่านคิดผิดแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องให้ข้าช่วย อีกเดี๋ยวพวกท่านอย่าตื่นตูมกันก็พอ”
ทุกคนหลุดขำทันที ต่างไม่เห็นด้วย คิดว่าไป๋หลิงซีกำลังฝืน ไม่ยอมรับเรื่องน่าอายแบบนี้
“เทพมารหลิน มาๆๆ พวกเราฉวยโอกาสนี้ดวลกันสักตา ให้คนทั้งโลกได้เห็นว่าเจ้าแอบอ้างชื่อเสียงหลอกลวงคนอื่นหรือมีความสามารถจริงๆ!”
หน้าประตูใหญ่หอวสันตสารท ถังชวนหัวเราะเสียงกังวาน ก้าวเท้าเข้าไป
เขาในชุดแขนกว้าง ดวงตาเย็นเยียบราวกับกระบี่ เปล่งรังสีดุร้าย ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสบายๆ แผ่ความบ้าบิ่นทะลวงฟ้าออกมาทั่วร่าง
ตูม!
กลิ่นอายบนร่างเขาน่าหวั่นหวาดกว่าเดิม เสื้อผ้าพลิ้วไสว ผมยาวสยายขึ้นราวกับกระบี่สมบัติไร้เทียมทานที่กำลังจะสำแดงฤทธิ์ บ้าบิ่นคับฟ้า พูดอย่างเนิบช้า “แต่ขอเตือนอย่างไม่น่าฟังไว้ก่อนเลยว่า หากเจ้าแพ้ จุดจบจะแย่มาก ถึงขั้นอาจต้องคุกเข่าเว้าวอน!”
ใบหน้าของผู้กล้าจำนวนไม่น้อยที่อยู่รอบๆ เผยความประหลาดใจ รับรู้ได้ว่าพลังของถังชวนไม่ธรรมดาอย่างมาก ในระดับกระบวนแปรจุติหายากและน้อยมากที่จะเห็นเช่นนี้
ส่วนผู้ฝึกปราณที่ล้อมรอบดูสถานการณ์อยู่ต่างเบิกตาโพลง กลั้นหายใจจดจ่อ หัวใจเต้นระทึกอย่างรุนแรง ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดการประลองระหว่างผู้กล้าขึ้น!
เทพมารหลินที่เผชิญกับคำวิพากษ์วิจารณ์และการดูถูกมากมาย จะสามารถแสดงพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งอย่างที่เล่าลือได้หรือไม่
และถังชวนผู้กล้ารุ่นเยาว์จากสำนักกระบี่หยาดจรูญ ในเมื่อกล้าโจมตีอย่างแข็งกร้าว จะมีความสามารถเพียงพอให้เอาชนะเทพมารหลินหรือไม่
บรรยากาศเคร่งเครียดขึ้นมาทันที สถานการณ์ตึงเครียด
ในหอวสันตสารท บุคคลชั้นยอดบางส่วนที่ไม่ได้เปิดเผยใบหน้าต่างหยุดการกระทำในมือ จับจ้องมาที่นี่
และถ้ามองลงมาจากบนฟ้าก็จะพบว่า ทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้านของเมืองผาดวงดารา มีผู้ฝึกปราณมากมายกำลังเร่งเดินทางมาทางนี้ โดยมีหอวสันตสารทเป็นศูนย์กลาง
เห็นได้ชัดว่าข่าวที่เทพมารหลินปรากฏตัวและเผชิญหน้ากับกลุ่มผู้กล้าได้แพร่ออกไปตั้งนานแล้ว และแพร่กระจายในวงกว้างด้วยความเร็วที่น่าตกใจ
เยวี่ยเจี้ยนหมิงกระวนกระวาย ในใจยิ่งรู้สึกผิด เขาคิดว่าครั้งนี้เป็นเพราะเขา จึงทำให้หลินสวินถูกบีบให้ปรากฏตัวและตกอยู่ในอันตรายแบบนี้
ไป่เฟิงหลิวเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างตื่นเต้น ในมือถือใบไม้ข่าวสารปึกหนา เตรียมจะสลักทุกอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นลงไปโดยไม่พลาดรายละเอียดแม้เสี้ยว
ซาหลิวฉานและกลุ่มผู้กล้าคนอื่นๆ มองดูอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าที่แตกต่างกันออกไป
ไป๋หลิงซียืนอยู่ริมหน้าต่างชั้นเก้าอย่างสง่างาม ดวงตาคู่ใสนิ่งสงบ ใบหน้าราบเรียบราวกับน้ำ โดดเด่นและว่างเปล่า
ส่วนหลินสวินในตอนนี้กลับยังคงสงบนิ่งเหมือนเดิม นัยน์ตาดำเย็นเยียบ เผชิญกับการท้าทายที่บ้าบิ่นเต็มกำลังของถังชวนนั่น เขาพูดออกมาเพียงประโยคเดียว “นี่คือคำสั่งเสียของเจ้าหรือ”
คำสั่งเสีย!
เหล่าผู้ฝึกปราณจุ๊ปากในใจ สมกับที่เป็นเทพมารหลินผู้มีชื่อเสียงจากความกล้าหาญ เผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้กลับยังคงแข็งกร้าวและตรงไปตรงมา พาให้คนประหลาดใจและตะลึง
แต่สีหน้าของถังชวนกลับอึมครึมลง ส่งเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “เพราะคำพูดนี้ วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าสยบอยู่ใต้กระบี่ของข้า!”
ชิ้ง!
ด้านเหล่าผู้กล้าอย่างซาหลิวฉานเองก็ต่างหรี่ตาลง เหนือความคาดหมายไม่น้อย คิดไม่ถึงว่าการต่อสู้ครั้งนี้เพิ่งจะเริ่มขึ้น ถังชวนกลับทำได้แย่เพียงนี้
ถังชวนเองก็อึ้งงันอยู่บ้าง เพิ่งจะเผชิญหน้ากันก็ถูกโจมตีจนยับเยิน นี่ทำให้เขารับไม่ได้ รู้สึกเหมือนฝันอย่างไรอย่างนั้น
“ผู้กล้าที่ว่าเป็นเช่นนี้หรือ ยังจะคุยโวว่าจะมากำราบข้า ไม่รู้สึกอับอายขายหน้าหรือ” คำพูดของหลินสวินแฝงความดูถูก โจมตีอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงใจสักนิด
“เจ้ารนหาที่ตาย!”
ถังชวนเดือดดาล ในใจรู้สึกอับอาย ท่ามกลางสายตาของทุกคน ก่อนหน้านี้เขายังประกาศกร้าวอยู่เลยว่าจะฆ่าหลินสวิน แม้หลินสวินคุกเข่าอ้อนวอนก็จะไม่ปล่อยไป
แต่เพียงพริบตากลับถูกโจมตียับเยิน ทั้งยังอยู่ภายใต้สายตานับไม่ถ้วนที่มองมา ทั้งหมดนี้กระตุ้นให้เขาโกรธจนหน้าเขียว เดือดดาลถึงขีดสุด
ชิ้ง!
เขาโจมตีอีกครั้ง กระบี่วิญญาณสีทองอร่ามโฉบขึ้นฟ้า สำแดงลักษณ์อันยอดเยี่ยมไร้ขีดจำกัดออกมา มีทั้งเทพมารที่คำรามสะเทือนฟ้า มีพิบัติภัยที่ภูเขาทลายสมุทรถล่ม กระบี่คำรามราวกับคลื่นคลั่ง สะท้านขวัญและน่าหวาดหวั่น
“นี่ค่อยเข้าทีขึ้น” คิ้วของซาหลิวฉานที่ขมวดขึ้นก็ผ่อนคลายลงไม่น้อย
ผู้ฝึกปราณคนอื่นที่อยู่รอบๆ ต่างตะลึง สัมผัสได้ว่าถังชวนเดือดดาลอย่างสิ้นเชิงแล้ว การโจมตีที่ไม่มีออมมือนั่น สำแดงพลังของผู้กล้ารุ่นเยาว์คนหนึ่งออกมาอย่างถึงที่สุด
“แดนฐิติประจิมมีผู้ฝึกกระบี่ระดับนี้ถือว่าไม่เลวเลย” ในหอวสันตสารท ผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะคนหนึ่งวิจารณ์
ผู้กล้าคนอื่นๆ ที่อยู่ในที่นั้นต่างลอบเปรียบเทียบและวิจารณ์ในใจ ส่วนใหญ่คิดว่าความสามารถของถังชวนในตอนนี้ จึงจะคู่ควรกับฐานะผู้กล้ารุ่นเยาว์แห่งสำนักกระบี่หยาดจรูญของเขา
เพียงแต่พริบตาต่อมา ไม่ว่าจะเป็นผู้กล้าเหล่านั้นหรือผู้ฝึกปราณที่อยู่ในที่นั้นต่างเผยสีหน้าอึ้งงันโดยพร้อมเพรียง
ตูม!
พลันเห็นว่าตอนที่เผชิญกับการโจมตีอันสะท้านขวัญนี้ หลินสวินเพียงสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง รอยประทับโบราณหนึ่งทะยานฟ้าขึ้นมา ปรากฏภาพมายาของสัตว์เทพปี้อั้นรางๆ เปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์อันน่าสะพรึงปานกำราบทั่วทุกสารทิศ ทำลายทั้งจักรวาล
ชั่วขณะนั้นพลันได้ยินเสียงปังดังสนั่น คมกระบี่แตกกระจายทั่วฟ้า ถังชวนถูกประทับยักษ์กระแทกลงพื้นอย่างแรง แผ่นดินแตกเป็นหลุมใหญ่ ดินโคลนสาดกระเซ็น
และถังชวนฟุบอยู่ตรงนั้นเหมือนคางคกที่ถูกทับแบน เลือดไหลจากปากจมูก กระดูกทั่วร่างหักไปไม่รู้กี่ท่อนต่อกี่ท่อน ร่างกายกระตุกไม่หยุด
เฮือก!
เสียงสูดหายใจด้วยความตกใจดังขึ้นในที่นั้นอย่างต่อเนื่อง ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
ผู้กล้าหลายคนก็สะท้านในใจ พวกเขาตัดสินได้อย่างเด็ดขาดแล้วว่า ในด้านศักยภาพการต่อสู้ ถังชวนและเทพมารหลินคนนั้นไม่ใช่ระดับเดียวกันแน่นอน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์